หนังภาคต่อของ “Greenland”

Greenland Migration

เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ และโมรีน่า บัคคานี เตรียมกลับมาเอาชีวิตรอดจากวันสิ้นโลกอีกครั้งในหนังภาคต่อของ “Greenland” ที่ได้ทีมผู้สร้างชุดเดิมกลับมาร่วมงานอีกครั้ง

ถือว่าเป็นอีกโปรเจกต์หนังภาคต่อ ที่ไม่น่าจะมีแต่ก็มีไปแล้ว สำหรับ “Greenland” หนังภัยพิบัติผลงานการกำกับของ ริค โรมัน วอห์น (Angel Has Fallen) ที่พึ่งเข้าฉายไปเมื่อช่วงต้นปี 2020 โดยล่าสุดได้มีรายงานประกาศอย่างเป็นทางการว่า วอห์น จะได้กลับมากำกับภาคต่อของหนังเรื่องนี้อีกครั้ง

จากรายงานได้เผยว่า โปรเจกต์ภาคต่อของ Greenland จะมีชื่อว่า “Greenland: Migration” โดยจะได้ทีมนักแสดงนำ และผู้สร้างชุดเดิมกลับมารับหน้าที่เดิมอีกครั้ง วอห์น จะรับหน้าที่กำกับ พร้อมได้ คริส สปาร์ริง (Buried) รับหน้าที่เขียนบท

ส่วนนักแสดงหนังจะยังได้ เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ (Hunter Killer, Angel Has Fallen) และโมรีน่า บัคคานี (Deadpool) กลับมารับบทสองสามีภรรยา การ์ริตี้ ที่ต้องมาเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัตอีกครั้ง

Greenland Migration
Greenland Migration

สำหรับ Greenland เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องราวของโลกมนุษย์ที่วันหนึ่งได้ถูกสะเก็ดดาวหางพุ่งเข้ามาชน ทำให้มนุษย์ต้องเอาชีวิตรอด โดยคนที่มีเส้นสาย เป็นเจ้าหน้าที่ หรือคนรู้จักของรัฐบาล จะได้รับสิทธิพิเศษในการได้รับการช่วยเหลือก่อนใคร และนั่นก็เป็นชนวนไปสู่ความขัดแย้ง และเหตุการณ์สุดระทึก เมื่อครอบครัว การ์ริตี้ ได้รับการช่วยเหลือพิเศษจากรัฐบาล ทำให้พวกเขาต้องเอาชีวิตรอดจากคนที่หวังใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษนี้ พร้อมทั้งเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้ให้ได้

Greenland Migration
Greenland Migration

ตัวหนังภาคแรกได้รับเสียงตอบรับที่ค่อนข้างดี จากทั้งคนดู และนักวิจารณ์ ที่ต่างชื่นชมที่หนังเรื่องนี้สามารถถ่ายทอดความเป็นมนุษย์ ในสภานการณ์คับขัน ที่ต้องเอาชีวิตรอด ออกมาได้อย่างสมจริงที่สุดเรื่องหนึ่ง โดยหนังได้รับคะแนนจากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ถึง 77% พร้อมทำเงินทั่วโลกไป 52 ล้านเหรียญฯ จากทุนสร้าง 52 ล้านเหรียญฯ พร้อมทั้งสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศจากเวที Austin Film Critics Association มาครองอีกด้วย

โดยในเนื้อเรื่องของภาคต่อนั้นก็ได้มีการเผยออกมาคร่าว ๆ จะว่าด้วยเหตุการณ์ของครอบครัว การ์ริตี้ หลังจากที่เอาชีวิตรอดจากดาวหางในภาคแรก และอาศัยอยู่ในใต้ดิน พวกเขาก็ได้พบว่าโลกได้กลายเป็นดินแดนที่ล่มสลาย และเต็มไปด้วยน้ำแข็ง ซึ่งครั้งนี้พวกเขาก็ต้องหาทางฝ่าฟันโลกอันเลวร้ายนี้ เพื่อเดินทางไปยังบ้านหลังใหม่

Greenland Migration
Greenland Migration

ในส่วนของ ริค โรมัน วอห์น และเจอร์ราร์ด บัตเลอร์ นั้น ก่อนหน้าที่ทั้งสองเคยร่วมงานกันมาแล้วใน Angel Has Fallen (2019) หนังภาคที่สามของแฟรนไขส์ Has Fallen ที่ก็เป็นอีกเรื่องที่ได้กระแสตอบรับที่ดีเช่นกัน จนทำให้ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่า วอห์น และ บัตเลอร์ จะกลับมาสานต่อหนังแฟรนไขส์ชุดนี้อีกครั้งในภาคที่ 4 จากที่เดิมทีจะจบเพียงแค่ 3 ภาค แต่ทางสตูดิโอผู้สร้างอย่าง Lionsgate ก็ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว อย่างไรก็ตามก็ต้องรอลุ้นว่าโปรเจกต์ดังกล่าวจะมีเปอร์เซนต์ออกมาเป็นรูปเป็นร่างมากน้อยแค่ไหน

สำหรับโปรเจกต์  “Greenland: Migration” จะมีกำหนดเปิดกล้องถ่ายทำในช่วงปี 2022 นี้

Cr.ภาพ: IMDB

อ้างอิง: https://www.empireonline.com/movies/news/greenland-migration-gerard-butler-and-ric-roman-waugh-board-disaster-movie-sequel/

เปิด Tops 5! ดาราคนดัง สุดปัง ที่มียอดผู้ติดตามไอจีมากที่สุด

Instagram Tops 5

Instagram Tops 5 ดารา นักร้อง และคนดัง ที่มีผู้ติดตามมากที่สุด

ปัจจุบัน การอัพเดทเรื่องราวในชีวิตผ่านแอพพลิเคชั่นสุดฮิต อย่าง อินตราแกรมเป็นเรื่องที่กำลังมาแรง เป็นที่นิยมที่ไม่ว่าใครก็ทำกัน โดยเฉพาะเหล่าซุป’ตาร์ คนดัง ที่ได้ใช้เป็นช่องทางในการติดตามสื่อสารกับเหล่าบรรดาแฟนคลับ

เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการอัพเดทเพื่อให้แฟนๆได้ติดตาม ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์ภาพ การอัพสตอรี่ หรือการโปรโมทผลงาน ซึ่งยอด follower ยิ่งมากเท่าไร นั่นแสดงให้เห็นว่า เป็นผู้ที่มีคนอยากติดตาม หรือเป็นที่รู้จักในสังคมมากเท่านั้น

ซึ่งวันนี้ เราได้รวบรวมข้อมูล มาจัดอันดับ 5ดาราที่มีคนติดตามในIG เยอะที่สุด  โดยแต่ละคนมียอดผู้ติดตาม เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นปีจนปัจจุบันนี้ จะมีใครกันบ้าง ไปติดตามกัน

เริ่มกันที่ อันดับที่ 5 อย่างสาว ญาญ่า อุรัสยา ดาราสาวหน้าสวย หวานใจหนุ่ม ณเดชน์ ที่มีผลงานมากมายฝากไว้ให้เหล่าบรรดาแฟนคลับได้ติดตาม ทั้งละคร งานพรีเซนเตอร์ ซึ่งสาวญาญ่าเอง ก็มีชื่อเสียงมาจากละครเรื่อง หัวใจอัคนี ที่เล่นคู่กับ ณเดชน์ พระเอกคู่จิ้นที่กลายเป็นคู่จริงในปัจจุบัน และกลายเป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของหลายคน  จนทำให้มียอดผู้ติดตามถึง 10,899,909

