เตรียมพบ ภูมิ-กานต์ ประกบคู่ครั้งแรกใน ละครมนตราตะเกียงแก้ว ช่อง 7HD

ละครมนตราตะเกียงแก้ว ช่อง 7HD “ภูมิ-กานต์” ประกบคู่ครั้งแรก

ละครมนตราตะเกียงแก้ว ทางช่อง 7HD เรื่องราวความรักโรแมนติกและฉากแฟนตาซีในเมืองแห่งเวทมนตร์

สำหรับทางฝั่งละครรักโรแมนติกแฟนตาซีในช่วงนี้ต้องมอบให้กับ ละครมนตราตะเกียงแก้ว ที่ผลิตโดย บริษัท ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด เขียนบทโดย ชมนาด และผลงานการกำกับของ แดง บูรพา จากบทประพันธ์ โสภี พรรณราย ซึ่งเป็นการโคจรมาพบกันครั้งแรกของคู่พระนาง ภูมิ – เกียรติภูมิ บันลือชัยฤทธิ์ ในบทพ่อมดหนุ่ม กับนางเอกน้องใหม่อย่าง กานต์ – ณัฐชา รัตน์ชยางคานนท์ ที่รับบทเป็น เรนี่ สาวลูกครึ่งมนุษย์และแม่มด

นอกจากนี้ก็ยังมีนักแสดงหน้าใหม่ของทางช่อง 7HD อย่าง เฌอ – เฌอลีนน์ สตาฟฟี่ และ ตรัย – จักรภัทร อังศุธนมาลี พร้อมนักแสดงมากฝีมือที่เป็นตำนานอย่าง แม่มดทาฮิร่า ที่รับบทโดย ดวงดาว จารุจินดา เจ้าของแมวดำชิกเก้นสุดน่ารักที่จะกลับมาสร้างสีสันให้เหล่าแฟนๆ กันอีกเช่นเคย และยังรวมดาราอีกมากมายมาสร้างความสนุกให้ชมกัน อาทิ นวพล ภูวดล, ธัญสินี พรมสุทธิ์, บัณฑิตา ฐานวิเศษ, อิงฟ้า เกตุคำ, อัครัช จิตตะศิริ

ละครมนตราตะเกียงแก้ว ช่อง 7HD “ภูมิ-กานต์” ประกบคู่ครั้งแรก

เตรียมพบเรื่องราวความรักโรแมนติกและฉากแฟนตาซีในเมืองแห่งเวทมนตร์กับการใช้ CG สุดอลังการงานสร้าง ซึ่งจะขนทัพจัดเต็มกันชุดใหญ่ทั้งเหล่าพ่อมดแม่มด ที่สวยงามอลังการจัดเต็มตั้งแต่เครื่องแต่งกายนักแสดงยันฉากต่างๆ ให้ทุกคนได้สนุกไปกับ ละครมนตราตะเกียงแก้ว จากเรื่องราวสุดวุ่นวายในโลกเวทมนตร์ที่ถึงคราวจะดับสิ้นเพราะแม่มดฝ่ายดำ ดังนั้นมีเพียงพลังจากตะเกียงแก้วเท่านั้นที่จะช่วยได้

แต่ทว่าตะเกียงแก้วกลับไปอยู่กับสาว เรนี่ ลูกครึ่งมนุษย์แม่มด ( รับบทโดยกานต์ ณัฐชา ) สาวน้อยผู้ที่เติบโตมาในครอบครัวมนุษย์ หน้าที่ในการออกตามหาจึงต้องตกเป็นของ วิล พ่อมดหนุ่มผู้เก่งกาจ ( รับบทโดยภูมิ เกียรติภูมิ ) ที่จะต้องตามหาเธอเพื่อให้ได้คำตอบ เมื่อความใกล้ชิดก่อเกิดเป็นความรัก แต่พลังมนตร์ดำที่แฝงอยู่ในตัวเธอกลับเป็นอุปสรรค งานนี้เมืองเวทมนตร์จะพ้นจากเงื้อมมือแม่มดผู้ชั่วร้ายหรือไม่ แล้ววิลจะช่วยให้เรนี่กลับมาเป็นแม่มดสาวแสนดีได้หรือไม่นั้น ก็ต้องติดตามในละครมนตราตะเกียงแก้ว ทางช่อง 7HD

ละครมนตราตะเกียงแก้ว ช่อง 7HD “ภูมิ-กานต์” ประกบคู่ครั้งแรก

และนี่ก็คือข่าวสารและความบันเทิงที่เราได้นำมาฝากแฟนๆ ชาวละครในวันนี้ โดยสามารถติดตามความสนุกสนาน และเรื่องราวความรักความแฟนตาซีตระการตาครบรสได้ในละครมนตราตะเกียงแก้ว หลังจบข่าวภาคค่ำ ได้ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 18.45 น. ซึ่งจะเริ่มออกอากาศตอนแรกในวันพุธที่ 27 กันยายนนี้ ทางช่อง 7HD ใครที่ดูในทีวีให้กดช่อง 35 ส่วนการดูสดออนไลน์สามารถดูได้ทาง BUGABOO.TV และช่องทางออนไลน์อื่นๆ อาทิ Facebook, IG, X ( Twitter ), TikTok, YouTube: Ch7HD หรือเว็บไซต์ www.ch7.com

รูปภาพประกอบ : ch7.com
รูปภาพประกอบ : sanook.com

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

เปิดประเด็นร้อน ลิซ่า BLACKPINK กับข่าวลือ ไม่ต่อสัญญาค่าย YG Entertainment

เปิดประเด็นร้อน ลิซ่า BLACKPINK กับข่าวลือ ไม่ต่อสัญญาค่าย YG Entertainment

สำหรับนักร้องสาวสายเลือดไทยแท้อย่าง ลิซ่า BLACKPINK หนึ่งในสมาชิกวง BLACKPINK ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้โดยมีข่าวลือว่าลิซ่าปฏิเสธการต่อสัญญากับค่ายต้นสังกัด YG Entertainment มูลค่าสูงถึง 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 1.4 พันล้านบาท ซึ่งทำให้ตอนนี้หลายๆ ฝ่ายรวมถึงเหล่าแฟนคลับต่างจับตามองกันเป็นแถบๆ และดูเหมือนว่ายังมีข่าวลืออีกหลายระลอกออกมาให้คาดการณ์กันไป และทุกคนก็หวั่นๆ กันว่ากระแสข่าวลือที่ออกมานี้ ไม่แน่ว่าอาจจะกลายเป็นเรื่องจริงก็เป็นได้

