Stand by Me Doraemon 2 เพื่อนกันตลอดไป2

Stand by Me Doraemon 2

เตรียมพบกับการผจญภัยสุดประทับใจครั้งใหม่ของ โนบิตะ และโดราเอม่อน ใน Stand by Me Doraemon 2 (เพื่อนกันตลอดไป2) เมษายนนี้

ใครที่เป็นแฟนคลับของหุ่นยนต์แมวสีฟ้า โดราเอม่อน กับโนบิตะ และผองเพื่อน เตรียมมาร่วมเสียน้ำตากันอีกครั้งใน Stand by Me Doraemon 2 ภาคต่อจาก Stand by Me Doraemon เมื่อปี 2014 โดยครั้งนี้จะกลับมาพร้อมกับเรื่องราวการผจญภัย และมิตรภาพครั้งใหม่ที่ชวนอบอุ่นหัวใจยิ่งกว่าเดิม

โดย Stand by Me Doraemon 2 จะเล่าเหตุการณ์ต่อจากภาคแรก แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องราวมิตรภาพของโนบิตะ และผองเพื่อนเท่านั้น แต่ในภาค 2 นี้ โนบิตะ ยังต้องเดินทางผ่านไทม์แมชชีน เพื่อไปพบกับตัวเองในอดีต และอนาคต

ในภาคนี้จะมีสองเหตุการณ์สำคัญของเรื่องคือ ฉากที่โนบิจะย้อนเวลากลับไปยังอดีตเพื่อไปหาคุณย่าของเขา ซึ่งฉากนี้ถูกยกให้เป็นตอนที่ทั้งอบอุ่นหัวใจ และชวนเสียน้ำตามากที่สุดของการ์ตูนชุดนี้ และอีกฉากหนึ่งคือ ฉากที่เพิ่มขึ้นมาในหนังภาคนี้โดยเฉพาะ คืองานแต่งงานของโนบิตะ และชิซูกะในโลกอนาคต

Stand by Me Doraemon 3

หนังของสองผู้กำกับจากภาคแรกอย่าง ริวอิจิ ยากิ และทาคาชิ ยามาซากิ จาก Alway Sunset On Third Street กลับมารับหน้าที่เดิมอีกครั้ง พร้อมทั้งได้ สุดะ มาซากิ มาร่วมร้องเพลงประกอบให้อีกด้วย ซึ่ง Stand by Me Doraemon 2 ถือว่าเป็นอีกหนังชุดโดราเอม่อน ที่ทำมาเพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี ของการ์ตูนเรื่องนี้

นอกจาก Doraemon The Movie Nobita New Dinosaur ที่ฉายในปีเดียวกันคือปี 2020 สำหรับ Stand by Me Doraemon ภาคแรกได้เข้าฉายเมื่อปี 2014 โดยหนังถูกสร้างเพื่อฉลองครบรอบ 80 ปีของ ฟุจิโอะ เอฟ ฟุจิโกะ ผู้สร้างสรรค์การ์ตูนเรื่องนี้ และยังเป็นหนัง 3 มิติเรื่องแรกของหนังชุด Doraemon อีกด้วย

ซึ่งหลังจากที่ได้เข้าฉายหนังก็ได้รับคำชื่นชมจากแฟนการ์ตูน และนักวิจารณ์เป็นอย่างมาก จนสามารถคว้ารางวัล Best Animation Film จากเวที Awards of the Japanese Academy มาได้สำเร็จ โดยการ์ตูนเรื่อง Doraemon ได้ถูกตีพิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1969 โดยสำนักพิมพ์ โชงะกุกัง

เป็นเรื่องราวที่ว่าด้วยเด็กชายที่มีชื่อว่า โนบิตะ ที่มักจะถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง เรียนไม่เก่ง และเป็นคนไม่เอาไหน จนวันหนึ่งได้มีหุ่นยนต์แมวสีฟ้าชื่อ โดราเอม่อน ได้เดินทางมาจากโลกอนาคต ศตวรรษที่ 22 ที่ถูกส่งมาโดย โนบิตะ ในโลกอนาคต ที่ต้องการให้ โดราเอม่อน ใช้อุปกรณ์วิเศษเพื่อช่วยเหลือตัวเองในวัยเด็ก และเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตในอดีตไม่ให้เลวร้ายอย่างตัวเขาเองในอนาคต การผจญภัยของ โดราเอม่อน กับโนบิตะ และผองเพื่อน

