หนังที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความสยองขวัญ และความโหดแบบที่ไม่เคยเห็นใน MCU มีการต่อยอดประเด็นมัลติเวิร์สได้อย่างสนุก และครบรส
หนังเดี่ยวเรื่องที่สองของอีกหนึ่งตัวละครสำคัญจาก MCU ในตอนนี้อย่าง ดอคเตอร์สเตรนจ์ (เบเนดิค คัมเบอร์แบตช์) และยังเป็นหนัง Marvel เรื่องแรกประจำปี 2022 นี้อีกด้วย ซึ่งตัวหนังก็ค่อนข้างเปี่ยมด้วยความคาดหวังตากคนดูทั้งการพูดถึงเรื่อง มัลติเวิร์ส อย่างจริงจัง หลังจากที่ปูใน Spider-Man: Far From Home และ No Way Home มาแล้ว พร้อมทั้งยังเป็นการกลับมาร่วมงานอีกครั้งของ แซม ไรมี่ (Evil Dead) กับ Marvel ที่ถูกจั่วหัวว่านี่เป็นหนัง Marvel ที่มีกลิ่นของความสยองขวัญมากที่สุดเท่าที่มีมา
หนังจะว่าด้วยเหตุการณ์หลังจากซีรีส์ WandaVision และ Spider-Man: No Way Home เมื่อ ดอคเตอร์สเตรนจ์ได้พบกับ อเมริกา ซาเวจ (โซชิลท์ โกเมซ) หญิงสาวที่มีพลังในการท่องมัลติเวิร์ส หรือพหุจักรวาลได้ ซึ่งเธอได้หนีการตามล่าของปีศาจร้ายมาจากอีกจักรวาลหนึ่ง จากการช่วยเหลือของ ดอคเตอร์สเตรนจ์ ทำให้เขาได้พบว่าคนที่ส่งปีศาจมาเล่นงาน ซาเวจ คือ วันด้า (อลิซาเบธ โอลเซน) ที่กลายเป็น สการ์เลต วิตช์ ผู้ต้องการใช้พลังท่องมัลติเวอร์ส ในการไปไปหาลูก ๆ ของเธอในจักรวาลอื่น จนนำมาสู่สงครามระหว่างพ่อมด และแม่มดผู้ทรงพลัง และน่ากลัวก็ได้เริ่มขึ้น
Doctor Strange in Multiverse of Madness นับว่าเป็นงานจาก Marvel Studios ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากหนังเดี่ยวเรื่องอื่น ๆ โดย แซม ไรมี่ ได้ใส่ความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเข้าไปอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะงานโปรดักชั่นแบบหนังสยองขวัญ ที่สนเรื่องนี้จะค่อนข้างเต็มไปด้วยความดิบ โหด แบบที่ Marvel ไม่เคยทำ และมีความรุนแรงแบบเท่าที่เรต PG-13 จะใส่เข้าไปได้
ซึ่งในเรื่องผู้ชมจะได้เห็นงานเรฟเฟอร์เรนซ์เก่า ๆ ของ ไรมี่ หรือการใส่ไอเดียที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสยองขวัญในตำนานมากมาย ทั้ง Evil Dead ของเขาเอง หรือแม้แต่ Carrie ของ ไบรอัน เดอ พัลมา นอกจากนี้เสน่ห์ของหนังจากภาคแรกก็ยังคงอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะการสร้างฉากการต่อสู้ด้วยเวทมนต์ ที่ในภาคนี่ยกระดับขึ้นจากภาคที่แล้วแบบเท่าตัว ฉากการดวลเวทมนต์มีความน่าติดตาม มีความลุ้นระทึกแบบที่ไม่เหมือนใคร
ในส่วนของการเล่นกับ มัลติเวิร์ส เรียกได้ว่าทำออกมาได้น่าสนใจ และครบรสมาก หนังมีทั้งเซอร์ไพรส์แบบกำลังดี แม้ว่าจะไม่ได้เหนือกว่าที่คาดไว้มากนัก แต่การเล่นประเด็นของความหลากหลายของตัวละครในพหุจักรวาล การเล่มกับปมของดอคเตอร์สเตรนจ์ หนังสามารถตีโจทย์นี้ได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อมองโดยรวมกับเนื้อหาของหนังแล้ว นับว่าเป็นการใช้ประเด็นมัลติเวอร์สที่คุ้มค่า ลงตัวมาก ๆ
น่าเสียดายที่ในขณะที่ด้านงานโปรดักชั่นหนังทำออกมาได้ค่อนข้างโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ แต่ด้านบทหนังกลับค่อนข้างล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นการพยายามใส่บรรดาตัวละครสมทบ ที่ในเรื่องนี้แทบไม่มีความจำเป็น หรือสร้างสีสันให้หนังได้ดีเท่าที่ควร รวมทั้งตัว อเมริกา ซาเวจ ที่ถูกเพิ่มบทบาทเข้ามาโดยที่แทบจะไร้ซึ่งมิติใด ๆ
ในขณะที่ด้านตัวละคร วันด้า ที่ในเรื่องนี้ได้กลายเป็นวายร้ายแบบเพียว ๆ และกลายเป็นคนโหดร้าย อำมหิตแบบที่ไร้เหตุและผลโดยสิ้นเชิง ทำให้ส่วนที่ดีงามจากพาร์ทดราม่าที่ปูมาจากซีรีส์ WandaVision ถูกใช้อย่างไม่คุ้มค่าในเรื่องนี้อย่างน่าเสียดาย โชคดีที่ตัวหนังได้การแสดงของ อลิซาเบธ โอลเซน ช่วยแบกเอาไว้ ทำให้บทบาทของตัวละครนี้ไม่ออกทะเลไปมากกว่านี้
โดยรวม Doctor Strange in Multiverse of Madness ถือว่าเป็นการประเดิมหนังเรื่องแรกของ MCU ที่คุ้มค่าดารรอคอย หนังสนุกในแบบของตัวเอง โดยเฉพาะงานกำกับของ แซม ไรมี่ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่ากลัวอย่างที่ไม่เคยมีหนัง Marvel เรื่องไหนทำได้ พร้อมทั้งยังปูทางสู่อีเวนต์ต่อ ๆ ไปใน Phase 4 ที่น่าติดตามว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
สามารถรับชม Doctor Strange in Multiverse of Madness ได้แล้ว
Cr.ภาพ: IMDB, Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/mvRxgOX7Kes
ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com
FB : รวมพลคนบันเทิง