เมื่อไม่นานมานี้สาว ลิซ่า BLACKPINK ได้อวดหุ่นแซ่บในชุดบิกินี่ตัวจิ๋ว พร้อมทั้งมีข่าวออกเดทกับหนุ่ม เฟรเดอริก อาร์โนลด์ มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลก ทายาทธุรกิจในเครือ LVMH นอกจากนี้ ลิซ่า เองยังได้ยังได้ประกาศว่าจะเข้าร่วมแสดงโชว์ระบำเปลื้องผ้ากับคาบาเร่ต์ในสไตล์ปารีเซียง “Crazy Horse Paris” (Le Crazy Horse Saloon หรือ Le Crazy Horse de Paris) ซึ่ง ลิซ่า ถือเป็นศิลปิน K – POP คนแรกที่ได้ขึ้นแสดงโชว์นี้อีกด้วย

สำหรับเหตุผลที่หลายคนคาดการณ์ว่านี่อาจทำให้ ลิซ่า ไม่ต่อสัญญาค่ายนั้นมีหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องการถูกเอาเปรียบและถูกเลือกปฏิบัติ ซึ่งช่วงแรกที่ได้เดบิวต์ก็มีแฟนคลับเกาหลีบางส่วนเรียกร้องให้เธอออกจากวงเพราะเธอเป็นคนไทย ทั้งยังมีข่าวแอนตี้ว่าร้ายและคอยแซะมากมาย รวมถึงขณะที่เดินสายโปรโมทอยู่นั้น เธอยังถูกแฟนๆ บางส่วนหมางเมินและถูกนักข่าวเดินชนอีกด้วย

แม้ว่าปัจจุบัน ลิซ่า BLACKPINK จะโด่งดังไปทั่วโลก จนมียอดฟอลไอจีถึง 97.7 ล้าน และยังเป็นผู้ทรงอิทธิพลทั้งในวงการเพลงและวงการแฟชั่นต่างๆ แล้ว แต่ดูเหมือนว่ารายได้ของเธอจะถูกกดให้น้อยกว่าเพื่อนๆ ร่วมวงคนอื่นๆ เนื่องด้วยกฎหมายเรตค่าตัวของคนต่างชาติ

จากผลงานความสำเร็จในอัลบั้ม “LALISA” ที่สามารถคว้ารางวัลใหญ่บนเวที “Best K-Pop Award 2022 แต่ ลิซ่า มีโอกาสโปรโมทเพลงเดี่ยวเพียงแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น นอกจากนี้เธอยังเคยถูกอดีตผู้จัดการโกงเงินกว่า 1 พันล้านวอน หรือราวๆ 26 ล้านบาทอีกด้วย ซึ่งเหล่าแฟนคลับที่เป็นเมนของ ลิซ่า นั้นต่างรู้กันดี และนี่ทำให้หลายคนมองว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นธรรมกับเธอ และอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจไม่ต่อสัญญาก็ได้

แต่อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น ซึ่งก็คงต้องรอความชัดเจนจากปากสาว ลิซ่า BLACKPINK กันอีกครั้งและไม่ว่า ลิซ่า จะต่อสัญญาหรือไม่ ก็ขอให้แฟนคลับทุกคนเคารพในการตัดสินใจของเธอ เพราะตลอด 7 ปีที่ผ่านมานั้นสาว ลิซ่า ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอคือหนึ่งในศิลปินชาวไทย ที่สร้างความภาคภูมิใจแก่คนไทย และสามารถโลดแล่นบนเวทีระดับโลกได้อย่างคู่ควรไร้ที่ติ

รูปภาพประกอบ : dudeplace.co

รูปภาพประกอบ : posttoday.com

รูปภาพประกอบ : tnews.co.th

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

N GAMES ไม่ใช่ END GAME ก้าวที่เอาจริงของ NETFLIX กับการรุกตลาดเกมบนมือถือ

N GAMES ไม่ใช่ END GAME ก้าวที่เอาจริงของ NETFLIX กับการรุกตลาดเกมบนมือถือ

เมื่อปีที่แล้วมีข่าวว่า NETFLIX อยากทำเกมบนมือถือ ในตอนนั้นใครๆก็คิดว่าสร้างกระแส หรือต้องการทำปรากฏการณ์บางอย่าง

เพราะว่างานหลักธุรกิจใหญ่ของ NETFLIX คือให้บริการสตรีมมิ่งหนังและซีรีส์จากทั่วโลกให้กับคนทั่วโลกเช่นกัน ไม่ได้มีอะไรกับวงการเกมเลย

น่าจะเหมือนกับค่ายแอพหาคู่ชื่อดัง Tinder ที่เพิ่มยอดคนใช้งานได้เป็นล้านๆคนผ่านการทำอินเตอร์แอ็คทีพเกมที่พูดถึงวันสิ้นโลกว่าแต่ละคนจะเลือกจุดจบอย่างไร ประโยชน์ของคนใช้ไม่เท่าไหร่ แต่เรียกแขกได้จำนวนมากทีเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรต่อเป็นเรื่องเป็นราว

เกมบน NETFLIX

พอต้นปี 2021 NETFLIX ได้หอบเงินไปจ้างบริษัททำเกมชื่อ studio BonusXP แล้วก็นำเกมที่สำเร็จแล้วไปเริ่มทดสอบกับสมาชิก NETFLIX ในประเทศโปแลนด์ เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา (อาจจะเพราะประชาชนโปแลนด์อาจจะไม่ค่อยขิงเหมือนอย่างบางประเทศมั้ง (-_-))

แต่อีกสองวันถัดมา วันที่ 28 กันยายน NETFLIX ก็ประกาศว่าได้เข้าซื้อบริษัทผลิตเกมขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กอย่าง Night School Studio เรียบร้อยแล้ว

โดยที่ Night School Studio เป็นสตูดิโอที่มีชื่อเสียงจากการผลิตเกมแนวผจญภัยบวกแก้ไขปริศนา (Puzzle) ที่มีเรื่องราวยาวเป็นหนัง เรียกว่าเข้าทางของ NETFLIX ที่หากว่าจะมีเกมที่ทำจากหนังอย่างต่อเนื่องก็คงต้องหาทีมงานแบบนี้เข้ามาในเครือข่าย

ตอนนั้นหลายๆค่ายก็เริ่มรู้แล้วว่า ท่าทาง NETFLIX จะไม่ได้ทำแค่อีเว้นท์

Night School เป็นของ NETFLIX

มาชัดเจนเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา NETFLIX เปิดตัว NETFLIX GAMES ที่เป็นเหมือนแผนกที่จะทำงานด้านเกมมือถือเป็นหลัก

เกมแข่งขันเรียกยอด Subscriber

ปัจจุบันการแข่งขันตลาดวีดีโอสตรีมมิ่งค่อนข้างตึงเครียดทีเดียว เมื่อผู้เล่นทั้งเก่าใหม่กระโดดเข้าสู่สนามเดียวกันแล้ว โดยมียักษ์ใหญ่อย่าง Disney ที่ส่ง Disney+ เข้าประกวด แม้ว่าจะตามหลังทุกๆค่ายแต่การเติบโตของ Disney+ นั้นน่ากลัวทีเดียว (ยังไม่นับรวมแอพพลิเคชั่นจากจีนสองสามค่ายที่มีตัวเลขผู้ใช้งานหลักร้อยล้านกันทั้งนั้น)