Stand by Me Doraemon

ที่ประกอบไปด้วย ชิซูกะ ไจแอนท์ และซูเนโอะ ก็ได้เริ่มขึ้น Stand by Me Doraemon 2 นั้น เดิมทีมีกำหนดฉายในไทย ช่วงกลางปี 2020 ภายใต้การจัดจำหน่ายของค่าย M Pictures
แต่ทว่าเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้หนังต้องถูกเลื่อนฉายออกไป โดยได้กำหนดฉายใหม่ คือช่วงเดือน เมษายน 2021 นี้

Stand by Me Doraemon 2 เพื่อนกันตลอดไป 2

Cr. ภาพ : เว็บไซต์ IMDB และช่อง Youtube Doraemon The Movie

#Stand by Me Doraemon 2 #เพื่อนกันตลอดไป2 #ซีรีย์ หนัง #news entertainments

10 อันดับมิวสิควิดีโอที่มียอดวิวสูงที่สุดในโลก ประจำปี 2021

10 อันดับมิวสิควิดีโอที่มียอดวิวสูงที่สุดในโลก ประจำปี 2021

ในสมัยก่อน ผู้คนต่างก็ฟังเพลงผ่าน เทปคาสเซ็ท แผ่นเสียง หรือวิทยุ จนกระทั่ง YouTube เริ่มมีอิทธิพลในโลกออนไลน์ ทำให้พฤติกรรมการฟังเพลงถูกย้ายมาอยู่ในเว็บไซต์ด้วยเช่น ปัจจุบันศิลปินก็ได้ใช้ยอดการเข้าชมมิวสิควีดีโอใน YouTube เป็นการการันตีคุณภาพของงานเพลงแทนการโชว์ยอดขายอัลบั้ม และนี้คือก็คือสาเหตุที่เราจัดเพลย์ลิสต์นี้ขึ้นมา “ 10 อันดับมิวสิควิดีโอที่มียอดวิวสูงที่สุดในโลก ประจำปี 2021 ” มีเพลงอะไรบ้างไปดูกัน

1.Desacito – luis fonsi feat. Daddy Yankee

Desacito – luis fonsi feat. Daddy Yankee

เพลงลาตินแนวป็อบที่ MV เต็มไปด้วยความเร้าร้อน เพลงนี้เคยเป็นแชมป์เมื่อปีที่แล้ว และปัจจุบันอยู่ในคลองตำแหน่งไว้อย่างเหนียวแน่นด้วยจำนวนยอดวิว 7.2 พันล้าน

2. Shape  of you – Ed  Sheeran

Shape of you – Ed Sheeran

เพลงนี้อัปโหลดในยูทูปอย่างเป็นทางการเมื่อต้นปี 2017 ปัจจุบันมียอดผู้ชมถึง 5.1 พันล้านวิว และยังเพิ่มขึ้นๆเรื่อยๆ ไม่แน่ว่าเพลงนี้อาจจะแซงอันดับหนึ่งในวันข้างหน้า

3. See you again – Wiz khalifa feat. Charlie puth

3.	See you again – Wiz khalifa feat. Charlie puth

บทเพลงแห่งมิตรภาพที่อุทิศให้แก่ paul walker นักแสดงจากแฟนไชส์ภาพยนตร์ Fast and Furious ผู้ล่วงลับ เพลงนี้ถูกใช้ในฉากจบของเรื่องที่ดอมินิคซึ่งฉากนี้ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ซึ้งน้ำตาแตกและเป็นผลพวงให้เพลงฮิตไปด้วย ด้วยยอดวิว 4.9 พันล้าน

4. Uptown funk – Mark Ronson feat. Bruno Mars

4.	Uptown funk – Mark Ronson feat. Bruno Mars

เพลงสไตล์ฟังกี้ ที่ประพันธ์โดย Mark Ronson โดยมีนักร้องมากความสามารถอย่าง Bruno Mars เป็นกระบอกเสียง ถูกอัปโหลดลงยูทูปในปี 2014 และปัจจุบันก็ยังมีคนเปิดฟังอยู่เรื่อยๆ และยังเป็นอีกเพลงหนึ่งที่ถูกใช้ในงานปาร์ตี้บ่อยที่สุด การันตีด้วยยอดวิวถึง 4.1 พันล้านเลยทีเดียว

