รีวิวหนัง The Suicide Squad

The Suicide Squad

งานรวมทีมวายร้ายจาก DC ที่แก้มือจากหนังปี 2016 ได้อย่างสวยงาม แอคชั่นจัดหนัก จัดเต็ม ทั้งความโหดแบบเรท R และความอลังการงานสร้าง

The Suicide Squad เรียกได้ว่าเป็นความหวังใหม่ของ DC ของปี 2021 ก็ว่าได้ เพราะนอกจากนี่จะเป็นการร่วมงานครั้งแรกของ เจมส์ กันน์ กับ Warner Bros. แล้ว นี่ยังเป็นการแก้มือจาก Suicide Squad เมื่อปี 2016 ของ เดวิด เอเยอร์ อีกด้วย ซึ่งทางค่ายก็ได้ให้อิสระแก่การสร้างหนังเรื่องนี้ของ กันน์ จนเมื่อหนังฉายเมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา หนังก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีทั้งจากคนดู และนักวิจารณ์ จนกลายเป็นอีกหนังฮีโร่ที่ห้ามพลาดประจำปีนี้

หนังจะว่าด้วยเรื่องราวของเหล่าวายร้ายจากเรือนจำเบลล์ รีฟ ที่ต้องมาร่วมทีม Task Force X เพื่อทำภารกิจเสี่ยงตายบนเกาะที่มีชื่อว่า Corto Maltese ที่เกิดเหตุการณ์กลุ่มทหารทำรัฐประหาร และยึดอำนาจ โดยงานของเหล่า Task Force X คือ ต้องเข้าไปทำการสืบหาโครงการทดลองลับบนเกาะแห่งนี้ที่มีชื่อว่า “สตาร์ฟิช” และทำลายสถานที่ทดลองโครงการนี้ ซึ่งภารกิจจะได้ ผู้พันริค แฟลค (โจเอล คินนาแมน) ทำหน้าที่คุมทีมทั้งหมด

สำหรับหนังในภาคนี้ เรียกได้ว่าเป็นการแก้มือให้กับทีมวายร้าย DC จากความเลวร้ายของหนังเวอร์ชั่นปี 2016 ให้กลับมาคืนฟอร์มอย่างงดงามอย่างที่ควรเป็น ซึ่ง เจมส์ กันน์ ก็ได้ใส่ทั้งความเป็นตัวเองเข้าไป ผสมกับสไตล์งานของ DC จนมันกลายเป็นหนังแอคชั่น คอเมดี้ เรท R ที่ยิ่งใหญ่อลังการ และสมบูรณ์ในฐานะหนังแมสที่ดูสนุกอีกเรื่อง

โดยในเรื่องนี้ เจมส์ กันน์ ยังคงมาพร้อมกับการเล่าเรื่องของทีมฮีโร่ ที่เต็มไปด้วยความบ็อง ความเพี้ยน พิศดาล พร้อมทั้งยังจัดเต็มด้วยชุดเพลงประกอบที่หลากอารมณ์ ชวนติดหู เช่นเดียวกับลายเซ็นของเขาใน Guardian of the Galaxy แต่เมื่องานนี้เป็นหนัง DC ที่ กันน์ ได้อิสระมากกว่าเดิม ในเรื่องนี้เขาเลยเพิ่มเติมในด้านความดาร์คของเนื้อหา พร้อมเพิ่มตวามเป็นเรท R เข้าไปในฉากแอคชั่น 

ด้านความดาร์ค ของเนื้อหา กันน์ ได้ใช้ประโยชน์จากความเป็นนักโทษของเหล่าตัวละครหลักของเรื่อง มานำเสนอให้แต่ละคนในเรื่องนี้มีปม มีมิติที่แตกต่างกัน แต่ละคนจะมีความเทา ๆ ในตัวเอง ไม่ได้ดีแบบขาวสะอาด และไม่ได้เลวบริสุทธ์ พร้อมทั้งหนังยังเล่นประเด็นเรื่องการเมือง มาเป็นสีสันให้กับตัวร้าย ที่ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีความโดดเด่นมากกว่าวายร้ายหนังฮีโร่ส่วนใหญ่ ที่มักจะเน้นความแค้นเป็นหลัก นอกจากนี้ หนังยังกล้าได้กล้าเสียที่จะฆ่าตัวละครในเรื่องมากมายหลายตัวแบบที่ไร้ปราณี จนคาดเดาไม่ได้เลยว่าใครจะอยู่ ใครจะไปในหนังเรื่องนี้

ด้านฉากแอคชั่น ของเรื่องนี้ ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม มีการผสมผสานลีลาการต่อสู้หลายรูปแบบ มาไว้ด้วยกัน ซึ่งในเรื่องนี้หนังก็ได้เรท R เพราะความโหด ดิบ เลือดสาด ที่จัดเต็ม ตลอดทั้งเรื่องคนดูจะได้เห็นการฆ่าในรูปแบบต่าง ๆ ที่ชวนสยอง ปนตลกร้าย นอกจากนี้หนังยังเก็บไฮไลท์ในช่วงท้าย ที่มาพร้อมฉากต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ที่ยิ่งใหญ่อลังการ จนเรียกได้ว่านี่เป็นอีกหนึ่งองก์สามในหนัง DC ที่ยิ่งใหญ่ และสนุกที่สุด ไม่แพ้กับที่ โนแลน เคยทำไว้ใน The Dark Knight Rises

ส่วนตัวละครในเรื่องนี้ แม้ว่าจะมีค่อนข้างเยอะกว่าหนัง DC เรื่องอื่น ๆ แต่ต้องขอชื่นชมที่ กันน์ ยังสามารถเฉลี่ยนบทบาทให้กับตัวละครได้เป็นอย่างดี โดยระหว่างเรื่องเราจะได้เห็นมิติของตัวละคร จากคาแรคเตอร์ที่ไม่ซ้ำกัน เพราะแต่ละคนมีความสุดโต่งในแบบของตัวเอง และหนังก็ยังเล่นกับความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละคร ที่นำมาสู่บทสรุปของเรื่องที่พีค และชวนตราตรึงใจ ทั้งนี้ต้องขอชื่นชมการแสดงของ ไอดิส เอลบา ในบท บลัดสปอร์ต ที่มาพร้อมมาดเท่จับใจ จนเป็นหนึ่งในตัวละครจาก DC ที่หลายคนหลงรัก เช่นเดียวกับตัวละคร ฮาร์ลีย์ ควินน์ ของ มาร์โกต์ ร็อบบี้ ที่ในเรื่องนี้เธอยังสามารถทำให้เราตกหลุมรักได้อีกครั้ง ไม่แพ้กับเมื่อครั้ง Suicide Squad และ Bird of Prey

โดยรวม The Suicide Squad นับว่าเป็นงานฟอร์มยักษ์จาก DC แห่งปี 2021 ที่เปี่ยมไปด้วยความบันเทิงแบบจัดเต็ม และมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นฉากแอคชั่นที่ครบรส ยิ่งใหญ่อลังการ และบทหนังที่ชวนติดตาม สามารถสร้างมิติให้ตัวละครได้อย่างดีเยี่ยม นี่จึงเป็นหนังอีกเรื่องของปีนี้ ที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

สามารถรับชม The Suicide Squad ได้แล้ววันนื้ที่โรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ : Rotten Tomatoes

ติดตามบทความ ซีรีส

ฝากกดแชร์