Instagram Tops 5 yayaurassayahh

            อันดับที่ 4 ตกเป็นของซุป’ตาร์สาว ดาวค้างฟ้า ดาราตัวแม่ อย่าง อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้เลย อายุเป็นเพียงตัวเลขจริงๆ สำหรับนางเอกหน้าเด็กที่ มากความสามารถ

แม้ผลงานละครจะไม่ค่อยมีมาให้ชม แต่งานพรีเซนเตอร์ยังคงออกมาให้ติดตามกันตลอด เหล่าบรรดาแฟนคัลบก็ได้คอยติดตามเรื่องราวชีวิตของเธอ จนมียอดผู้ติดตาม 12,974,453 เลยทีเดียว

Instagram Tops 5 อั้ม พัชราภา

            อันดับที่ 3 ตกเป็นของหนุ่มหน้าใส ขวัญใจสาวๆ ติ่งเกาหลี อย่าง หนุ่มแบมแบม ที่มีชื่อเสียงมาจาก การเป็นนักร้องที่ประเทศเกาหลี นอกจากมีชื่อเสียงที่เกาหลีแล้ว

ล่าสุดหลังจากที่มีข่าวการเข้าเกณฑ์ทหาร จับใบดำใบแดง ของหนุ่มแบมแบม ยิ่งทำให้กลายเป็นที่รู้จักของหลายคน จนมียอดผู้ติดตามตอนนี้ คือ 13,897,867

Instagram Tops 5 แบม แบม Got7

            อันดับที่ 2  เป็นของหวานใจหนุ่ม เต๋อ ฉันทวิชช์ อย่างสาวใหม่ ดาวิกา ที่ความฮอตของเธอ ไม่มีตกเลยจริงๆ ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง แม้ช่วงที่ไม่มีละครออนแอร์ ยอดติดตามก็เยอะแล้ว

ยิ่งช่วงนี้ มีผลงานละครมาออนแอร์ผ่านทางช่องวัน ให้แฟนคลับได้ติดตามกัน ทำให้ยอดผู้ติดตามสาวใหม่ พุ่งไป ถึง 13,901,516 แล้ว

Instagram Tops 5 ใหม่ ดาวิกา

และอันดับที่ 1 เป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ สาวลิซ่า แห่งเกิร์ลกรุ๊ป จากประเทศเกาหลี อย่างวง blackpink ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก และได้ใจทั้งคนไทยและต่างประเทศไปอย่างมากมาย เป็นสาวน้อยที่ปัง ฮอตแบบสุดๆ ทำให้มียอดผู้ติดตามเธอ ถึง 54,549,599 เรียกได้ว่า ฮอตไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ พุ่งปรี๊ดปรอทแตกไปเลย

Instagram Tops 5 ลิซ่า blackpink

            อย่างไรก็ตาม การจัดอันดับความนิยมของเหล่าซุป’ตาร์นี้ ได้รวบรวมมากจากยอดติดตามใน IG ซึ่งเป็นเพียงช่องทางหนึ่งในการรวบรวมข้อมูล ที่ทำให้เราเห็นถึงผลงานและความสามารถของ ซุป’ตาร์ ในดวงใจ และพร้อมให้กำลังใจได้ง่ายขึ้น

#บันเทิง ดารา นักร้อง #news-entertainments.com

Reminiscence หนังไซไฟฟอร์มยักษ์

Reminiscenceหนังไซไฟฟอร์มยักษ์

Reminiscence หนังไซไฟฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดของ ฮิวจ์ แจ็คแมน เผยทีเซอร์แรกให้ได้ชมแล้ว

หลังจากที่โบกมือลาจากบท โลแกน จากจักรวาล X-Men แฟนหนังก็แทบไม่ได้เห็น ฮิวจ์ แจ็คแมนในบทแอคชั่น หรือหนังฟอร์มยักษ์เลย นอกจากนี้หนังแต่ละเรื่องของเขาหลังจาก Logan ก็ล้วนแต่เป็นหนังชีวประวัติทั้งสิ้น

ตั้งแต่ พี.ที.บาร์นัม ใน The Greatest Showman แกรี่ ฮาร์ท ใน The Front Runner และ ผอ.โรงเรียนสุดอื้อฉาว ใน Bad Education

แต่สำหรับใครที่คิดถึง แจ็คแมนในบทหนังฟอร์มยักษ์ ปีนี้เรากำลังจะได้ชมผลงานใหม่ของเขาในหนังไซไฟ ระทึกขวัญ เรื่อง Reminiscence ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้พึ่งมีการปล่อยทีเซอร์แรกจากหนังมาเรียกน้ำย่อยแล้ว

สำหรับ Reminiscence จะเป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องราวในโลกอนาคตเมื่อโลกได้เกิดภาวะโลกร้อนถึงขั้นรุนแรง ทำให้บางเมืองต้องจมอยู่ใต้น้ำ แจ็คแมน จะรับบทเป็น นิค แบนิสเตอร์ นักสืบ ที่ได้รับการว่าจ้างจาก เมย์ (รีเบคก้า เฟอร์กูสัน) หญิงสาวที่ได้ขอให้เขาตามหาความทรงจำที่หายไป แต่ทว่าเมื่อ นิค ได้ตามสืบไปเรื่อย ๆ เขาก็พบกับการเปิดโปงแผนลับบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัว และจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล

Reminiscenceหนังไซไฟฟอร์มยักษ์

โดยทีเซอร์แรกของหนังจะมีความยาวเพียง 22 วินาที ที่แทบไม่เผยอะไรให้เห็นมากนอกจากเมืองที่จมอยู่ใต้น้ำ พร้อมเสียงบรรยาของ แจ็คแมน ที่พูดถึงการเดินทางผ่านความทรงจำ หากต้องการที่จะเดินทางไปยังสถานที่ในความทรงจำ สิ่งที่ต้องทำก็คือตามเสียงของเขาไป ซึ่งจากภาพรวมของทีเซอร์ และชื่อของผู้สร้างอย่าง ลิซ่า จอย ทำให้พอคาดเดาได้ว่าหนังเรื่องนี้อาจแฝงไปด้วยความเป็นปรัชญา และน่าจะไม่ใช่หนังไซไฟที่ดูง่ายอย่างแน่นอน

Reminiscenceหนังไซไฟฟอร์มยักษ์
ลิซ่า จอย และ โจนาธาน โนแลน

Reminiscence เป็นผลงานการกำกับ และเขียนบทของ ลิซ่า จอย หนึ่งในทีมผู้สร้างซีรีส์ไซไฟฟอร์มยักษ์ของ HBO อย่าง Westworld ซึ่งบทหนังเรื่องนี้ครั้งหนึ่งเคยติด Blacklist บทหนังชั้นเยี่ยมที่ยังไม่ถูกสร้าง

เป็นหนังเมื่อปี 2013 ก่อนที่ทาง Warner Bros. จะคว้าสิทธิ์สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเรื่องนี้ จอย ก็ยังทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ร่วมกับ โจนาธาน โนแลน สามีของเธอผู้เป็นน้องชายของสุดยอดผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน นั่นเอง นอกจากหนังจะได้ แจ็คแมนมารับบทนำแล้ว

