รีวิวซีรีส์ True Story: ซีรีส์อาชญากรรมเนื้อหาเข้มข้น ที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่ชวนลุ้น ชวนบีบอารมณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ด้านบทกลับตื้นเขิน จนไม่มีอะไรแปลกใหม่ เควิน ฮาร์ท และเวสลี่ สไนเปอร์ ถ่ายทอดบทบาทออกมาได้ดาร์กแบบสุด ๆ
True Story เป็นผลงาน Limited Series เรื่องล่าสุดของ Netflix ที่สร้างสรรค์โดย อีริค นิวแมน ผู้อยู่เบื้องหลังหนังดัง ๆ อย่าง In Time และ Project Power ซึ่งในเรื่องนี้ก็ได้นำสองนักแสดงผิวสีต่างคาแรคเตอร์อย่าง เควิน ฮาร์ท (Jumanji: The Next Level) และเวสลี่ สไนเปอร์ (Blade Trilogy) มาแสดงนำ

เรื่องราวของ True Story จะว่าด้วย คิด (เควิน ฮาร์ท) นักแสดง และเดี่ยวไมโครโฟนชื่อดังของอเมริกา ที่กำลังออกทัวร์แสดง ซึ่งเขาได้มีพี่ชายอย่าง คาร์ลตัน (เวสลี่ สไนเปอร์) ที่ไม่เอาไหน ชีวิตล้มเหลว และกำลังเป็นหนี้กับแก๊งอาชญากรรม จนคืนหนึ่ง คิด ได้ไปร่วมปาร์ตี้ของ คาร์ลตัน และทำให้เขาเผลอกลับไปดื่มเหล้าอีกครั้ง จนคืนนั้นเขาเมาจนหลับไป ก่อนจะตื่นขึ้นมาพบว่าหญิงสาวที่มาค้างคืนกับเขาได้เสียชีวิตแล้ว ด้าน คิด และคาร์ลตัน เลยต้องร่วมกันหาทางอำพรางศพหญิงสาว และนั่นก็ทำให้ทั้งสองพี่น้องดำดิ่งสู่โลกอาชญากรรม ที่จะเปลี่ยนชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล

True Story เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์สไตล์ Netflix ที่มาพร้อมความบันเทิง ความระทึกที่ชวนติดตามตลอดทั้ง 7 EP. ของซีรีส์แบบเต็มอิ่ม ตัวซีรีส์ได้พาคนดู ไปร่วมหาทางเอาชีวิตรอด โกหก ปกปิดความจริง ร่วมไปกับตัวละคร ซึ่งรูปแบบความบันเทิงของซีรีส์เรื่องนี้ ก็มาในรูปแบบคล้างคลึงกับซีรีส์สุดดาร์กอย่าง Ozark และ Breaking Bad คือการสร้างสถานการณ์ไม่คาดฝัน ที่ตัวละครจะต้องแก้ปัญหา เหล่านั้นด้วยวิธีที่โหดร้าย ทารุณ ทั้งนี้ซีรีส์ก็ได้นำเสนอด้านมืดของจิตใจคน และความรุนแรงโหดร้ายในเรื่องออกมาได้อย่างดีเยี่ยม

ตัวซีรีส์ได้มีการใช้ประโยชน็จากทุกตัวละครในเรื่อง ที่นำมาสู่ความสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างคุ้มค่า ทำให้ตัวซีรีส์สามารถผูกโยงเรื่องราวทั้งหมด ให้รวมเป็นเหตุการณ์หนึ่งเดียวกัน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่าง คิด และ คาร์ลตัน ที่เป็นพี่น้องที่มีทั้งความผูกพัน และความเห็นแก่ตัว ที่ได้เป็นไฮไลท์ที่แบกซีรีส์เรื่องนี้ไว้ตลอดทั้งเรื่อง จนเราอยากติดตามความความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้จะจบลงแบบไหน

แต่น่าเสียดาย ที่ซีรีส์เรื่องนี้ กลับยังไปไม่สุดอย่างที่มันควรเป็น ทั้งนี้ด้วยความที่ซีรีส์พยายามทำให้ตัวเองออกมาบันเทิง ออกมาระทึกขวัญมากจนเกินไป ทำให้ด้านพาร์ทดราม่าเต็มไปด้วยช่องโหว่ ทั้ง ๆ ที่ตัวซีรีส์เต็มไปด้วยตัวละครที่มีปูมหลังที่น่าสนใจ ความสัมพันธ์ที่ชวนให้น่าค้นหา น่าติดตาม แต่ซีรีศ์กลับนำเสนอส่วนเหล่านี้เพียงผิวเผิน และมัวแต่ไปหมกมุ่นกับพาร์ทอาชญากรรมมากจนเกินไป นอกจากนี้บทของซีรีส์ ก็มาในสูตรสำเร็จมากเกินไป จนทำให้คนดูสามารถคาดเดาเนื้อหาได้อย่างไม่ยาก และทำให้จุดที่ควรจะหักมุมของเรื่อง ก็ไม่สามารถสร้างเซอร์ไพรส์ให้คนดูได้อย่างที่ควร
โดยรวม True Story นับว่าเป็นอีกหนึ่ง Limited Series แนวอาชญากรรม ระทึกขวัญ ที่พอดูสนุก พอดูเอาบันเทิงได้อีกเรื่อง ตลอดทั้งเรื่องของซีรีส์คนดูได้จะลุ้นกับการกระทำ และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ตัวละครต้องเผชิญ ที่เข้มข้นตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง แม้ว่าพาร์ทดราม่าจะเบาบาง และบทจะคาดเดาง่ายไปบ้าง แต่นี่ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ถูกใจคอหนัง คอซีรีส์แนวนี้ไม่มากก็น้อย
สามารถรับชม True Story ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix
Cr.IMDB, Rotten Tomatoes
ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com
FB : รวมพลคนบันเทิง รีวิวซีรีส์ True Story: ซีรีส์อาชญากรรมเนื้อหาเข้มข้น
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/QP1PAEaszVM