5. Gungnam style – PSY

Gungnam style – PSY

เพลงนี้เคยเป็นแชมป์ในลิสต์นี้ เมื่อ 4-5 ปีแล้ว และยังเป็นเพลงแรกๆที่ยอดวิวทะลุหนึ่งพันล้าน ด้วยท่าเต้นที่เป็นเอกลักษณ์และทำนองเพลงที่ชวนให้ลุกขึ้นเต้น ทำให้เพลงนี้มียอดวิวถึง 3.9 พันล้านวิว

6. Sorry – Justin Bieber

Sorry – Justin Bieber

เพลงของนักร้องชื่อดังที่ใครๆก็รู้จัก เพลงแนวอิเล็กทรอนิกส์ป็อบ ที่ใช้เสียงเคราะห์มาเป็นกลองสไตล์แซมบ้า ทำให้เพลงมีกลิ่นอายของลาตินป็อบ การผสมผสานแนวเพลงที่ลงตัว กับทำนองที่ประหลาดแต่ฟังแล้วติดหู ทำให้เพลงนี้มียอดวิวสูงถึง 3.4 พันล้านวิว

7.Sugar – maroon 5

Sugar – maroon 5

มิวสิควีดีโอของเพลงเป็นการถ่ายทำระหว่างที่ศิลปินวง maroon 5 ไปเซอร์ไพรส์ในงานแต่งของแฟนคลับแต่ละคน เมื่อปี 2014 เสน่ห์อีกอย่างของวงนี้คือเสียงหลบของนักร้องนำอย่าง adam Levine ที่แข็งแรงและชัดเจน ทำให้เพลงนี้มียอดวิวถึง 3.3 พันล้านวิว

8.Roar – Katy Perry

Roar – Katy Perry

เพลงที่แสดงถึงความแข็งแกร่งของผู้หญิง อัปโหลดเมื่อปี 2013 เสียงร้องอันก้องกังวานของเคย์ที่และท่อนฮุคที่ติดหูคนฟัง แถมมิวสิควิดีโอยังสวยงามสะอาดตา ทำให้เพลงนี้มียอดวิวถึง 3.2 พันล้านวิว

9. Counting Stars – One Republic

Counting Stars – One Republic

เพลงครันทรี่ยุคใหม่สายปรัชญาที่ผสมผสานกับแนวป็อบร็อค ไต่อันดับขึ้นมาหนึ่งอันดับจากปีที่แล้ว เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ถูกนำมาโคฟเวอร์และใช้ประกวดในเวทีต่างๆ และเชื่อว่าอีกไม่นานคงจะขึ้นไปแซงเพลง Roar ได้อย่างแน่นอนในเร็วๆนี้ ด้วยยอดวิว 3.2 พันวิว ที่น้อยกว่าเพลง Roar แค่เพลงหลักแสน

10. Thinking out loud – Ed Sheeran

Thinking out loud – Ed Sheeran

สำหรับเพลงนี้เคยอยู่อันดับ 9 เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งปีนี้ก็ถูกเพลง counting stars แซงหน้าไป ซึ่งนั่นไม่สำคัญกว่าที่ ed Sheeran มีเพลงที่ติดอันดับยอดวิวสูงที่สุดในโลกถึง 2 เพลง แล้วเพลงนี้ก็ยังเป็นเพลงเต้นรำที่ปัจจุบันไม่ได้ฮิตแล้ว แต่เนื้อเพลงสละสลวยกับเสียงร้องป็อบหม่นๆ มันก็ให้เพลงนี้มียอดวิวถึง 3.1 พันล้านวิว

Top Hit ติดอันดับขนาดนี้ตามไปหาดู หาฟังกันได้นะ ถึงแม้เพลงจะผ่านมาหลายปีแล้ว ก็ยังอยู่ในใจของใครหลายๆคน