เกมที่ดุเดือด NETFLIX คิดจะใช้ “เกม” เพื่อชิงความได้เปรียบ

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า NETFLIX ต้องการดึงผู้ใช้ให้อยู่กับตัวเองให้มากที่สุดด้วยการส่งคอนเท้นท์ความบันเทิงในทุกรูปแบบให้กับสมาชิก รวมไปถึงการผลิตเกมมือถือ ที่สามารถเล่นได้เฉพาะสมาชิก NETFLIX เท่านั้น

วันที่ 3 พฤศจิกายนเป็นต้นไป สมาชิก NETFLIX ทั่วโลกที่ใช้งานระบบAndriod จะสามารถดาวน์โหลดเกม 5 ตัวต่อไปนี้ผ่าน Play Store ไปเล่นได้ฟรีๆ โดยที่ไม่ว่าสิทธิใช้งานมีอยู่กี่เครื่องทุกเครื่องก็จะสามารถดาวน์โหลดไปเล่นได้หมดในแบบออฟไลน์

เกมของ NETFLIX

ได้แก่ Stranger Things: 1984, Stranger Things 3: The Game, Shooting Hoops, Card Blast และ Teeter Up

ส่วนคนที่ใช้ IPhone ยังต้องรอไปก่อนเนื่องจากระบบยังเข้ากันไม่ได้ ซึ่งคาดว่าคงอีกไม่นานก็คงให้บริการได้แน่นอน

NETFLIX GAMES ประกาศเอาไว้ว่า นี่เป็นการเริ่มต้น เป็นก้าวแรก และจะก้าวต่อไปแน่นอน รอพบเกมใหม่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าได้เลย!

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

โอลิเวียร์ โคลแมน และเอมิเลีย คลาร์ก เตรียมร่วมแสดงนำในซีรีส์ Secret Invasion ของ Marvel

โอลิเวียร์ โคลแมน และเอมิเลีย คลาร์ก เตรียมร่วมแสดงนำในซีรีส์ Secret Invasion ของ Marvel

Secret Invasion อีกหนึ่งซีรีส์น่าจับตาของ Marvel Studios ที่เตรียมฉายบน Disney+ ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงวางตัวทีมนักแสดงนำอยู่ โดยล่าสุดได้มีการประกาศอีกสองนักแสดงหญิงที่จะมาร่วมแสดงในซีรีส์เรื่องนี้คือ โอลิเวียร์ โคลแมน (The Father) และ เอมิเลีย คลาร์ก (Game of Thrones)

โดย Secret Invasion จะเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ใหญ่ของจักรวาล MCU เพราะมันจะว่าด้วยเหตุการณ์ของเหล่ามนุษย์ต่างดาว Skrull (ที่เคยปรากฎตัวมาแล้วใน Captain Marvel) ที่ปลอมตัวเข้ามาอาศัยอยู่บนโลก และปลอมตัวเป็นบุคคลสำคัญ เพื่อหวังสร้างการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

ซีรีส์จะได้ ไคล์ แบรดสตรีท มือเขียนบท และผู้อำนวยการสร้างจาก Mr.Robot มารับหน้าที่ดูแลการสร้างซีรีส์ พร้อมได้ ซามูแอล แจ็คสัน (Spiral)  กลับมารับบท นิค ฟิวรี่ และ เบน เมนเดลสัน (Captain Marvel) ที่กลับมารับบท ทารอส อีกครั้ง ส่วนบทของ โอลิเวียร์ โคลแมน และ เอมิเลียคลาร์ก ยังถูกปิดเป็นความลับ

โอลิเวียร์ โคลแมน จากหนัง The Father

เอมิเลีย คลาร์ก จากซีรีส์ Game of Thrones

โอลิเวียร์ โคลแมน เป็นนักแสดงหญิงสัญชาติอังกฤษ โดยผลงานของเธอส่วนใหญ่จะเป็นหนังดราม่า สายรางวัล ก่อนหน้านี้เธอเคยคว้าราววัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากหนังเรื่อง The Favourite เมื่อปี 2019 และในปี 2021 นี้ โคลแมนก็ได้เข้าชิงออสการ์อีกครั้งในบท นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก The Father ส่วน เอมิเลีย คลาร์ก คือนักแสดงสาวที่โด่งดังจากซีรีส์ Game of Thrones ในบท เดเนริส ทาร์แกเรียน ราชินีมังกร ซึ่งหลังจากสิ้นสุดบทดังกล่าว เธอก็มีผลงานหนังฟีลกู้ด สุดน่ารักอย่าง Last Christmas ที่เข้าฉายเมื่อปี 2019 อีกด้วย

*ย่อหน้านี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของ Spider-Man: Far From Home

สำหรับตัวละครมนุษย์ต่างดาว Skrull ในหนัง MCU นั้น เป็นตัวละครที่ปรากฎในครั้งแรกใน Captain Marvel ที่หนังได้เผยว่าพวกเขาได้มีความสามารถในการปลอมตัว จนเมื่อในเรื่อง Spider-Man: Far From Home หนังก็ได้เผยในตอน End Credit ของหนังว่า แท้จริงแล้ว นิค ฟิวรี่ และ มาเรีย ฮิล ที่เราเห็นในหนังทั้งเรื่องนั้น คือ Skrull ที่ปลอมตัวมาโดยมีจุดประสงค์บางอย่าง ซึ่งฉาก End Credit ดังกล่าว ก็ถือว่าเป็นการปูทางของซีรีส์ Secret Invasion ก็ว่าได้

ส่วนซีรีส์ของ MCU ที่เตรียมจะลงฉายใน Disney+ ปีนี้ ก็ยังจะมี Loki ซีรีส์ที่ว่าด้วยการผจญภัยของวายร้ายที่หลายคนหลงรัก ซึ่งจะเป็นเหตุการณ์ต่อจาก Avengers Endgame โดยซีรีส์จะมีกำหนดฉายเดือนมิถุนายนนี้ นอกจากนี้ในวีคนี้ซีรีส์ The Falcon and The Winter Soldier ก็กำลังจะฉาย Ep. สุดท้ายอีกด้วย

สำหรับใครที่รอการมาของ Disney+ ในไทย คาดว่าอีกไม่นานนี้เรากำลังจะได้ใช้บริการแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก็มีข่าวจากผู้ใช้ Disney+ ในประเทศอินโดนีเซียเผยว่ามีบางคอนเทนต์ของสตรีมมีซับไทย และพากย์ไทยแล้ว ซึ่งหากมีข่าวความคืบหน้ายังไง ทางเราจะรีบนำมาอัปเดททันที

Cr.ภาพ : เว็บไซต์ IMDB

อ้างอิง : https://www.empireonline.com/movies/news/marvel-secret-invasion-adds-emilia-clarke/