หนังยังสมทบด้วยดาราคุณภาพอีกเพียบไม่ว่าจะเป็น รีเบคก้า เฟอร์กูสัน (Mission Impossible: Fall Out ,Doctor Sleep) แทนดี นิวตัน (ซีรีส์ Westworld) คริฟ เคอร์ติส (ซีรีส์ Fear The Walking Dead) แดเนียล หวู (Warcraft ,ซีรีส์ Into the Badlands) และ เบรต คัลเลน (Joker)

โดย Reminiscence ได้กำหนดวันฉายไว้ที่ 3 กันยายน 2021 ซึ่งจะจัดฉายพร้อมกันทั้งในโรงภาพยนตร์ และช่องสตรีม HBO MAX

ตัวอย่าง Reminiscence

CR. ภาพ : Youtube Warner Bros. ,Variety

#ซีรีส์ หนัง #news-entertainments.com

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

พบกับ ชาง-ซี ฮีโร่สัญชาติเอเชียคนแรกของ MCU ในตัวอย่างแรกของ Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

ในที่สุดก็ปล่อยออกมาแล้ว สำหรับตัวอย่างแรกจาก Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings หนังซุปเปอร์ฮีโร่สัญชาติเอเชียเรื่องแรกจาก Marvel และเป็นหนึ่งในตัวละครที่จะมีบทบาทใน MCU Phase 4 อีกด้วย งานนี้ใครที่ชื่นชอบหนังแอคชั่นสไตล์กังฟู น่าจะชื่นชอบไม่น้อย

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings จะว่าด้วยเรื่องราวของ ชาง-ชี (ซิมู หลิว) เด็กชายกำพร้าผู้มีพลังวิเศษ ที่ได้รับการเลี้ยงดูโดย แมนดาริน (เหลียงเฉาเหว่ย) เจ้าสำนักฝึกวิชาที่ได้รวบรวมเหล่าเด็กที่มีความสามารถในด้านการต่อสู้ มาเพื่อฝึกวิชา

และส่งตัวไปประลองการแข่งขันที่รวบรวมคนมีฝีมือจากทั่วโลกมาต่อสู้กัน และหากใครที่ชนะการประลองจะได้เป็นผู้ครอบครองแหวนทองท้งสิบวง ที่จะทำให้สามารถควบคุมธาตุต่าง ๆ ได้

แต่ทว่าเมื่อเติบโตขึ้น ชาง-ชี ได้หนีออกจากสำนักของแมนดาริน และได้ออกมาใช้ชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จนกระทั่งหลายปีต่อมา ชาง-ชีก็ได้ถูก แมนดารินตามตัวจนเจอ และถูกตามล่าเอาชีวิต โดยทางด้าน แมนดารินได้ข่มขู่ ชาง-ชี ว่าหากต้องการเป็นอิสระจากการตามล่า เขาจะต้องร่วมประลองครั้งใหม่ เพราะตัวแมนดารินนั้นแก่เกินไปที่จะลงสังเวียนแล้ว ซึ่ง ชาง-ชี จะต้องเข้าร่วมประลองโดยแลกกับอิสรภาพของตัวเอง

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

หนังเป็นผลงานการกำกับของ เดสติน แดเนียล เครตตัน (Just Mercy) เขียนบทโดย เดฟ คัลลาแฮม (Wonder Woman 1984, Mortal Kombat) พร้อมได้ทีมนักแสดงสัญชาติเอเชียมาร่วมแสดงนำไม่ว่าจะเป็น ซิมู หลิว (ซีรีส์ Taken), เหลียงเฉาเหว่ย (The Grandmaster), อควาฟิน่า (Jumanji: The Next Level) และมิเชล โหยว (Boss Level)

สำหรับตัวอย่างแรกของหนังยังไม่ได้เผยอะไรที่เกี่ยวกับเนื้อหามาก นอกจากการพยายามโชว์ตัวละครแต่ละตัวของหนังให้คนดูได้รู้สึกตื่นตาตื่นใจ ตามสไตล์ของ Marvel Studios แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นความแตกต่างของหนังเรื่องนี้จากหนังในจักรวาล Marvel เรื่องอื่น ๆ คือความมีกลิ่นอายของหนังเอเชียที่ค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่ให้อารมณ์เหมือนดูหนังจอมยุทธ

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

พร้อมงานโปรดักชั่นที่ดูอลังการ ไม่ต่างจากหนังแอคชั่น กลิ่นอายเอเชียที่ฉายก่อนหน้านี้อย่าง Mulan ส่วน ซิมู หลิว ในบท ชาง-ชี ในตัวอย่างนี้เราก็ได้เห็นเขาโชว์ฟอร์มบู๊เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องมาลุ้นว่าในตัวอย่างเต็ม หรือหนังเต็มเขาจะได้แสดงฝีไม้ลายมือสมการรอคอยหรือไม่

ส่วนตัวละครแมนดาริน วายร้ายของเรื่องที่รับบทโดยนักแสดงฮ่องกงชื่อดังอย่างเหลียงเฉาเหว่ย ในตัวอย่างเรายังไม่ได้เห็นเขาออกลายมากนัก แต่ด้วยมาดที่เคร่งขรึม ก็สามารถขโมยซีน และเป็นที่สนใจของเหล่าคอหนังไม่น้อย

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

โดยตัวละคร ชาง-ชี นั้น เป็นผลงานการสร้างสรรค์โดย สตีเวน อิงเกิลฮาร์ต และจิม สตาร์ลิน ที่ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อปี 1973 ซึ่งทางผู้สร้างก็ได้แรงบันดาลใจตัวละครตัวนี้มาจากแอคชั่นสตาร์ของเอเชียที่กำลังโด่งดังในช่วงนั้นอย่าง บรูซลี พร้อมได้ให้ฉายา ชาง-ชี ว่าเป็น “เจ้าแห่งกังฟู” เพราะเขานั้นเป็นฮีโร่จาก Marvel ที่มีความสามารถในด้านการต่อสู้ด้วยหมัดมวยมากกว่าการใช้อาวุธสุดล้ำเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่คนอื่น ๆ

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings จะมีกำหนดฉายในไทย 2 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

Cr. ภาพ : Marvel Studios และ Entertainment

#news-entertainments.com #ซีรีส์ หนัง

“Oxygen” หนังระทึกขวัญ ไซไฟ ผลงานล่าสุดของ อเลกซานเดอ อาจา

Oxygen หนังระทึกขวัญ ไซไฟ

เมลานี โลรองต์ เป็นหญิงสาวที่ต้องตามหาความทรงจำภายใน 90 นาที ใน “Oxygen” หนังระทึกขวัญ ไซไฟ ผลงานล่าสุดของ อเลกซานเดอ อาจา

Oxygen หนังระทึกขวัญ ไซไฟ

เชื่อว่าใครที่เป็นคอหนังสยองขวัญ/ระทึกขวัญ น่าจะต้องเคยดูหนังเรื่อง Buried หนังที่นำแสดงโดย ไรอัน เรย์โนลด์ ที่รับบทเป็นชายที่ถูกฝังทั้งเป็นอยู่ในโลงไม้ และต้องเจรจากับผู้ก่อการร้ายที่เชื่อว่าคือคนที่จับตัวเขามาฝัง