#10 อันดับมิวสิควิดีโอที่มียอดวิวสูงที่สุดในโลก #เพลง #news entertainments

Leap Year

Leap Year

“Leap Year” หนังแนวโรแมนติกคอมเมดี้ ที่นำเอาธรรมเนียมเก่าแก่ของชาวไอริช มาผูกโยงกับเรื่องราวของนางเอก ผู้กำลังสิ้นหวังที่จะได้แต่งงาน กระทั่งเมื่อเธอได้รู้ถึงธรรมเนียมเรื่อง Leap year ความหวังของเธอก็เหมือนได้รับการจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง         

เรื่องมีอยู่ว่า แอนนา สาวสวยนักตกแต่งภายในสุดมั่น ได้เฝ้ารอคอยให้แฟนหนุ่มขอแต่งงานมานานหลายปี แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้เป็นเจ้าสาวตามที่หวังไว้ซะที จนเธอบังเอิญได้ไปอ่านเจอบทความเรื่องหนึ่ง ที่เขียนเกี่ยวกับ Leap year หรือ ปีอธิกสุรทิน คือปีที่จะมีวันที่ 29 กุมภาพันธ์

ซึ่งทุกๆ 4 ปีจะมีเพียง 1 ครั้งเท่านั้น และมีความพิเศษคือ เป็นวันที่ผู้หญิงมีสิทธิ์จะเป็นฝ่ายขอผู้ชายแต่งงานได้ ในประเทศไอร์แลนด์ ซึ่ง เจเรมี แฟนหนุ่มของเธอก็กำลังไปทำงานที่นั่นอยู่พอดี แอนนาจึงปิ๊งไอเดียสุดบรรเจิด ออกเดินทางไปไอร์แลนด์ทันที เพื่อทำการขอแฟนแต่งงานที่นั่น ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ซะเลย

Leap Year

ความน่าสนใจของหนัง นอกจากการได้ลุ้นว่านางเอกจะทำภารกิจขอแฟนแต่งงานได้สำเร็จหรือไม่ อีกสิ่งหนึ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจคือ โลเกชั่นสวยๆ และวิวฟินๆ ของประเทศไอร์แลนด์ ที่มีให้ดูเยอะมากๆ นับเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่ดูแล้วเพลินมาก ส่วนนักแสดงนำ ก็ได้ Amy Adams ผู้โด่งดังจากบทนักข่าวสาวขวัญใจซุปเปอร์แมน มาพลิกคาแรคเตอร์เป็นคุณหนู แอนนา ผู้เอาแต่ใจได้อย่างน่ารักน่าหมั่นไส้

ส่วน Matthew Goode ผู้รับบท ดีแคลน ก็เคมีเข้ากันอย่างเหลือเชื่อ การแสดงดูเป็นธรรมชาติมาก เป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้ที่ไม่หวานเลี่ยน ไม่มีเลิฟซีนจิกหมอนชวนฝัน แต่เน้นความเป็นธรรมชาติ และให้ความรู้สึกดีๆ อบอุ่นแบบฟีลกู๊ดมากกว่า โดยรวม นับว่าเป็นหนังเบาๆ ที่มีสีสัน และมีเสน่ห์อีกเรื่องหนึ่ง

#Leap Year #Amy Adams #Matthew Goode #หนัง ซีรีย์ #news entertainments

The White Tiger พยัคฆ์ขาวรำพัน

The White Tiger

“The White Tiger” หนังอินเดียสายดาร์ก ที่ดัดแปลงมาจากนิยายขายดีตีแผ่ด้านมืดของระบบวรรณะในอินเดียได้อย่างเจ็บแสบ และยังแหวกธรรมเนียมหนังอินเดีย ด้วยการไม่มีฉากรวมตัวร้องเพลงและเต้นหมู่ของตัวละครอย่างเรื่องอื่นๆ

เรื่องราวทั้งหมดเป็นการเล่าเส้นทางชีวิตของ พลราม ฮาลวัย หนุ่มอินเดียสู้ชีวิต ที่ดิ้นรนกัดฟันถีบตัวเองขึ้นมาจากคนที่เคยยากจนมากๆ มาก่อน จนกลายเป็นคนร่ำรวยในปัจจุบัน ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เขาต้องเผชิญกับเหตุการณ์อะไรบ้าง กว่าจะมีวันนี้ได้ โดยการเล่าเรื่องเป็นรูปแบบของการเขียนอีเมล์ จากพลรามถึงรัฐมนตรีจีน ที่กำลังเดินทางมาเยือนอินเดีย

