Army of the Dead หนังซอมบี้ เน้นดูเอามันส์จาก แซค สไนเดอร์ อารมณ์แบบเกม Shooting มาเน้น ๆ แต่ด้านบทกลับเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จที่ไม่น่าจำ
ผลงานหนังซอมบี้ในรอบ 17 ปี ของผู้กำกับ แซค สไนเดอร์ นับตั้งแต่ Dawn of the Dead เมื่อปี 2004 นอกจากนี้ก็ยังเป็นหนังเรื่องที่ 2 ของเขาที่ได้ฉายในปีนี้ หลังจากเมื่อต้นปี ได้ทำปล่อยหนังที่หลาย ๆ คนรอคอยอย่าง Zack Snyder’s Justice League ให้ได้ชมกันไปแล้ว
เเละสำหรับ Army of the Dead ก็เป็นหนังซอมบี้ฟอร์มยักษ์ทุนสร้าง 70 ล้านเหรียญฯ และยังเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของ สไนเดอร์ และสตรีมดังอย่าง Netflix อีกด้วย
หนังจะว่าด้วยเรื่องราวของทหารรับจ้างกลุ่มหนึ่ง ที่ได้รับการว่าจ้างจาก บลาย ทานากะ (ฮิโรยูกิ ซานาดะ) มหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นที่ได้มอบหมายให้ไปทำภารกิจปล้นเงินจำนวนมหาศาลที่ซ่อนอยู่ในตู้เซฟ ในคาสิโนแห่งหนึ่งในลาสเวกัส ที่ในตอนนี้เมืองแห่งแสงสีได้กลายเป็นเขตกักกันที่ภายในเต็มไปด้วยกองทัพซอมบี้ สก้อต วาร์ด (เดฟ บาทิสต้า) หัวหน้าทีมปฏิบัติการณ์ครั้งนี้ก็ได้ทำการรวบรวมทีมปล้นที่แต่ละคนก็มีความเชี่ยวชาญที่ต่างกันไปเพื่อเข้าไปทำภารกิจในครั้งนี้ ซึ่งพวกเขาก็ต้องเข้าไปเผชิญกับเหล่าซอมบี้หลากหลายสายพันธุ์ที่พร้อมเล่นงานพวกเขาทุกเมื่อ
ถือว่าเป็นหนังซอมบี้ที่ทำออกมาได้สมการรอคอยก็ว่าได้ เพราะ Army of the Dead เป็นหนังที่เต็มไปด้วยองค์ประกอบสูตรสำเร็จของหนังซอมบี้ที่ทุกคนคุ้นเคย พร้อมทั้งยังมีพลอตเรื่องที่คล้ายคลึงกับ Peninsula หนังภาคต่อของ Train to Busan ที่เข้าฉายเมื่อปีที่แล้วอีกด้วย
แต่เมื่อหนังอยู่ในมือของผู้กำกับเจ้าพ่อ CGI และเจ้าพ่อเรท R อย่าง สไนเดอร์ มันทำให้ Army of the Dead เป็นหนังซอมบี้สูตรสำเร็จที่ดูสนุก หนังให้อารมณ์แบบแอคชั่นปฏิบัติการที่เต็มไปด้วยฉากยิงกัน ฉากไล่ล่า ทำภารกิจที่น่าติดตาม
โดยเฉพาะฉากสู้ซอมบี้ที่ทำออกมาได้ชวนติดตาม ให้อารมณ์เหมือนกับกำลังเล่นเกมตะลุยซอมบี้มันส์ ๆ อย่าง Left4Dead หรือ Resident Evil ที่นอกจากจะยิงกันมันส์สะใจแล้ว ยังเต็มไปด้วยความโหดระดับเรท R อีกด้วย ใครที่ชื่นชอบเกมแนว Shooting น่าจะชื่นชอบฉากแอคชั่นของหนังเรื่องนี้ไม่น้อย