ตลอดทั้งเรื่อง Oxygen หนังเล่าเหตุการณ์ภายในโลงไม้แคบ ๆ จนมันกลายเป็นหนังระทึกขวัญที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ ล่าสุดในปี 2021 นี้เรากำลังจะได้ชมหนังระทึกขวัญเรื่องใหม่ที่มาในธีมเดียวกับ Buried แต่ครั้งนี้มาในรูปแบบหนังไซไฟ สุดล้ำ กับหนังที่มีชื่อว่า “Oxygen”

Oxygen หนังระทึกขวัญ ไซไฟ

โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ อลิซาเบธ เฮนสัน (เมลานี โลรองต์) หญิงสาวที่ตื่นขึ้นมาและพบว่าตนอยู่ในโลงแห่งหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยเทคโนโยีสุดไฮเทค ตัว อลิซาเบธ นั้นได้สูญเสียความทรงจำของตัวเอง สิ่งเดียวที่สามารถพูดคุยโต้ตอบ และเป็นผู้ช่วยของเธอในที่แห่งนี้คือ “มิโล” AI อัจฉริยะ

ที่คอยช่วยเหลือเธอในการสืบสาวราวเรื่องจากทั้งหมดผ่านฐานข้อมูลต่าง ๆ อลิซาเบธ จะต้องหาความจริงทั้งหมดว่าใครคือคนที่นำเธอมาใส่ไว้ในโลง และที่มาของเหตุการณ์ทั้งหมดคืออะไรกันแน่ ซึ่งเธอจะต้องหาคำตอบทั้งหมดให้ทันภายใน 90 นาที ก่อนที่ออกซิเจนในโลงของเธอจะหมดลง

Oxygen หนังระทึกขวัญ ไซไฟ

Oxygen เป็นผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ อเล็กซานเดอ อาจา มือกำกับหนังสยองขวัญที่เคยมีผลงานสุดโด่งดังในด้านความโหด ดิบ ระทึกมากมายไม่ว่าจะเป็น High Tension, Mirrors, Horns และล่าสุดกับหนังเรื่อง Crawl ซึ่ง Oxygen ก็ถือว่าเป็นการกลับมากำกับหนังภาษาฝรั่งเศสในรอบ 18 ปีของเขา นับตั้งแต่ High Tension ร่วมแสดงนำโดย เมลานี โรลองค์ (Inglourious Basterds และ 6 Underground) และ แมทธิว อมัลริค (The Grand Budapest Hotel และ Sound of Metal)

Oxygen หนังระทึกขวัญ ไซไฟ

ความน่าสนใจของ Oxygen ที่ต่างจาก Buried คือการผสมผสานความเป็นหนังไซไฟ สืบสวนสอบสวน และหนังระทึกขวัญอยู่ในเรื่องเดียว ต่างจาก Buried ที่เน้นไปทางระทึกขวัญเป็นหลัก หนังเต็มไปด้วยความล้ำสมัยสไตล์หนังไซไฟ พร้อมทั้งยังมีประเด็นของ AI สอดแทรกอยู่ด้วย

ส่วนการสืบสวน จากตัวอย่างที่หนังปล่อยออกมาความสนุกของหนังที่เราน่าจะได้เห็นในเรื่องนี้คือ การร่วมค่อย ๆ ตามหาความจริงไปกับตัวละคร ค่อย ๆ ร่วมปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด พร้อมทั้งร่วมลุ้นระทึกไปกับเวลาที่ค่อย ๆ กดดันมากขึ้นเรื่อย ๆ ใครที่ชอบหนังสืบสวน พลอตที่น่าจะสับขาหลอก ไม่ควรพลาด

โดย Oxygen ฉายแล้วบน Netflix

Oxygen หนังระทึกขวัญ ไซไฟ
ตัวอย่าง Oxygen

Cr. ภาพ : เว็บไซต์ IMDB

#news-entertainments.com #ซีรีส์ หนัง

Warner Bros. เตรียมพัฒนาโปรเจคภาคต่อ Joker

Warner Bros เตรียมพัฒนาโปรเจกต์ภาคต่อ Joker

Warner Bros. เตรียมพัฒนาโปรเจคภาคต่อ Joker พร้อมวางตัว ท็อดด์ ฟิลลิปส์ กลับมากำกับ และเขียนบท

ถือว่าเป็นข่าวที่น่าจับตามาก ๆ สำหรับวงการหนัง เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้มีรายงานจากสื่อชื่อดัง The Hollywood Reporter ว่าหนังดราม่า อาชญากรรมสุดโด่งดังของ Warner Bros. และ DC อย่าง Joker กำลังเตรียมสร้างภาคต่อแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีข่าวลือมาให้แฟน ๆ ได้ลุ้นกันหลายครั้ง

จากรายงานได้เผยว่าภาคต่อของ Joker นั้น จะได้ตัว ท็อดด์ ฟิลลิปส์ (The Hangover Trilogy) ผู้กำกับ และมือเขียนบทจากภาคแรกกลับมารับหน้าที่เดิมอีกครั้ง โดยตอนนี้บทกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา

Warner Bros เตรียมพัฒนาโปรเจกต์ภาคต่อ Joker

แต่ในตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันว่าตัว สก้อตต์ ซิลเวอร์ (The Fighter) มือเขียนบทร่วมจากภาคแรกจะกลับมาร่วมเขียนบทอีกครั้งหรือไม่ รวมถึง วาคีน ฟีนิกซ์ เจ้าของบท อาเธอร์ เฟล็ก หรือโจ๊กเกอร์ จะกลับมารับบทเดิมอีกครั้งไหมก็ยังไม่มีการยืนยีนเช่นกัน

สำหรับ Joker เป็นหนังอาชญากรรม ระทึกขวัญ ที่ดัดแปลงมาจากตัวละครวายร้ายผู้โด่งดังคู่ปรับตลอดกาลของ แบทแมน ที่สร้างสรรค์โดย บ้อบ เคน โดยเรื่องราวจะว่าด้วย อาเธอร์ เฟล็ก ชายผู้มีอาการทางจิต โดยเขาไม่สามารถควบคุมอาการหัวเราะของตัวเองได้ อาเธอร์ มีความฝันอยากเป็นเดี่ยวไมโครโฟน ซึ่งเขาทำงานเป็นตัวตลกรับจ้างแสดงตามที่ต่าง ๆ

Warner Bros เตรียมพัฒนาโปรเจกต์ภาคต่อ Joker

แต่ด้วยความเป็นชนชั้นล่างทำให้เขาต้องถูกกลั่นแกล้ง และเป็นที่ไม่ยอมรับของสังคม จนกระทั่งวันหนึ่งอาเธอร์ ได้พลั้งมือฆ่าคนเข้า ทำให้หลังจากนั้นเขาค่อย ๆ เริ่มถูกด้านมืดของจิตใจครอบงำ และเปลี่ยนให้เขากลายเป็นอาชญากรผู้ชั่วร้ายแห่งเมืองก็อทแธม

ด้วยความที่หนังสามารถถ่ายทอดด้านมืดของจิตใจคนได้อย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งยังพูดถึงประเด็นความเหลื่อมล้ำของสังคมได้อย่างคมคาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงของ วาคีน ฟีนิกซ์ ที่ถ่ายทอดบทบาทของคนที่ป่วยทางจิตได้อย่างสมจริง จนทุกเสียงตอบรับจากคนที่ดูหนังเรื่องนี้ต่างชื่นชมการแสดงของเขา