The White Tiger1

พลราม เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน แต่เขาฉลาด และมีไหวพริบดี ถึงขั้นเจ้าเล่ห์แกมโกงในบางครั้ง ความโดดเด่นเหล่านี้ทำให้เขามีโอกาสได้ทำงานเป็นคนขับรถส่วนตัวของผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น

และคุณอโศก ลูกชายหัวสมัยใหม่ ที่เพิ่งกลับจากอเมริกาพร้อม คุณพิ้งกี้ ภรรยาคนสวยชาวอินเดีย ที่เติบโตในอเมริกาเช่นกัน

ต่อมา พลรามมีโอกาสย้ายไปทำงานให้กับคุณอโศกและคุณพิ้งกี้ที่เมืองเดลี เมืองหลวงของประเทศ ซึ่งที่นี่ได้เปิดโลกให้เขาได้เห็นชีวิตของเศรษฐี เห็นความเป็นอยู่ของคนในเมืองใหญ่ และเห็นถึงอำนาจของคนรวยที่มีต่อนักการเมืองและผู้รักษากฎหมาย ซึ่งกลายเป็นเหตุผลให้เขาตัดสินใจทำบางอย่างที่โหดเหี้ยม เพื่อให้ตัวเองได้หลุดจากสถานะคนจนในที่สุด

The White Tiger

The White Tiger เป็นหนังที่ไม่ได้ตัดสินการกระทำของพลราม ว่าถูกหรือผิด แต่เน้นนำเสนอให้เห็นว่า สังคมแบบที่มีในเรื่องมันมีอยู่จริง และอาจไม่ใช่แค่ในอินเดีย ซึ่งคนอย่างพลราม ก็มีจริงในสังคมทั่วไป หากวันใดวันหนึ่ง คนพวกนี้ลุกขึ้นมาทำแบบที่พลรามได้ทำบ้าง สังคมจะเป็นอย่างไร

จุดเด่นของThe White Tigerเรื่องนี้ ต้องชมการแสดงของ Adarsh Gourav  ผู้รับบทพลราม  ที่ทำได้ดีมาก ดูแล้วอินและเข้าใจตัวละครว่าทำไมถึงมีความกดดันอย่างที่สุด จนกระทั่งตัดสินใจก่อเหตุร้ายแรงลงไป โดยภาพรวม ถือว่าเป็นหนังอินเดียน้ำดี ที่มีวิธีเล่าเรื่องได้ดี และสนุกมากอีกเรื่องหนึ่ง

พยัคฆ์ขาวรำพัน (The White Tiger) | ตัวอย่างภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ | Netflix – YouTube

#The White Tiger #พยัคฆ์ขาวรำพัน #หนังอินเดีย #ภาพยนตร์อินเดีย #หน้ง ซีรีย์ #news entertainments

Space Sweepers หนังดี ที่ต้องดู

space sweepers

“Space Sweepers” หนังไซไฟอวกาศ ที่บ่งบอกถึงการพัฒนาของวงการภาพยนตร์เกาหลีใต้ได้อย่างยอดเยี่ยม ความน่าสนใจยังอยู่ที่การได้พระเอกดังอย่าง ซงจุนกิ พระเอกสุดฮอตจากซีรีย์ในตำนานอย่าง “Descendants of the Sun” มารับบทนำ ร่วมด้วย คิมแทรี จากซีรีย์ดัง “Mr. Sunshine” และยังมีนักแสดงฝีมือดีอีกหลายคน ที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าดูตั้งแต่เห็นรายชื่อนักแสดงกันเลยทีเดียว   

เรื่องราวในหนังเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2092 องค์กร UTS ภายใต้การก่อตั้งโดย เจมส์ ซัลลิแวน ได้สร้างที่อยู่อาศัยใหม่ขึ้นในห้วงอวกาศ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ และให้มนุษย์บางส่วนขึ้นไปอยู่ โดยประกอบอาชีพ และทำกิจกรรมต่างๆ เช่นเดียวกับที่ทำบนโลก