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Red Notice

รีวิวหนัง Red Notice

อีกหนึ่งผลงานหนังแอคชั่นฟอร์มยักษ์ประจำปี 2021 จาก Netflix ที่ได้สามนักแสดงดังแห่งยุคอย่าง เดอะ ร็อค (Jungle Cruise), ไรอัน เรย์โนลด์ (Deadpool) และ กัล กาดอท (Wonder Woman) โคจรมาเจอกัน ภายใต้งานกำกับและเขียนบทของ รอว์สัน มาร์แชล ทูเบอร์ (Skyscraper)

โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ จอห์น ฮาร์ลีย์ (เดอะ ร็อค)  เจ้าหน้าที่ FBI ผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีของมีค่า ที่ได้ตามล่า โนแลน บูธ (ไรอัน เรย์โนลด์) จอมโจรที่ได้ขโมยไข่ทองคำที่เป็นสมบัติของคลีโอพัตรา จากพิพิฒภัณฑ์ในกรุงโรม ทว่าหลังจากที่ตามล่า บูธ จนได้ตัว ฮาร์ลีย์ ก็พบว่าเขาได้ถูกใส่ร้ายจาก บิชอป (กัล กาดอท) อีกหนึ่งจอมโจรสาว ที่ได้ให้ร้ายว่า ฮาร์ลีย์ และบูธ ร่วมมือกันเพื่อขโมยไข่ทองคำ ด้านตัว ฮาร์ลีย์ ที่เห็นแบบนั้นเขาเลยต้องร่วมมือกับ บูธ เพื่อกู้ชื่อเสียงของตนกลับคืนมา และหาทางเอาคืน บิชอป ด้วยแผนการอันเหนือชั้น (และหลุดโลก) ของพวกเขา

Red Notice ยังคงเป็นงานแอคชั่น คอเมดี้ ที่มาในโทนเดียวกับ Hobb & Shaw ที่ เดอะ ร็อค เคยแสดงนำ และมี เรย์โนลด์ไปรับเชิญ โดยหนังจะมาพร้อมการเล่าเรื่องสไตล์หนังคู่หู คู่กัด ที่ตลอดทั้งเรื่องจะเต็มไปด้วยการไล่ล่า การทำภารกิจ และความเกรียนที่ไม่ลงลอยของตัวละครหลัก ซึ่งในเรื่องนี้หนังก็ใช้งานคาแรคเตอร์ของสามตัวละครหลัก ที่หักเหลี่ยมเฉือนคมไปมา พร้อมการยิงมุกใส่กันเป็นระยะ ๆ จนกลายเป็นความบันเทิงของหนังตลอดทั้งเรื่อง

ด้านฉากแอคชั่นของหนังก็นับว่าทำออกมาได้ดี มีการผสมผสานรูปแบบการต่อสู้ทั้งมือเปล่า และการใช้อาวุธทั้งเล็ก ใหญ่ และระดับความโม้แหลกที่ฉีกทุกกฎฟิสิกส์ พอ ๆ กับหนังตระกูล Fast นอกจากนี้หนังยังผสมกลิ่นไอของหนังแนวผจญภัย ล่าสมบัติแบบ Indiana Jones ที่มีความตื่นตาตื่นใจ มีการผสมผสานเรื่องราวประวัติศาสตร์ เข้าไปเพิ่มสีสันให้ตัวหนังมีความสมจริง มากยิ่งขึ้น

เคมีการแสดงของทีมนักแสดงทั้ง 3 คน ต่างสามารถสร้างสีสันให้หนังได้อย่างดีเยี่ยม ไรอัน เรย์โนลด์ ยังคงเป็นจอมยิงมุกประจำเรื่อง ที่แต่ละมุกของเขาสามารถสร้างเสียงหัวเราะได้ตลอดทั้งเรื่อง ส่วน เดอะ ร็อค ยังเป็นจอมบู๊ ที่ช่วยทำให้หนังดุเดือดเข้มข้นมากขึ้น ส่วน กัล กาดอท ก็ยังถ่ายทอดบทเซ้กซี่ พราวเสน่ห์ ที่เดาทางไม่ได้ว่าเรื่องนี้เธอจะมาดีหรือมาร้าย

อย่างไรก็ตาม Red Notice ก็ยังเป็นหนังที่ประสบปัญหาคล้าย ๆ กับหนังแอคชั่น คอเมดี้ ส่วนใหญ่ มักเผชิญกัน คือความเป็นสูตรสำเร็จเกินไปของหนัง จนไร้ซึ่งความแปลกใหม่ บทหนังที่ค่อนข้างขาดเสน่ห์ ขาดมิติของตัวละคร แม้ว่าหนังจะพยายามสอดแทรกดราม่า หรือปูมหลังของตัวละครแค่ไหนก็ตาม แต่หนังก็โดนพาร์ทดราม่า และคอเมดี้กลบไปหมดสิ้น

โดยรวม Red Notice ยังเป็นอีกหนึ่งหนังแอคชั่น คอเมดี้ ทุนใหญ่จาก Netflix ที่ทำมาเพื่อเอาใจคอหนังที่ต้องการเสพความบันเทิงแบบง่าย ๆ เน้นเอามันส์ ไม่เน้นสาระ ที่ดูจบแล้วจบเลย ไม่มีอะไรให้คิดต่อมากมาย แต่กระนั้นหนังเรื่องนี้ก็ทิ้งตอนจบแบบปูทางไว้สำหรับภาคต่อเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งหากมันประสบความสำเร็จระดับเดียวกับ Extraction เมื่อปีที่แล้ว เราอาจเห็นภาคต่อของหนังชุดนี้ก็เป็นได้

สามารถรับชม Red Notice ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวซีรีส์ Stranger Things season 4 Part 2

รีวิวซีรีส์ Stranger Things season 4 Part 2

หลังจากที่เดือนที่แล้ว Stranger Things ซีซั่น 4 Part 1 ที่เป็น 7 Ep. แรกได้ฉายไปก็ได้สร้างกระแส และเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ และคนดูอย่างล้นหลาม และทำให้แฟน ๆ ต่างตั้งใจรอดู Part 2 ของซีซั่นนี้อย่างใจจดจ่อ

โดยเนื้อหาในครึ่งหลังจะเป็นการทำภารกิจของแก๊งเด็กวัยรุ่นในเมืองฮอว์คกินส์ ที่ต้องหาทางปราบปีศาจร้ายแวคนา ก่อนที่มันจะทำลายเมืองนี้อย่างที่หวัง แต่ทว่าภารกิจนี้กลับเต็มไปด้วยอันตราย ที่เสี่ยงตาย ในขณะที่ด้าน แอล (มิลลี่ บ้อบบี้ บราวน์) ที่ได้พลังกลับคืนมาอีกครั้ง ก็ได้รับรู้ถึงแผนร้ายของ แวคนา และได้พยายามใช้พลังเพื่อช่วยเพื่อน ๆ ของเธอ ให้ผ่านพ้นภารกิจนี้ ด้าน ฮอปเปอร์ (เดวิด ฮาเปอร์ ) และ จอยซ์ (วีโอนา ไรเดอร์) ก็ต้องหาทางเอาชีวิตรอดจากค่ายมรณะของรัสเซีย และเดินทางกลับมายัง ฮอว์คกินส์อีกครั้ง