Warner Bros เตรียมพัฒนาโปรเจกต์ภาคต่อ Joker

ด้วยเหตุนี้ทำให้ตัวหนังประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้ คำวิจารณ์ รวมถึงเสียงตอบรับจากคนดู หนังสามารถทำเงินทั่วโลกไปได้ถึง 1,074 ล้านเหรียญฯ จากทุนสร้างเพียง 55 ล้านเหรียญฯ พร้อมทั้งยังสามารถคว้า 2 รางวัลออสการ์มาครอง คือสาขาแสดงนำชายยอดเยี่ยม (วาคีน ฟีนิกซ์) และดนตรีประกอบยอดเยี่ยม

ส่วนใครที่ชื่นชอบหนังฮีโร่ ที่เล่าเรื่องแบบหนังอาชญากรรม ระทึกขวัญ ในปี 2022 นี้ ทาง Warner Bros. และ DC ก็กำลังจะมี The Batman หนังแบทแมนเวอร์ชั่นล่าสุดที่นำแสดงโดย โรเบิร์ต แพททินสัน (Tenet) ที่กำกับโดย แมทท์ รีฟส์ (War for the Planet of the Apes)

ซึ่งโปรเจกต์นี้หลาย ๆ คนต่างจับตา และให้ความสนใจในด้านความดาร์ค ความเป็นหนังอาชญากรรม สืบสวนสอบสวน ที่ให้อารมณ์ต่างจาก Batman เวอร์ชั่นก่อน ๆ โดยหนังมีกำหนดฉาย มีนาคม 2022

สำหรับโปรเจกต์ภาคต่อของ Joker ยังไม่มีการกำหนดช่วงเวลา หรือปีฉายอย่างเป็นทางการ หากมีข้อมูลเพิ่มเติมของโปรเจกต์นี้ทางเราจะรีบมาอัพเดททันที

#ซีรีส์ หนัง #news-entertainments.com

Cr.ภาพ: Warner Bros. Thailand

อ้างอิง: https://screenrant.com/joker-2-movie-writer-todd-phillips-return/

Snake Eyes: G.I.Joe Origins

Snake Eyes: G.I.Joe Origins

พบกับจุดเริ่มต้นของนักรบซามูไรผู้แข็งแกร่ง ในตัวอย่างแรก Snake Eyes: G.I.Joe Origins

ปีนี้เรียกได้ว่าเป็นปีทองของพระเอกชาวเอเชียก็ว่าได้ เพราะเราจะได้เห็นสามนักแสดงชายสัญชาติเอเชีย ได้รับบทนำในหนังฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์ถึงสามเรื่องด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ลูอิส ถัน จาก Mortal Kombat ที่พึ่งฉายในไทยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ซิมู หลิว ฮีโร่สัญชาติเอเชียคนแรกของ Marvel ใน Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings ที่มีกำหนดฉายกันยายนนี้

และล่าสุดกับ  เฮนรี่ โกลด์ดิง พระเอกที่เคยโด่งดังมาแล้วจาก Crazy Rich Asian ที่ได้แสดงนำในหนังแอคชั่นเป็นครั้งแรกใน Snake Eyes: G.I.Joe Origins ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มีการปล่อยตัวอย่างแรกของหนัง พร้อมใบปิดทางการมาให้ได้ชมกันแล้ว

โดย Snake Eyes: G.I.Joe Origins จะเป็นเรื่องราวจุดเริ่มต้นของตัวละคร สเนคอายส์ (เฮนรี่ โกลด์ดิง) ตั้งแต่ตอนที่เขาเป็นเพียงชายหนุ่มผู้โดดเดี่ยว ที่ได้ไปช่วยชีวิตของทายาทสำนัก “อาราชิคาเงะ” และนั่นก็ทำให้เขาได้รับเข้าสำนักเพื่อฝึกวิชาเป็นนักรบนินจา แต่ทว่าหลังจากที่ตัวตนที่แท้จริงของเขาถูกเปิดเผย สเนคอายส์ ก็ต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบครั้งสำคัญ ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล

Snake Eyes: G.I.Joe Origins

ส่วนตัวอย่างแรกที่ปล่อยออกมานั้น จะมีความยาวเพียง 1 นาที แต่ถือว่าจัดเต็มไปด้วยการปล่อยของ ทั้งฉากแอคชั่น ตัวละคร และเนื้อหา   จากตัวอย่างหนังให้อารมณ์เดียวกับ Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings ทั้งกลิ่นอายความเป็นเอเชีย ที่มีสำนักฝึกวิชา มีการต่อสู้แบบวิถีซามูไร พร้อมทั้งยังผสมผสานงานโปรดักชั่นใหญ่ ๆ แบบฮอลีวูดที่มีฉากไล่ล่าที่อลังการ ใครที่เป็นสายหนังแอคชั่นน่าจะถูกใจไม่น้อย

Snake Eyes: G.I.Joe Origins

สำหรับ G.I.Joe นั้นเดิมเป็นของเล่นสำหรับเด็กผู้ชายที่ผลิตโดย Hasbro ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือการ์ตูนชื่อเดียวกัน โดยก่อนหน้านี้ G.I.Joe เคยถูกสร้างเป็นหนังมาแล้วถึงสองภาคโดยมี G.I. Joe: The Rise of Cobra ในปี 2009 และ G.I. Joe: Retaliation ในปี 2013 แต่หนังก็ประสบความล้มเหลวทั้งคำวิจารณ์ และรายได้ที่ทำเงินรวมทั้งสองภาคเพียง 675 ล้านเหรียญฯ จากทุนสร้างสองภาครวมกันร่วม 300 ล้านเหรียญฯ (ทุนสร้างภาคแรก 175 ล้าน และภาคสอง 130 ล้าน)

โดย Snake Eyes: G.I.Joe Origins จะมีกำหนดเข้าฉายในไทยช่วงเดือนกรกฎาคมนี้

ตัวอย่าง Snake Eyes
Snake Eyes: G.I.Joe Origins

#ซีรีส์ หนัง #news-entertainments.com

Cr.ภาพ : imgur.com

ตัวอย่างซีรีส์ Lisey’s Story

Lisey's Story

จูลี่แอนน์ มัวร์ เป็นภรรยาของนักเขียนนิยายผู้ล่วงลับ ที่ต้องเผชิญกับเรื่องเหนือธรรมชาติ และระทึกขวัญในตัวอย่างซีรีส์ Lisey’s Story

ใครที่เป็นแฟนนิยาย หรือหนังที่ดัดแปลงจากนิยายของสตีเวน คิง เตรียมนับถอยหลังพบกับผลงานซีรีส์เรื่องใหม่ของเขาอีกครั้งใน Lisey’s Story มินิซีรีส์ความยาว 8 ตอน ที่เป็นการร่วมงานกันครั้งแรกระหว่าง คิงและ Apple โดยจะเป็นซีรีส์ที่เตรียมฉายบน Apple TV+ ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้