แต่มีกลุ่มคนที่เรียกว่า “Space Sweepers” ได้อาศัยอยู่ร่วมกันบนยาน เดอะ วิกตอรี่ เพื่อเก็บเศษซากขยะจากชิ้นส่วนของยานและดาวเทียม ที่ลอยอยู่ในอวกาศ เพื่อเอามาแลกกับเศษเงินประทังชีวิต
พวกเขามีด้วยกัน 4 คนคือ แทโฮ อดีตนักบินผู้ตกอับ, กัปตันจาง สาวมาดเท่ห์ผู้คุมยาน, ไทเกอร์พัค วิศวกรยานอดีตมาเฟีย และ บั๊บส์ อดีตหุ่นยนต์รบที่ถูกแปลงโฉมขึ้นใหม่เพื่อใช้เก็บขยะ

space sweepers

ความสนุกเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาทั้ง 4 ได้บังเอิญไปพบกับ โดโรธี เด็กหญิงแอนดรอยหน้าตาน่ารัก ผู้ที่เป็นอาวุธชิ้นสำคัญ และมีผลต่อการอยู่รอดของมวลมนุษยชาติ การแย่งชิงโดโรธีนำไปสู่การเปิดโปงแผนชั่วร้าย และทำให้กลุ่มนักเก็บขยะ ต้องกลายเป็นฮีโร่กอบกู้โลกไปโดยไม่ได้คาดคิด
Space Sweepers เป็นหนังที่ใช้ทุนสร้างมหาศาลอีกเรื่องหนึ่ง จึงมีความโดดเด่นเรื่องโปรดักชั่น ซีจีที่สมจริง และฉากต่อสู้สุดอลังการ โดยเฉพาะในตอนท้ายๆ ของเรื่อง ที่หลายคนดูแล้วต่างลงความเห็นว่ายิ่งใหญ่เทียบเท่ากับหนังระดับ Hollywood

space sweepers

แม้การเดินเรื่องจะไม่ซับซ้อน แต่หนังก็แอบเสียดสีสังคมไว้หลายจุด เช่น การแย่งชิงทรัพยากร ปัญหาสิ่งแวดล้อม การรวมอำนาจเบ็ดเสร็จ และเรื่องการเหยียดเพศ แง่คิดอีกอย่างที่ได้จากเรื่องก็คือ คนที่เป็นฮีโร่นั้น อาจไม่ได้เป็นคนดีมาก่อน

ทุกคนล้วนมีประวัติและเบื้องหลัง ที่ไม่ได้ขาวสะอาด มีรักโลภ โกรธหลง เคยทำผิดและทำถูก เช่นเดียวกับมนุษย์ธรรมดาทั่วไป ใครๆ ก็สามารถเป็นฮีโร่ได้เสมอ อยู่ที่ว่าคิดกลับตัวได้เมื่อไหร่ “Space Sweepers” จึงเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่ง ที่ดูจบแล้วรู้สึกอิ่ม ทั้งภาพ แสง สี เสียง และอารมณ์อย่างแท้จริง

Space Sweepers | Official Trailer | Netflix – YouTube

#ชนชั้นขยะปฏิวัติจักรวาล #Space Sweepers #ซงจุนกิ #หนัง ซีรีย์ #news entertainments

Spenser Confidential หนังน่าดู

Spenser Confidential3

Spenser Confidential

เป็นหนังที่ฉายในช่องสตรีมเจ้าดังอย่าง Netflix โดยเป็นการอำนวยการสร้างของทางช่องเอง เรื่องนี้ได้ผู้กำกับหนังแอ็คชั่นฝีมือเยี่ยมอย่าง  ปีเตอร์ เบิร์ก มากำกับ และแน่นอนหากคนที่ติดตามจะทราบว่านักแสดงคู่บุญของเขาคือใครนั่นก็คือ มาร์ค วอลเบิร์ก ซึ่งทั้งคู่มีหนังที่เคยร่วมงานกันมาแล้วถึง 4 เรื่อง และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 5 ไม่ว่าจะเป็น Lone Survivor , Deepwater Horizon , Patriots Day และ Mille 22 ซึ่งแต่ละเรื่องล้วนแล้วแต่เป็นหนังแอ็คชั่นที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์มากมาย