การดำเนินเรื่องของ Army of the Dead เรียกได้ว่ามาแบบตามสูตรหนังซอมบี้ที่เล่าเป็นเส้นตรง แต่ด้วยความที่หนังมีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 28 นาที ทำให้ในช่วงแรกหนังมีช่วงเวลาในการปูเรื่อง และแนะนำตัวละครได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ในช่วงแรกหนังอาจเนิบช้าไปบ้าง แต่ด้วยความที่พาร์ทดราม่า และการปูเรื่องที่ปูมาดี ทำให้องก์ 2 -3 ของหนังคนดูสามารถคล้อยตามและเอาใจช่วยกับตัวละครได้ ซึ่งเป็นจุดที่หนังซอมบี้น้อยเรื่องในยุคนี้จะทำได้ เพราะส่วนใหญ่มัวไปโฟกัสที่ความสยอง ความระทึก ภายในเวลาอันน้อยนิด
อีกหนึ่งจุดขายของหนังเรื่องนี้คือการสร้างสรรค์จักรวาลซอมบี้ของตัวเองออกมาได้น่าจดจำ ซอมบี้ในหนังเรื่องนี้มีความคล้ายกับหนังเรื่อง Zombieland ที่ได้มีการจำแนกชนิดของซอมบี้เอาไว้เป็นระดับความฉลาด ความโหดร้าย ซึ่งใน Army of the Dead ก็เพิ่มสกิลของซอมบี้ในเรื่องไปอีกขั้นทั้งการให้มีราชา และราชินีซอมบี้, ซอมบี้เสือ, ไปจนถึงซอมบี้จำศีล ที่แต่ละคาแรคเตอร์ของซอมบี้ก็ได้เป็นความบันเทิงที่ทำให้คนดูได้ตื่นเต้นกับความสามารถที่ต่างกัน เหมือนการเล่นเกมที่ต้องเจอกับลูกสมุนที่ไล่ระดับจากอ่อนไปจนแข็งแกร่งสุด ที่น่าชื่นชมคือ สไนเดอร์ สามารถสร้างสรรค์หน้าตาของซอมบี้ในเรื่องออกมาได้ชวนจดจำมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวซอมบี้เสือ ที่มีความเท่ปนสยองอยู่ในตัวเดียว
สำหรับข้อเสียของ Army of the Dead ก็ยังหนีไม่พ้นความเป็นสูตรสำเร็จบางส่วนที่หนังแนวนี้จะต้องเผชิญ ทั้งการตายของตัวละคร ที่หากใครที่ดูหนังแนวนี้ จะพอสามารถเดาได้ว่าตัวละครไหนที่ถูกสร้างมาเพื่อตาย และตัวละครไหนถูกสร้างมาเพื่อรอด
นอกจากนี้การที่หนังเลือกทีมนักแสดงที่ไม่ได้เป็นระดับเอลิสต์ หรือแถวหน้ามาแสดง รวมถึง เดฟ บาทิสต้า ที่ก้าวมาสู่บทพระเอกเต็มตัวเป็นครั้งแรก ทำให้การแสดงในเรื่องดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร ตัวละครหลักในหนังเรื่องนี้ให้อารมณ์เหมือนหนังแอคชั่นเกรดบีที่ไม่ได้ชวนจดจำนัก รวมถึงการแสดงของ บาทิสต้าเองก็ยังไม่สามารถแบกหนังไว้ได้ ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นงานการการแสดงสอบตกไปอย่างน่าเสียดาย
โดยรวม Army of the Dead ถือว่าเป็นอีกหนังซอมบื้ที่เน้นเพื่อดูเอาบันเทิงแบบถอดสมองดู หนังแทบไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ หรือต่างจากหนังซอมบี้สูตรสำเร็จในยุคหลัง ๆ ความโดดเด่นคือการพยายามสร้างจักรวาลซอมบี้ของ แซค สไนเดอร์ และการเล่นกับความโหดแบบเรท R ใครที่ชอบหนังที่ดูเอามันส์ ไม่ต้องคิดมาก นี่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรพลาด
#Army of the Dead #แผนปล้นซอมบี้เดือด #หนังซอมบี้ #Netflix #หนัง ซีรีส์ #news-entertainments.com
Cr. ภาพ: Rotten Tomatoes, IMDB