Lisey's Story

Lisey’s Story จะว่าด้วยเรื่องราวของ ลิซซี่ย์ แลนดอน (จูลี่แอนน์ มัวร์) ภรรยาของนักเขียนชื่อดังผู้ล่วงลับ สก้อต แลนดอน (ไคลฟ์ โอเวน) ที่หลังจากที่เธอสูญเสียสามีไป ลิซซี่ย์ ก็ได้พบว่าตัวเองได้เห็นภาพว่าตัวเองหลุดเข้าไปในดินแดนอันแปลกประหลาดซึ่งเธอเองก็ไม่แน่ใจว่านี่คือสิ่งที่เธอจินตนาการขึ้นมาเอง

หรือเป็นภาพความทรงจำที่เธอเก็บไว้ นอกจากนี้เธอก็ยังต้องเผชิญกับการถูกคุกคามจาก จิม (แดน เดอร์ฮาน) แฟนนิยายสุดคลั่งที่เชื่อว่า ลิซซี่ย์ ได้เก็บต้นฉบับนิยายเรื่องสุดท้ายของ สก๊อตที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์เอาไว้

Lisey's Story

ตัวซีรีส์เป็นผลงานการกำกับโดย พาโปล ลาร์เรน (Jackie) พร้อมได้ตัว คิง เองมารับหน้าที่เขียนบทให้ซีรีส์เรื่องนี้ พร้อมได้โปรดิวเซอร์ฝีมือดีอย่าง เจเจ อับบรัมส์ (Star Trak Star Wars: Episode IX – The Rise of Skywalker) มาร่วมงานกับ คิง อีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยร่วมงานกันในซีรีส์ 11.22.63 และ Castle Rock นอกจากนี้ ซีรีส์ก็ยังรวมนักแสดงตัวท้อปของวงการมาร่วมแสดงมากมาย นำทีมโดย จูลี่แอนน์ มัวร์ (The Woman in the Window) ร่วมด้วย ไคลฟ์ โอเวน(Gemini Man) แดน เดอร์ฮาน (Zero Zero Zero) โจแอน อัลเลน (Room)   ซุง คัง (Fast & Furious 9) และ เจนนิเฟอร์ เจสัน เลจน์ Awake

Lisey's Story

ความน่าสนใจของ Lisey’s Story คือนี่เป็นอีกหนึ่งผลงานที่มีความเป็นสไตล์งานของ สตีเวน คิง สูงมาก ๆ ทั้งการนำเสนอเรื่องราวผ่านตัวเอกที่มีอาชีพเป็นนักเขียน หรืออาชีพที่เกี่ยวข้องกับนักเขียน พร้อมทั้งยังมีเรื่องเหนือธรรมชาติ ความลึกลับ ชวนน่าค้นหา ว่าแท้จริงแล้วดินแดนในจินตนาการของ ลิซซี่ย์ นั้นคืออะไรกันแน่

และความลับที่ สก้อตซ่อนเอาไว้ก่อนตายคืออะไร นอกจากนี้อีกหนึ่งส่วนที่ทำให้เรื่องนี้น่าติดตามคือความมีกลิ่นอายหนังอาชญากรรม ระทึกขวัญ ในส่วนของแฟนนิยายโรคจิต ที่ถือว่าเป็นการกลับมารับบทฆาตกรอีกครั้งของ แดน เดอร์ฮาน หลังจากที่ก่อนหน้าที่เขาเคยรับบททำนองนี้มาแล้วในซีรีส์ The Stranger ของช่อง Quibi

Lisey's Story

สำหรับ สตีเวน คิง คือนักเขียนนิยายชาวอมริกัน ที่มีเอกลักษณ์คือผลงานส่วนใหญ่ของเขาจะเป็นนิยายแนวสยองขวัญ, ระทึกขวัญ เรื่องเหนือธรรมชาติ จนเขาถูกยกย่องให้เป็นราชาแห่งนิยายเขย่าขวัญ ผลงานของ คิง ส่วนใหญ่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ดังมากมายไม่ว่าจะเป็น The Shawshank Redemption, The Mist, It โดยสำหรับ Lisey’s Story เป็นผลงานนิยายที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2006 ซึ่งผลงานดังกล่าว ตัวคิงเองก็เผยว่าเป็นงานที่เขาเขียนเพื่อเป็นจดหมายรักให้กับ ทาบิทา คิง ภรรยาของเขานั่นเอง

โดย Lisey’s Story จะมีกำหนดฉายใน Apple TV+ วันที่ 4 มิถุนายนนี้ ซึ่งจะฉายสองตอนแรกก่อนในวันแรก และหลังจากนั้นจะปล่อยอาทิตย์ละตอนในทุกวันศุกร์

Cr.ภาพ: IMDB

#ซีรีส์ หนัง #news-entertainments.com

รีวิว The Woman in the Window

รีวิว The Woman in the Window

รีวิว The Woman in the Window: หนังระทึกขวัญ ที่พยายามเป็น Rear Window เวอร์ชั่นปัจจุบัน แต่บทกลับเต็มไปด้วยปัญหา การเล่าเรื่องที่น่าเบื่อ

ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ โจ ไรท์ (Atonement, Darkest Hour) ที่ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อเดียวกันของ เอเจ ฟินน์ ที่เดิมทีถูกวางกำหนดฉายโรงตั้งแต่ปี 2019 แล้ว

แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 จนหนังถูกเลื่อน และดองไว้จนคนลืม ทำให้ค่าย 20th Century Studios ต้องขายสิทธิ์หนังเรื่องนี้ให้ Netflix แทน

รีวิว The Woman in the Window

ตัวหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ แอนนา ฟอกซ์ (เอมี่ อดัมส์) หญิงสาวที่ป่วยเป็นโรคแพนิค หวาดกลัวการเข้าสังคม ทำให้เธอต้องอาศัยอยู่แต่ภายในบ้านตัวเองเท่านั้น จนวันหนึ่งเธอก็ได้พบกับ เจน (จูลี่แอนน์ มัวร์) เพื่อนบ้านวัยกลางคน ที่เข้ามาทักทายเธออย่างเป็นกันเอง

แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่กี่วัน แอนนา ที่กำลังส่งเพื่อนบ้านก็ได้พบว่า เจน ได้ถูกสามีของเธอลงมือฆาตกรรม แอนนา ได้พยายามแจ้งตำรวจ ได้ทำหน้าที่ในฐานะพยานเพื่อเอาผิดสามีของเจน แต่ด้วยอาการป่วยทางจิตของเธอทำให้ไม่มีใครเชื่อเรื่องที่เธอเล่า แอนนาเลยต้องลงมือหาความจริงของคดีนี้ เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้นคือเรื่องจริง

รีวิว The Woman in the Window

จากพลอต และเงื่อนไขของหนัง ทำให้ใครที่เป็นคอหนังระทึกขวัญพอจะเดาได้ว่าหนังเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่อง Rear Window อีกผลงานขึ้นหิ้งของ อัลเฟร็ด ฮิตช์ค้อก ซึ่งแน่นอนว่าใน The Woman in the Window ก็เต็มไปด้วยการอ้างอิงงานดังกล่าวของฮิตช์ค้อก ทั้งการใส่ฉากของ Rear Window มาเป็นอีสเตอร์เอ้กในตอนเปิดเรื่อง

การที่ตัวเองชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน และการถ่ายทอดจากมุมมองหน้าต่างห้องของแอนนา ที่เราจะได้เห็นชีวิตเพื่อนบ้านจากหน้าต่างห้องแต่ละคน