Spenser Confidential2

แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ผิดหวังเช่นเคย ด้วยทั้งบันเทิงและเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ ความสนุก โดยเฉพาะผมที่เป็นแฟนคลับของทั้งคู่ ก็ต้องบอกว่ารอให้ทั้งคู่กลับมาทำหนังกันอีกรอชมอยู่ โดยที่เรื่องนี้แม้ว่าจะเป็นหนังที่ทำออกฉายทางช่องสตรีม ไม่ได้ฉายในโรงใหญ่แต่ก็ต้องบอกว่าโปรดักชั่นก็เกือบๆเทียบเท่าเลยทีเดียว มีความน่าสนใจของเนื้อเรื่อง และการนำเสนอ ฉากแอ็คชั่นที่สมจริง รวมไปถึงสอดแทรกความฮาเข้ามาไว้ในหนังอย่างลงตัว

ครบรสชาติจริงๆสำหรับเรื่องนี้ ซึ่งสารภาพตามตรงว่าหนังเรื่องนี้ผ่านตามาหลายรอบแล้วแต่ไม่คิดจะเปิดดูเลย เพราะคิดว่าเป็นแค่หนังในช่องสตรีมคงธรรมดาไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่เป็นความคิดที่ผิดจริง ๆ บอกเลยว่าสนุกมาก ใครที่ยังไม่ได้ดูรีบเลยครับ จะหาว่าไม่เตือน 

Spenser Confidential1

ในส่วนของหนังเรื่อง Spenser Confidential ตัวละครที่ชื่อ สเปนเซอร์ เขาคือตำรวจที่มีความตงฉินไม่ยอมอ่อนข้อให้กับความไม่ถูกต้อง ไม่ว่าคนที่ทำผิดนั้นจะเป็นหัวหน้าของเขาเอง ซึ่งเขาต้องติดคุกก็เพราะคดีทำร้ายหัวหน้าตำรวจของเขาเอง ซึ่งหลังจากติดคุกไปเป็นเวลาหลายปี เมื่อออกจากคุกมาแค่คืนแรกที่เป็นอิสระ หัวหน้าตำรวจที่ทำให้เขาต้องติดคุกนั้นก็ถูกฆาตกรรม ซึ่งมันเป็นเหตุการณ์ที่จะทำให้เขาถูกเชื่อมโยงว่าเป็นคนผิดเพราะหัวหน้าตำรวจเป็นต้นเหตุให้เขาต้องติดคุก แต่เพราะเขาไม่ได้ทำจึง ทำให้เขาต้องตามสืบหาว่าสาเหตุการตายของอดีตหัวหน้าของเขานั้นใครที่เป็นคนทำ เพื่อความบริสุทธิ์ของตัวเขาเอง และ เพื่อความถูกต้องด้วย 

เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อยจากหนัง Spenser Confidential

Spenser Confidential แม้เนื้อหาในหนังจะดูเครียดและดูจริงจัง แต่ความเป็นจริงแล้วหนังเรื่องนี้เป็นหนังแอ็คชั่นกึ่งคอมเมดี้ ที่มีความฮาอยู่ตลอดทั้งเรื่อง เรียกได้ว่าชั้นเชิงการทำหนังของ ปีเตอร์ เบิร์ก เรื่องนี้ เป็นอะไรที่แปลกใหม่เพราะปกติแล้วหนังที่เป็นผลงานของเขาที่ผ่านมาล้วนแต่เป็นหนังแอ็คชั่น ซีเรียส จริงจังเป็นส่วนใหญ่ และเรื่องนี้ยังได้นักแสดงที่เป็นนักร้องชื่อดังมาร่วมแสดงด้วยนั่นคือ Post Malone นักร้องชื่อดังระดับโลกมารับบทเล็กๆในเรื่อง แม้จะออกมาแป็ปๆ แต่ก็มีเสน่ห์และน่าจดจำมากเลยทีเดียว

Spenser Confidential – Mark Wahlberg | Official Trailer | Netflix Film – YouTube

#Spenser Confidential #Netflix #หนังน่าดู #ซีรีย์ หนัง #news entertainments