รีวิวซีรีส์ Stranger Things season 4 Part 2

สำหรับ Part 2 ของซีซั่นนี้ เรียกได้ว่าทำออกมายิ่งใหญ่สมการรอคอยมาก ๆ โดยจะเป็นสองตอนของทีวีซีรีส์ที่มีสเกลใหญ่ระดับเดียวกับหนังใหญ่ ทั้งความยาวตอนละมากกว่า 1 ชั่วโมง เนื้อหาที่มีความ Epic แบบยกระดับจากซีซั่นก่อน ๆ หลายเท่า นับว่าเป็นหนึ่งในคอนเทนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Netflix เลยก็ว่าได้

ในขณะที่ด้านการเล่าเรื่องของสองตอนหลัง ก็ทำออกมาได้สนุกเหมือนเดิม โดยเฉพาะการมาในธีมผจญภัย สยองขวัญ ที่ทำให้ตลอดสองตอนนี้เต็มไปด้วยโมเมนต์ที่ชวนลุ้น ตื่นเต้นตลอดเวลา ในขณะเดียวกันซีรีส์ก็ยังคงความเป็นหนัง Coming of age ที่เล่าเรื่องของวัยรุ่นในเรื่องได้อย่างมีชีวิตชีวา เราจะได้เห็นความสัมพันธ์ที่เติบโตขึ้นไปอีกขั้นของตัวละคร ที่มีทั้งช่วงเวลาที่มีความสุข ช่วงเวลาทุกข์ และช่วงเวลาแห่งการสูญเสีย

ด้านโปรดักชั่นของซีรีส์ก็ถือว่าทำออกมาได้อลังการมาก ฉากในโลก Upside Down ครั้งนี้มีความน่ากลัว และยิ่งใหญ่กว่าเดิม มีฉากปล่อยพลังของ แอล ที่มีความเล่นใหญ่ รวมถึงฉากแอคชั้นในรูปแบบต่าง ๆ ที่จะทำให้หลาย ๆ ตัวละครดูเท่ยิ่งกว่าเดิม นอกจากนี้ฉากปิดซีซั่น ก็ทำออกมาได้พีคแบบสุด ๆ สมกับการเป็นซีซั่นที่ปูทางไปสู่บทสรุปของเรื่องในซีซั่นต่อไป

โดยรวม Stranger Things season 4 Part 2 นับว่าเป็นอีกการปิดซีซั่นของทีวีซีรีส์ที่ดีงามมาก ๆ เรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นสเกลที่ยิ่งใหญ่ขึ้น เนื้อหาที่สนุก เข้มข้นขึ้นราวกับเป็นคนละเรื่องจากซีซั่นแรก ๆ จึงไม่แปลกที่ซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในซีรีส์โปรดของหลาย ๆ คนในยุคนี้

สามารถรับชมซีรีส์ Stranger Things ทั้ง 4 ซีซั่นได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Netflix

ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/u38ZPcyrqHk

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

ส่องหนังก่อนหน้าจะเป็น Batman คนใหม่ โรเบิร์ต แพตตินสัน แบดบอยสู่ฮีโร่รัตติกาล

Batman คนใหม่ โรเบิร์ต แพตตินสัน
Batman คนใหม่ โรเบิร์ต แพตตินสัน
Batman คนใหม่ โรเบิร์ต แพตตินสัน

ส่องหนังก่อนหน้าจะเป็น Batman คนใหม่ โรเบิร์ต แพตตินสัน แบดบอยสู่ฮีโร่รัตติกาล

พูดถึงชื่อของ โรเบิร์ต แพตตินสัน คนส่วนใหญ่คิดถึงสองอย่างบทบาทใหม่ในฐานะฮีโร่ของ DC ใน The Batman หนังใหม่ที่จะเข้าฉายในปีหน้า และอีกบทบาทคือ เอ็ดเวิร์ด คัลแลน แวมไพร์ที่มีผู้หญิงอยากถูกกัดคอมากที่สุดในโลกใน Twilight Saga (2008-2012) เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วที่กลายเป็นมหากาพย์ภาคต่อหนังแก็งค์แวมไพร์ที่ทำรายได้กันมโหฬาร

แต่เรื่องราวของ โรเบิร์ต แพตตินสัน ระหว่าง Twilight ถึง Batman เป็นความเงียบเชียบมากตั้งแต่ Cosmopolis (2012) หนังทริลเลอร์ที่แป้กทั้งรายได้และคำวิจารณ์ หลังจากนั้นเรื่องราวผลงานของ โรเบิร์ต แพตตินสัน ก็หายไป

โรเบิร์ต-แพตตินสัน-1-1
โรเบิร์ต-แพตตินสัน-1-1

แบดบอยของวงการภาพยนตร์

แต่ที่ไม่เคยจางหายในหน้าสื่อ คือความเป็นแบดบอยของ โรเบิร์ต ตอนช่วง Twilight  Saga โรเบิร์ตนั้นดังระเบิดสุดๆ เป็นสามีแห่งโลกก็ว่าได้ และพร้อมๆกันนั้นมีหลายเสียงจากกองถ่ายที่กล่าวหาว่าเขาเป็นคน “เยอะ” หลังจากความดังลดลงแล้วข้อกล่าวหาว่า “เยอะ” ก็ไม่ได้ลดลงไปเท่าไหร่ สรุปว่าข่าวงานไม่มีแต่ข่าวราคีมีเยอะกว่า

พอมาเป็น The Batman จึงมีแต่คนตั้งคำถาม

นั่นก็เพราะว่าลุคของโรเบิร์ตมันดูพังๆ สำอางและไม่น่าไหวที่จะเป็น Batman

แต่สิ่งที่คนไม่รู้ก็คือ โรเบิร์ตดิ้นรนที่จะสลัดภาพ เอ็ดเวิร์ด คัลแลน มาตั้งแต่หลุดออกจาก Twilight  Saga มาแล้ว เพราะเรื่องแรกที่รับหลังจากนั้นคือ The Rover ที่ไม่มีเค้าความสำอางเหลือเลย

แต่แม้ว่าจะร่วมในโปรเจคที่มีเครดิตหลายอันมันก็ดูเหมือนโรเบิร์ตไม่สามารถ “เกิด” ครั้งที่สองได้สักที เขารับบทที่มันแปลกออกไปเรื่อยๆ บทรองบ้าง สมทบบ้าง เพื่อกลับเข้าสู่เส้นทางการเป็นดาราขายฝีมือเต็มตัว ปัญหาคือไม่เข้าตากรรมการสักที