รีวิว The Woman in the Window

ส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ และทำให้หนังเรื่องนี้ต่างจาก Rear Window คือการอิงกับเหตุการณ์ในปัจจุบันที่มีทั้งเทคโนโลยี สมาร์ทโฟน ที่สามารถเป็นตัวช่วยสำคัญของเรื่อง และความเป็นหนังจิตวิทยา มากขึ้น(จากที่ใน Rear Window มีเพียงสืบสวน/ระทึกขวัญ)

ความสนุกของเรื่องนี้คือลูกเล่นการสับขาหลอกของหนังให้เราไม่สามารถเชื่อใจตัวละครในเรื่องได้ แม้แต่นางเอกอย่างแอนนาเอง ทั้งนี้ต้องขอชื่นชมการแสดงของ เอมี่ อดัมส์ ที่ถ่ายทอดความรู้สึกของคนที่ป่วยทางจิต มีปมบางอย่างที่ไม่สามารถมูฟออนได้สมจริง ทั้งจากรูปลักษณ์ที่เธอสลัดภาพสวย เซ้กซี่ออกจนหมดสิ้น พร้อมทั้งการถ่ายทอดอารมณ์ที่ชวนกดดัน น่าสงสาร จึงไม่ปฎิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่า เอมี่ อดัมส์คือคนที่ช่วยแบกหนังไว้ได้อย่างแท้จริง

รีวิว The Woman in the Window

อย่างไรก็ตามแม้ว่า The Woman in the Window จะพยายามผลักดันให้ตัวเองเป็น Rear Window มากแค่ไหนก็ตาม หนังเรื่องนี้ก็กลับหาได้เทียบเคียงงานดังกล่าวไม่ หนังเต็มไปด้วยการไปไม่สุด และจุดด้อยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสืบสวน/ระทึกขวัญของหนัง ที่ไม่สามารถทำหน้าที่ได้เท่าที่ควร

เนื่องจากก่อนหน้าที่จะฉายหนังได้ถูกสตูดิโอ ให้ถ่ายทำซ่อมหลายครั้งจนเสียเค้าโครงเดิมไปพอสมควร ส่วนหนึ่งของปัญหาที่เห็นได้ชัดคือหนังไปเสียเวลาอธิบายชีวิตของแอนนา มากเกินไป ทำให้ส่วนที่น่าจะทำให้หนังสนุกอย่างการตามล่าความจริง การใส่เหตุการณ์ตื่นเต้น ลุ้นระทึก ถูกเล่ามาแบบขอไปที จนหนังขาดความน่าติดตาม

อย่างไรก็ตามแม้ว่า The Woman in the Window จะพยายามผลักดันให้ตัวเองเป็น Rear Window มากแค่ไหนก็ตาม หนังเรื่องนี้ก็กลับหาได้เทียบเคียงงานดังกล่าวไม่ หนังเต็มไปด้วยการไปไม่สุด และจุดด้อยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสืบสวน/ระทึกขวัญของหนัง ที่ไม่สามารถทำหน้าที่ได้เท่าที่ควร เนื่องจากก่อนหน้าที่จะฉายหนังได้ถูกสตูดิโอ ให้ถ่ายทำซ่อมหลายครั้งจนเสียเค้าโครงเดิมไปพอสมควร

รีวิว The Woman in the Window

ส่วนหนึ่งของปัญหาที่เห็นได้ชัดคือหนังไปเสียเวลาอธิบายชีวิตของแอนนา มากเกินไป ทำให้ส่วนที่น่าจะทำให้หนังสนุกอย่างการตามล่าความจริง การใส่เหตุการณ์ตื่นเต้น ลุ้นระทึก ถูกเล่ามาแบบขอไปที จนหนังขาดความน่าติดตาม

โดยรวม The Woman in the Window ถือว่าเป็นผลงานที่น่าผิดหวังอีกเรื่องของ 20th Century Studios แบบเดียวกับที่ The New Mutants เคยประสบ ทั้งการโดนเลื่อนฉายจนถูกลืม และการถ่ายซ่อมที่ทำให้เสียโครงสร้างเดิมของหนัง ทำให้แทนที่หนังเรื่องนี้จะสามารถถูกยกให้เป็น Rear Window ฉบับโจ ไรท์ ได้ แต่ท้ายที่สุดหนังเรื่องนี้กลับสอบตกทั้งความเป็นหนังจิตวิทยา หนังสืบสวน และหนังระทึกขวัญที่ดี แม้ว่าจะมีทีมนักแสดงที่น่าจะช่วยผลักดันเรื่องก็ตาม

รีวิว The Woman in the Window
ภาพจากหนง Rar Window

ปล. Rear Window คือหนังผลงานการกำกับของ อัลเฟร็ด ฮิตช์ค้อก ที่ฉายเมื่อปี 1954 หนังว่าด้วยเรื่องราวของชายขาหักที่ต้องอยู่แต่ในอพาร์ทเมนต์ของตัวเอง และใช้เวลาในการส่องเพื่อนบ้าน จนวันหนึ่งเขาได้เห็นว่าเพื่อนบ้านของเขาคนหนึ่งได้ลงมือฆาตกรรมภรรยาของตัวเอง หนังเรื่องนี้ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในหนังระทึกขวัญที่ดีที่สุดอีกหนึ่งเรื่อง ด้วยเทคนิคการนำเสนอที่แปลกใหม่ และการเล่าเรื่องที่ชวนติดตาม โดยสามารถรับชม Rear Window พร้อมซับไทยได้แล้ววันนี้ที่ Amazon Prime

Cr. ภาพ: Rotten Tomatoes

#ซีรีส์ หนัง #News-entertainments.com

รีวิวหนัง Friends Reunion Special: การกลับมารวมตัวกันของ 6 เพื่อนซี้

FriendsReunionSpecial

รีวิวหนัง Friends Reunion Special: การกลับมารวมตัวกันของ 6 เพื่อนซี้ จากซีรีส์ซิทคอมอันดับ 1 ที่รวมทุกโมเมนต์ประทับใจ และเซอร์ไพรส์ที่แฟนซีรีส์หายคิดถึง

Friends คือซีรีส์แนวซิทคอมสัญชาติอเมริกัน ที่ถูกยกย่องว่าเป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเรื่องหนึ่งจนซีรีส์มีความยาวถึง 10 ซีซั่น โดยเรื่องราวจะว่าด้วย 6 วัยรุ่นหนุ่มสาวที่ได้เดินทางมาที่เมืองนิวยอร์กเพื่อตามหาความฝัน และความรัก และนั่นก็ได้นำมาซึ่งมิตรภาพของผองเพื่อนท่ามกลางเมืองใหญ่อันน่าประทับใจ สำหรับ Friends Reunion Special คือการกลับมาพบกันอีกครั้งของเหล่าทีมนักแสดง และทีมผู้สร้างซีรีส์ชุดนี้ เพื่อร่วมรำลึกความทรงจำ และความสำเร็จของซีรีส์ชุดนี้อีกครั้ง

โดย Friends Reunion Special จะเป็นหนังแนวสารคดี กึ่ง ทีวีโชว์ ที่จะว่าด้วยการกลับมาพบเจอกันอีกครั้งในรอบ 17 ปีของนักแสดง และทีมผู้สร้างซีรีส์เรื่องนี้ ซึงได้พิธีกรดังอย่าง เจมส์ คาร์เดน มารับหน้าที่ดำเนินรายการ ส่วนเนื้อหาของหนังจะไม่ใช่การเล่าเรื่องราวภาคต่อของซีรีส์แต่อย่างใด