โรเบิร์ต-แพตตินสัน
โรเบิร์ต-แพตตินสัน

ส่องหนังที่น่าจะพา โรเบิร์ต แพตตินสัน “เกิด”ใหม่ใน The Batman

ในที่สุด ในปี 2019 ถึง 2020 เป็นช่วงเวลาที่โรเบิร์ตก็เหมือนหาทางของตัวเองเจอแล้ว เขาได้รับบทที่น่าดึงดูดใจหลายบท

แม้ว่าจะไม่เคยเป็นทางการแต่ลองมาส่องดูหนังขายฝีมือพวกนี้ ที่น่าจะทำให้เขาดีพอที่จะเป็นฮีโร่แห่งรัตติกาลคนใหม่

The Lighthouse (2019) รับบท วินสโลว์ คนเฝ้าประภาคารบนเกาะที่ห่างไกลผู้คน ประชันบทกับ วิลเล็ม แดโฟร์ ผู้มาเยือนจิตประหลาด เจอกับ วินสโลว์ ที่จิตตกจนกลายเป็นจิตหลุดไปด้วย เรื่องนี้โรเบิร์ตโชว์การแสดงที่บีบคั้นอารมณ์ได้ถึง แค่ซัดกับวิลเล็มที่เล่นได้คลั่งสุดขีดก็ต้องชมแล้ว

The King (2019) รับบทเจ้าชายหลุยส์จากฝรั่งเศสที่ยกทัพบุกอังกฤษ ประชันกับ ทิโมธี ชาลาแมต ในบทพระเจ้าเฮนรี่ที่ห้าที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ โรเบิร์ตเล่นได้ดูรุกราน มีอำนาจและไม่ธรรมดาจริงๆ

โรเบิร์ต-แพตตินสัน
โรเบิร์ต-แพตตินสัน

Waiting for the Barbarians (2019) แม้ว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีมากนัก บทก็ไม่เด่นที่สุด แต่การที่โรเบิร์ตรับบทนายทหารใต้บังคับบัญชาของ จอห์นนี่ เด็ป และเข้าฉากกับ มาร์ก ไรแลนซ์ เจ้าของออสการ์สบทบชายได้แบบอยู่ในฉากได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว

Tenet (2020) ต้องบอกว่านี่คือหนังที่พาโรเบิร์ตกลับมาสู่สายตาประชาชนอีกครั้ง เพราะหนังเรื่องนี้คนที่ถูกพูดถึงเยอะสุดคือ โนแลน ผู้กำกับ จอห์น เดวิด วอชิงตัน นักแสดงนำ แต่โรเบิร์ตในบทสมทบ นีล ผู้ช่วยพระเอกที่ย้อนทวนเวลากลับมาเป็นคีย์แมนของภารกิจหลัก

โรเบิร์ต-แพตตินสัน The Devil All the Time
โรเบิร์ต-แพตตินสัน The Devil All the Time

The Devil All the Time (2020) โรเบิร์ตรับบทสมทบ สาธุคุณหลงตัวเองที่เล่นได้มีมิติน่าชิงชังดีจริงๆ ขี่บทนำของ ทอม ฮอลแลนด์ เสียกระจุย

แม้ว่าจะระบุไม่ได้ว่า โรเบิร์ต แพตตินสัน เข้าขั้นยอดฝีมือแล้ว แต่ว่าจากห้าเรื่องที่ว่ามาค่อนข้างแน่ชัดว่า โรเบิร์ต เหมาะสมที่จะรับบท Batman ที่ว่ากันว่าจะเป็น Batman ที่กราดเกรี้ยวที่สุดเท่าที่เคยมีมาได้แน่นอน

ส่วนจะ “เกิด” จะ “ปัง” หรือไม่นั้น ต้องไปรอพิสูจน์ใน The Batman ปีหน้า

ติดตามบทความ บันเทิง ดารา-นักร้อง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

ทอม ฮอลแลนด์ เผยเหตุหลุด

ทอม ฮอลแลนด์ เผยเหตุหลุด

เผยเหตุหลุดจากการทดสอบบท ฟินน์ ใน Star Wars แบบหมอไม่รับเย็บ

อันที่จริง ทอม ฮอลแลนด์ เคยบอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเขาสนใจที่จะร่วมเล่นใน Star Wars และเคยไปออดิชั่น แต่ผลคือไม่ผ่าน สิ่งที่เราไม่เคยรู้ก็คือรายละเอียดของมัน วันนี้เราได้รู้แล้วเมื่อทอมมาชยายความให้ฟังผ่านการให้สัมภาษณ์ทาง Hot Ones รายการวาไรตี้ที่เชิญดารามากินเผ็ดแล้วสัมภาษณ์ไปพร้อมๆกัน

ทอมเคยให้สัมภาษณ์ไว้หลายปีก่อนเมื่อตอนที่ Home Coming หนังภาคแรกของ Spider-Man ในเวอร์ชั่นของเขาว่า เขาเป็นแฟนคนหนึ่งของ Star Wars ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ดูภาคต้นฉบับทั้งสามภาคของปี 1977-1983 แต่หลังจากนั้นในภาค Prequel (ก่อน) กับ Sequel (หลัง) อีกสองภาคเขาได้ดูทั้งหมด (ในเวลาที่ให้สัมภาษณ์ปี 2017)

จึงไม่แปลกที่ ทอม ฮอลแลนด์จะเป็นหนึ่งในนักแสดงที่อยากมีส่วนร่วมกับภาพยนตร์ที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว และในปี 2014 ทอมเคยเข้าร่วมออดิชั่นเพื่อรับบทสำคัญใน Star Wars: The Force Awakens แต่ว่าเขาก็พลาดไปในครั้งนั้น  ซึ่งต่อมาไม่นานนักหลังจากนั้นในปี 2015 ทอมก็ได้ออดิชั่นในบท Spider-Man และเป็นผู้ได้รับเลือก เรื่องนี้ทอมเคยเปิดเผยเอาไว้แล้ว แต่ว่าไม่มีใครรู้รายละเอียดเท่าไหร่

แต่ในรายการ  Hot Ones มีอยู่ช่วงหนึ่งที่พิธิกรถามทอมว่าได้ยินว่ามีเรื่องที่เขาไม่ผ่านการออดิชั่น StarWars เพราะว่าควบคุมการหัวเราะไม่ได้

ทอม ฮอลลแลนด์ตอบว่า  “จริงครับ” แล้วก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในการออดิชั่นบท ฟินน์  บทนำที่สำคัญใน Star Wars: The Force Awakens

ก่อนอื่น ทอมแสดงความเห็นที่น่ารัก สุภาพและระมัดระวังมาก โดยบอกว่าเขาไม่คิดว่าเพราะว่าเหตุการณ์นั้น (ที่เขากลั้นหัวเราะไม่ได้) ทำให้เขาไม่ได้บท ฟินน์ เพราะว่าในท้ายที่สุดแล้ว จอห์น โบเยก้า ยังไงก็เป็นคนที่เหมาะสมกับบท ฟินน์ มากกว่าเขาอยู่ดี

ในตอนนั้นทอมต้องต่อบทกับนักแสดงสาวคนหนึ่งที่รับบทเป็นแอนดรอยด์ ในขณะที่ทอมตะโกนว่า “เราต้องกลับไปที่ยานเดี๋ยวนี้” แต่ในทันทีนั้นผู้หญิงที่อยู่ตรงข้ามก็กำลังพยายามเข้าบทการเป็นหุ่นยนต์อย่างจริงจังมาก แล้วเธอก็เริ่มตอบเป็นเสียงหุ่นยนต์ที่ไม่เป็นภาษาคน “ปี้ ดิ๊บ ปี๊ ดิบ ปิบ ปิบ ปิบ”

และในวินาทีนั้น ทอมที่เป็นมนุษย์หลุดขำได้ง่าย รู้สึกว่าความจริงจังของนักแสดงร่วมกับเสียงที่เธอปล่อยออกมากระตุ้นต่อมฮาของเขาพอดี ทำให้เขาชำออกมา แม้ว่าทอมจะบอกว่า “เรามาเริ่มต้นกันอีกทีเถอะ” แต่สาวน้อยคนนั้นก็ยังคงอินอยู่ในบทแอนดรอยด์และตอบเขาด้วยเสียงประหลาดอย่างเดิม นั่นก็คือตอนที่เขาหยุดหัวเราะอีกไม่ได้เลย

แน่นอนว่าการคัดเลือกตัวนักแสดงไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการแสดงเพียงอย่างเดียว  เพราะในปี 2014 ทอมมีร่างกายผอมบางมากโตจากในบทลูกชายของบ้านที่ประสบภัยใน The Impossible ในปี 2012 ไม่เท่าไหร่ จะไปเป็นนักรบในจักรวาล Star Wars ก่อนที่เขาจะฟิตหุ่นมาออดิชั่นเป็น Spider-Man ในปี 2015 ได้สำเร็จ

แต่นี่อาจเป็นเรื่องดีก็ได้เพราะถ้าคิดอีกที ถ้าเกิดเสีย Spider-Man ของ ทอม ฮอลแลนด์ ให้กับ Star Wars ไปละก็น่าเสียดายแย่เลย

ติดตามบทความ บันเทิง ดารา-นักร้อง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

ทอม ฮอลแลนด์ “บ้ง”

ทอม ฮอลแลนด์

ส่งท้ายก่อนหนัง Spider-Man: No Way Home ออกฉาย

วันที่ได้อ่านบทความนี้คุณน่าจะได้ทราบแน่ชัดไปแล้วว่า Spider-Man: No Way Home มีสองสไปดี้รุ่นพี่ โทบี้และแอนดรู มาร่วมแจมหรือเปล่า  ไม่ว่าจะด้วยการดูเองหรือดูสปอยล์ แต่งานนี้เราไม่มีสปอยล์ มีแต่ความ “บ้ง” ส่งท้ายของ ทอม ฮอลแลนด์มาฝาก

ไม่รู้ว่าทีมงาน Marvel คิดยังไงแต่ก่อนที่รอบปฐมทัศน์วันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา ในคืนเดียวกันก่อนหน้าฉายรอบแรกไม่กี่ชั่วโมง ทีมงานยังปล่อยสี่นักแสดงนำ ทอม ฮอลแลนด์, เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์, เซนดาญ่า และ เจคอป เบทาลอน ไปออกรายการสดของ จิมมี่ คิมเมล ที่เป็นหนึ่งในรายการไลฟ์ยอดนิยมทางทีวี ที่ตัวพิธีกรเป็นนักพูดนักแสดงตลกฝีปากคมกริบ ที่แค่บอกชื่อรู้แล้วว่า รอดยาก โดยเฉพาะทอม!

และเป็นไปตามคาด หลังจากจิมมี่พาวนไปมาสักครู่ ก็ยิงคำถามแรกเกี่ยวกับเทรลเลอร์ Spider-Man: No Way Home เจ้าปัญหาเวอร์ชั่นที่บราซิล ในฉากที่ เดอะ ลิซาร์ด กระโจนไปกลางอากาศ พร้อมๆกับเหล่าร้ายทั้งแก็งค์เข้าหา Spider-Man แล้วอีกไม่กี่วินาทีถัดมา หน้าของ เดอะ ลิซาร์ด ก็หันกลับไปอีกทางเหมือนถูกต่อยจากบางสิ่งที่มองไม่เห็น

พวกรุ่นเด็กแทบจะรับมือไม่ทัน ตอบว่าเป็นเพราะก้อนหินบ้าง นกบ้าง แต่เบเนดิกต์ที่เก๋าเกมที่สุดบอกว่า “มันต้องเป็นเพราะ เดอะลิซาร์ด ทนกลิ่นเต่าตัวเองไม่ไหวแลยต้องเบือนหน้าหนี” เรียกเสียงเฮฮาไปรอบหนึ่ง

จากนั้นจิมมี่ก็เริ่มถามเกี่ยวกับนักแสดงเหล่าร้ายจากภาคเก่าๆที่มาปรากฏตัวใน No Way Home อย่าง อัลเฟรด โมลินา, วิลเล็ม แดโฟร์ และคนอื่นๆ ทอมได้เจอกับพวกเขาหรือเปล่า

ทอมตอบแบบใสๆไปว่า  “แน่นอนว่าต้องเจอกัน เราถ่ายหนังเรื่องเดียวกันนี่นา”

จิมมี่บอกว่าเขาไม่แน่ใจหรอก เพราะว่ามันอาจจะเป็นคอมพิวเตอร์กราฟฟิคแล้วเอาแค่หัวมาก็ได้ ดังนั้นทอมจึงเล่าเรื่องในกองถ่ายระหว่างเขากับอัลเฟรด แต่หลังจากเม้าท์แบบหัวเราะกันขำๆอยู่ดีๆ

จู่ๆ จิมมี่ ก็มองไปที่ ทอม พูดขึงขังออกมาว่า

“โทบี้ แมคไกว และ แอนดรู การ์ฟิลด์ ว่ามา”

เท่านั้นเองนักแสดงทั้งหมดก็หัวเราะกันออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ ทั้งห้องส่งก็กรีดกร๊าดฮาเฮกันใหญ่ ตัวทอม ฮอลแลนด์ก็หน้าแดงตบมือแก้เก้อไปด้วยแบบทำตัวไม่ถูกอย่างเห็นได้ชัด

ครั้งนี้ไม่มีใครช่วยได้ ทอม ตอบด้วยตัวเองว่า เขายอมรับว่า “ผมเคยเจอพวกเขาในงานปาร์ตี้…”