แต่เป็นการร่วมย้อนถึงฉากประทับใจ การพูดคุยถึงจุดเริ่มต้นของซีรีส์ชุดนี้ พร้อมทั้งการแชร์ความทรงจำดี ๆ ที่มีต่อซีรีส์ชุดนี้โดยเหล่าคนดัง และผู้ชมจากหลายประเทศ พร้อมทั้งจัดเต็มด้วยเซอร์ไพรส์สุดพิเศษที่แฟนซีรีส์เรื่องนี้จะต้องอิ่มเอมตลอดเวลา 1 ชั่วโมง 43 นาทีของหนัง

FriendsReunionSpecial

Friends Reunion Special เรียกได้ว่าเป็นรายการพิเศษที่ทำมาเพื่อเอาใจคนที่คิดถึงซีรีส์ชุดนี้โดยเฉพาะก็ว่าได้ ตัวหนังได้มีทุกโมเมนต์ที่แฟนซีรีส์เรื่องนี้อยากเห็น ทั้งการร่วมแชร์ฉากประทับใจของเหล่านักแสดง การได้แชร์ประสบการณ์การถ่ายทำตลอด 10 ปีของซีรีส์เรื่องนี้ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน พร้อมทั้งเซอร์ไพรส์อีกมากมายที่มาเซิร์ฟให้คนดูแบบเต็มอิ่ม

FriendsReunionSpecial

ในส่วนแรกที่อยากพูดถึงคือการร่วมรำลึกความทรงจำของซีรีส์ชุดนี้ ผ่านเหล่านักแสดง และทีมผู้สร้าง ซึ่งตัว เบน วินสตัน ผู้กำกับของรายการก็ได้เอาใจคนดูแบบจัดเต็ม เริ่มตั้งแต่การพาทีมนักแสดงกลับมาพบกับสตูดิโอที่ใช้ถ่ายทำซีรีส์อีกครั้ง โดยได้มีการจัดให้ทุกฉากมีความคงสภาพเดียวกับที่ใช้ถ่ายทำซีรีส์ พร้อมทั้งการได้เห็นการกลับมาอ่านบทฉากยอดนิยมจากเหล่านักแสดงอีกครั้ง  เหมือนการได้กลับมาดูฉากเหล่านั้นอีกครั้งที่ให้อารมณ์ต่างจากเดิม นอกจากทีมนักแสดงนำแล้วในเรื่องเราจะยังได้เห็นเหล่านักแสดงสมทบที่เคยมามีบทบาทในซีรีส์กลับมาร่วมเติมเต็มให้การกลับมาครั้งนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

ด้านตัว 6 นักแสดงนำ ที่นำทีมโดย เดวิด ชวิมเมอร์ เจ้าของบท รอส, เจนนิเฟอร์ แอนิสตัน เจ้าของบท เรเชล, คอร์ทนีย์ ค็อกซ์ เจ้าของบท โมนิก้า, ลิซ่า คัดโลว์ เจ้าของบท ฟิวบี้, แมทท์ เลอบลัง เจ้าของบท โจอี้ และ แมทธิว เพอร์รี่ เจ้าของบท แชนด์เลอร์ ต่างก็ได้ร่วมสร้างโมเมนต์ประทับใจได้อย่างดีเยี่ยม

FriendsReunionSpecial

แต่ละคนได้กลับมาสวมบทเป็นตัวละครของตัวเองอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พวกเขาก็ได้มาพร้อมกับความพิเศษยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น ลิซ่า ที่กลับมารับบท ฟิวบี้ ร้องเพลง Smelly Cat ร่วมกับ เลดี้ กาก้า, แมทท์ ที่ร่วมเดินแบบ คาร่า เดอลาวีญ และจัสติน บีเบอร์, แมทธิว และคอร์ทนีย์ ที่ได้มาร่วมรำลึกถึงความรักของ แชนด์เลอร์ และโมนิก้า

แต่ส่วนที่ถือว่าเป็นจุดพีคที่สุดคือการพาร์ทของ เดวิด และเจนนิเฟอร์ ที่ได้เผยถึงโมเมนต์อันแสนโรแมนติกของพวกเขาระหว่างถ่ายทำ และกลับมาอ่านบทฉากสารภาพรักของ รอส และเรเชล อีกครั้ง ซึ่งภาพการกลับมาของนักแสดงทั้ง 6 คนนี้ ในภาพที่ชวนให้นึกถึงวันวาน ก็ทำให้คนดูอย่างเรา ๆ อดไม่ได้ที่จะเสียน้ำตาให้กับพวกเขา

ในส่วนของแขกรับเชิญที่มาร่วมสร้างสีสันในเรื่องนี้ ถือว่ามีส่วนที่ทั้งเซอร์ไพรส์ และส่วนที่น่าเสียดายก็ว่าได้ โดยเหล่าแขกรับเชิญส่วนใหญ่จะมีบทบาทในฐานะผู้ร่วมแชร์ความประทับใจในฐานะคนดูที่มีต่อซีรีส์เรื่องนี้ แต่ไม่ได้มาร่วมแสดง หรือสัมภาษณ์นักแสดงหลักแต่อย่างใด

ทำให้แทนที่เราจะได้รู้สึกตื่นเต้นกับการปรากฎตัวของเหล่าแขกพิเศษไม่ว่าจะเป็น เดวิด เบ็คแฮม, วง BTS, คิท แฮริงตัน เรากลับไม่ได้รู้สึกพิเศษเท่าที่ควร เพราะพวกเขาเหล่านั้นกลับมีหน้าที่เพียงแค่ร่วมสรรเสริญความดีงามของซีรีส์ Friends เพียงเท่านั้น โดยเฉพาะการปรากฎตัวของ จัสติน บีเบอร์ และคาร่า เดอลาวีญ ที่มาร่วมเดินแบบในช่วงท้าย ที่มาแบบไม่มีบทพูด และแทบไม่มีอะไรให้น่าจดจำเท่าที่ควร

FriendsReunionSpecial

อย่างไรก็ตามแม้ว่า Friends Reunion Special จะไม่ใช่การกลับมาร่วมแสดงตอนใหม่ของซีรีส์ Friends ก็ตาม แต่รายการพิเศษนี้ก็ได้ทำหน้าที่เป็นเหมือนการร่วมพาแฟนซีรีส์ชุดนี้ไปร่วมย้อนวันวานแห่งความสำเร็จของซีรีส์ชุดนี้ พร้อมทั้งยังเป็นเสมือนงานเลี้ยงของเหล่า 6 เพื่อนรัก ที่ไม่ได้เจอกันนานถึง 17 ปี ที่รวมทุกโมเมนต์ที่คนดูอยากเห็น และภาพเบื้องหลังที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เรียกได้ว่าใครที่คิดถึงซีรีส์ชุดนี้ หากได้ดูเรื่องนี้จะต้องเสียน้ำตาให้กับความประทับใจ ความคิดถึง ที่ Friends เคยมอบให้กับทุกคนอย่างแน่นอน

#Friends Reunion Special #ซีรีส์แนวซิทคอม #Friends #ซีรีส์ หนัง #news-entertainments.com

Cr. ภาพ: Rotten Tomatoes, IMDB