จิมมี่ก็ต่อให้ด้วยความว่องไวว่า “ปาร์ตี้ปิดกล้องเหรอ?” ทำให้คนทั้งห้องส่งหัวเราะกันดังลั่น นักแสดงทั้งสี่ก็ขำกันท้องแข็ง ครั้งนี้เบเนดิกซ์ถึงกับตบมือให้กับจิมมี่ให้กับจังหวะยิงสอยร่วงแบบนี้

ทอมบอกว่า “ไม่รอดูกันอีกหน่อยเหรอ เดี๋ยวรอบปฐมทัศน์ก็จะฉายอยู่แล้ว”

จิมมี่จึงว่า “นี่เป็นหน้าที่รับผิดชอบของผม ผมถามแทนคนที่อยู่ที่นี่ แล้วก็ พลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง” ก็อปม็อตโต้ของสไปเดอร์แมนมาตอบโต้

ทำให้ทอม ฮอลแลนด์ต้องตอบแบบทำหน้าจริงจังสุดๆว่า “คุณรู้มั้ยมันบ้ามากเลย เร็วๆนี้ ผมเจอแอนดรูในงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง แล้วก็พอไปอีกงานปาร์ตี้อีกแห่ง ก็เจอโทบี้ที่นั่น มันบังเอิญมากๆ บังเอิญเป็นบ้าแบบนี้ที่จริงน่าจะมีใครถ่ายเอาไว้”

ในที่สุดจิมมีก็ยอมปล่อยทอมไปจากประเด็นนี้ ไปสู่ประเด็นอื่นๆ

ทอม ฮอลแลนด์ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในจอมหลุด ทั้งหลุดขำ หลุดสปอยล์มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา  ถึงแม้ว่ารอบนี้ทอมยังไม่หลุดอะไรออกมาเกี่ยวกับ No Way Home แต่ปฏิกิริยาพังสุดๆของทอมตอนขึ้นเวทีกับจิมมีนั้น ใครได้ดูก็ต้องบอกว่าแทบจะไปต่อไม่ไหว

ไม่รู้ว่าทั้งหมดแป็นพราะทอม ฮอลแลนด์พังเอง หรือว่าเพราะว่าความลับมันคับอกกันแน่ คิดว่าทุกคนกำลังจะได้รู้ หรืออาจจะได้รู้กันหมดไปแล้ว

ติดตามบทความ บันเทิง ดารา-นักร้อง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

โปรเจกต์เรื่องถัดไปของ คริสโตเฟอร์ โนแลน

คริสโตเฟอร์ โนแลน

ย้ายบ้านจาก Warner Bros. มาเป็น Universal แทน โดยหนังจะว่าด้วยชีวประวัติของนักฟิสิกส์ผู้พัฒนาระเบิดปรมาณู

เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่คอหนังต่างพูดถึงกันเยอะมากในช่วงสัปดาห์ที่่ผ่านมา สำหรับผลงานหนังเรื่องถัดไปของ คริสโตเฟอร์ โนแลน (The Dark Knight, Tenet) ที่ครั้งนี้เขาได้ย้ายบ้านจาก Warner Bros. มาทำหนังให้กับค่าย Universal แทน พร้อมทั้งโปรเจกต์นี้ก็เป็นหนังชีวประวัติเรื่องแรกของเขาอีกด้วย

โดยผลงานกำกับเรื่องถัดไปของ โนแลน จะเป็นหนังที่ว่าด้วยชีวประวัติของ เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ นักฟิสิกส์ผู้เป็นคนที่คิดค้น และพัฒนาระเบิดปรมาณูในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สำหรับรายละเอียดยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการมากนัก แต่แน่นอนว่า โนแลน จะมารับหน้าที่กำกับ และอำนวยการสร้างภายใต้บริษัทของเขาและภรรยาอย่าง Syncopy Inc. พร้อมทั้งด้านนักแสดงนำก็ยังมีการวางตัว คลินเลียน เมอร์ฟี่ ที่เคยร่วมงานกับ โนแลน มาแล้วใน (Batman Begins, Dunkirk) มารับบทนำในหนังเรื่องนี้

ส่วนด้านสตูดิโอผู้สร้างอย่าง Universal ก็ได้มอบเงื่อนไขการทำงานร่วมกับโนแลน โดยหนังจะได้ทุนในการสร้าง 100 ล้านเหรียญฯ และทุนในการโปรโมทอีก 100 ล้านเหรียญฯ ซึ่งโนแลน จะได้อิสระในการสร้างสรรค์หนังเรื่องนี้ทั้งหมด นอกจากนี้หนังจะต้องเข้าฉายในโรงภาพยนตร์อย่างน้อย 100-130 วัน ถึงจะสามารถลงฉายบนสตรีม หรือจำหน่ายในรูปแบบโฮมเธียเตอร์ โดยช่วงก่อน และหลังการฉายหนังเรื่องนี้ ห้ามมีหนังเรื่องอื่น ๆ ของ Universal ฉายในโรงภาพยนตร์

สำหรับสาเหตุที่ โนแลน โบกมือลา Warner Bros. หลังจากที่ร่วมงานกันมากว่า 20 ปี ก็เนื่องจากเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทาง Warner Bros. ได้วางแผนรับมือการฉายหนังในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ด้วยการประกาศว่าจะทำการฉายหนังทุกเรื่องของค่ายในโรงภาพยนตร์ พร้อมกับลงฉาย HBO MAX ในเวลาเดียวกัน โดยที่ทางค่ายไม่ได้บอกให้ทางผู้สร้างหนังได้รับทราบ ทำให้ด้านผู้กำกับที่ยึดมั่นในการฉายหนังในโรงภาพยนตร์อย่าง โนแลน ไม่พอใจกับการกระทำของ Warner Bros. ในครั้งนี้มาก ๆ ทำให้เขาตัดสินใจแยกทางกับสตูดิโอ

สำหรับ คริสโตเฟอร์ โนแลน เป็นผู้กำกับหนังมากฝีมือ สัญชาติอังกฤษ โดยผลงานของเขาส่วนใหญ่จะเป็นหนังที่มาพร้อมความหวือหวาในด้านการเล่าเรื่อง การผสมผสานระหว่างไซไฟ และจิตวิทยา ที่ลึกล้ำ ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ โนแลน ก็ยังเป็นผู้สร้างหนังไตรภาคแบทแมน ที่ดีที่สุดอย่าง The Dark Knight Trilogy ที่กลายเป็นหนังเรื่องโปรดของหลาย ๆ คนมาจนทุกวันนี้ ส่วนผลงานที่โดดเด่นของเขาก็ได้แก่ Momento, Inception, The Dark Knight และ Interstellar

ส่วนกำหนดฉายหนังเรื่องถัดไปของโนแลน ยังไม่มีการกำหนดช่วงเวลาอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าหนังจะเปิดกล้องในช่วงต้นปีหน้า และน่าจะเข้าฉายในช่วงปี 2023-2024

Cr.ภาพ : IMDB

ติดตามบทความ บันเทิง ดารา-นักร้อง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง