รีวิวหนัง Bed Rest

รีวิวหนัง Bed Rest หนังสยองขวัญสูตรสำเร็จตามสไตล์หนังบ้านผีสิง

รีวิวหนัง Bed Rest หนังสยองขวัญพลอตน่าสนใจ สามารถเล่นกับบรรยากาศในบ้านที่ชวนหลอน และฉากตุ้งแช่ที่มาแบบจัดหนัก แต่น่าเสียดายที่หนังตกม้าตายครึ่งหลัง จนกลายเป็นหนังสยองขวัญจืดๆ ที่ไร้ความน่าจดจำ

รีวิวหนัง Bed Rest ผลงานหนังสยองขวัญผลงานการกำกับและเขียนบทเรื่องแรกของ โลลิ อีแวนส์ เทย์เลอร์ ที่กำลังจะมีผลงาน Final Destination 6 ในฐานะมือเขียนบท โดยหนังได้นักแสดงสาวมากฝีมืออย่าง เมลิสซา เบอร์เรรา (Scream 6) มารับบทนำ สมทบด้วย กาย เบอร์เนต (Oppenhiemer) และเอ็ดดี้ อิงค์เซตเตอร์ (ซีรีส์ The Handmaid’s Tale) 

รีวิวหนัง Bed Rest หนังสยองขวัญสูตรสำเร็จตามสไตล์หนังบ้านผีสิง

เรื่องราวของ Bed Rest จะว่าด้วย จูลี่ (เมลิสซา เบอร์เรรา) สาวท้องแก่ ที่เธอและสามี (กาย เบอร์เนต) ได้ย้ายเข้ามายังบ้านหลังใหม่ ที่นั่น จูลี่ ได้ประสบอุบัติเหตุจนทำให้เธอต้องระมัดระวังอาการท้องของเธอมากขึ้น โดยเธอจะต้องอาศัยอยู่เฉพาะในห้องนอนเป็นหลัก และห้ามทำกิจกรรมที่ใช้แรงเป็นเวลาร่วมสองเดือนจนกว่าเธอจะถึงกำหนดคลอด ในระหว่างน้ัน จูลี่ ได้พบเหตุการณ์ชวนสยองในบ้านหลังนี้ โดยเฉพาะวิญญาณเด็กชายที่เธอเชื่อว่าคือลูกคนแรกของเธอที่เสียชีวิตหลังคลอดไปก่อนหน้านี้

 

รีวิวหนัง Bed Rest หนังสยองขวัญสูตรสำเร็จตามสไตล์หนังบ้านผีสิง

Bed Rest คืออีกหนึ่งหนังสยองขวัญสูตรสำเร็จตามสไตล์หนังบ้านผีสิง ตัวหนังมาพร้อมพลอตที่น่าสนใจที่ตัวละครหลักคือหญิงท้องแก่ ที่ต้องอยู่ในสถานที่ปิดตายคือห้องนอนของตัวเองเท่านั้น ท่ามกลางบรรยากาศบ้านเก่าๆ ที่เต็มไปด้วยความน่าขนลุกขนพอง

ตัวหนังทำพาร์ทสยองขวัญได้น่ากลัว ระดับใกล้เคียงกับหนังผีของ เจมส์ วานน์ อย่าง The Conjuring หรือ The Nun หนังเล่นกับฉากตุ้งแช่ ที่มาแบบคนดูไม่ทันตั้งตัว และสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ที่มีในบ้านหรือห้องนอน มาสร้างความน่ากลัวได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้หนังยังพยายามเล่นกับจิตวิทยาในการสร้างสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจผ่านตัวละครอื่นๆ ทำให้หนังมีความชวนตื่นเต้น ชวนระทึกมากขึ้น

รีวิวหนัง BedRest หนังสยองขวัญสูตรสำเร็จตามสไตล์หนังบ้านผีสิง

น่าเสียดายที่ Bed Rest ในหลายๆ ส่วนของเรื่อง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งท้าย ที่หนังพยายามสร้างความสยองขวัญแบบขั้นสุด แต่หนังกลับทำได้ไม่ถึงเท่าที่ควร รวมทั้งการที่หนังเลือกเล่าแบบสูตรสำเร็จของหนังสยองขวัญ ทำให้ท้ายที่สุดแล้วหนังก็ออกมาแบบขาดความแปลกใหม่ และมาพร้อมบทสรุปที่คนดูพอเดาได้ไม่ยากนัก

รีวิวหนัง BedRest หนังสยองขวัญสูตรสำเร็จตามสไตล์หนังบ้านผีสิง

การแสดงของ เมลิสซา เบอร์เรรา เรียกได้ว่าเป็นส่วนที่แบกหนังเรื่องนี้ไว้ก็ว่าได้ เพราะด้วยหัวใจของหนังทั้งหมดอยู่ที่ตัวละครของเธอ แต่กระนั้นการแสดงของ เบอร์เรราใน Bed Rest ก็ยังดูไม่สุดเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับงานก่อนๆ อย่าง In The Heights หรือ Scream 6 ที่เธอได้โชว์ความสามารถการแสดงได้สุดกว่า แต่ไม่ว่าจะอย่างไรการแสดงในหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นอีกบทบาทที่ทำให้เธอได้เฉิดฉายในวงการหนังแนวสยองขวัญในอนาคต

โดยรวม Bed Rest เป็นหนังสยองขวัญสูตรสำเร็จ ที่มาพร้อมความน่ากลัวแบบสูตรสำเร็จ เน้นบรรยากาศหลอนๆ ในบ้าน มีการเล่าเรื่องที่ชวนติดตามตลอด 90 นาที แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วจะไม่ได้มีอะไรที่แปลกใหม่ หรือน่าจดจำมากนัก แต่ก็พอเป็นหนังที่พอดูฆ่าเวลาได้

สามารถรับชม Bed Rest ได้แล้ววันนี้ที่ HBO Go

Cr.ภาพ: IMDB
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/P1wZvRRJSvs

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Argylle

รีวิวหนัง Argylle หนังสายลับ คอเมดี้ ที่เดาอะไรไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

รีวิวหนัง Argylle หนังสายลับ คอเมดี้ ที่เล่าเรื่องได้อย่างเหนือชั้น หนังเต็มไปด้วยมุกตลกแบบผู้หญิงๆ ที่ชวนขำจนท้องแข็ง เนื้อเรื่องเต็มไปด้วยการสับขาหลอกไปมาแบบที่เดาอะไรไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ 

รีวิวหนัง Argylle ผลงานหนังสายลับ คอเมดี้ ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดจาก แมทธิว วอห์น (แฟรนไชส์ Kingsman) ซึ่งเป็นงานร่วมทุนสร้างระหว่าง Apple TV+ และ Universal Studios ที่เป็นการดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันของ แอลลี่ คอนเวย์ โดยครั้งนี้ตัว วอห์น และเจสัน ฟัช (Wonder Woman) มือเขียนบทได้ปรับเนื้อหาโดยให้ตัวนักเขียนมาเป็นนางเอกของเรื่องโดยตรง

รีวิวหนัง Argylle หนังสายลับ คอเมดี้ ที่เดาอะไรไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

หนังจะเล่าเรื่องราวของ แอลลี่ คอนเวย์ (ไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด) หญิงสาวนักเขียนนิยายสายลับที่กำลังโด่งดัง ซึ่งตัวเอกของนิยายเธอคือ อาร์ไกล์ (เฮนรี่ คาร์วิล) สายลับหน้าหล่อ ล่ำ ผู้เป็นสเปคในฝันของสาวหลายๆ คน แต่ในขณะที่ชีวิตของ แอลลี่เองกำลังอยู่ในช่วงที่ไอเดียกำลังตัน ไม่สามารถเขียนนิยายเล่มใหม่ออกมาได้อย่างที่หวัง ทำให้เธอต้องออกเดินทางเพื่อไปเยี่ยมแม่ของเธอและหาไอเดียระหว่างทาง 

รีวิวหนัง Argylle หนังสายลับ คอเมดี้ ที่เดาอะไรไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างฝัน เมื่อในช่วงที่เธอกำลังเดินทางนั่นเอง เธอก็ได้พบกับ เอเดน (แซม ร็อคเวล) สายลับหนุ่มที่ได้เข้ามาช่วยชีวิตเธอ จากการตามล่าขององค์กรวายร้าย เดอะ ดิวิชัน ทำให้จากชีวิตนักเขียนนิยายสายลับ แอลลี่ก็ต้องมาเอาชีวิตรอดร่วมไปกับสายลับจริงๆ จนนำไปสู่การผจญภัยที่จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล

Argylle คืออีกหนึ่งหนังสายลับ คอเมดี้ ที่มาพร้อมความบันเทิงสูตรสำเร็จที่มาแบบครบสูตร ชวนให้นึกถึงหนังอย่าง Knight and Day ที่พูดถึงการจับพลัดจับผลูของหญิงธรรมดากับโลกสายลับ จนนำมาสู่การผจญภัยชวนขำ หนังเต็มไปด้วยมุกที่ล้อเลียนหนังสายลับที่ชวนขำ และฉากบู๊แบบโม้แหลกที่ไม่สนความสมเหตุสมผลใดๆ 

รีวิวหนังArgylleหนังสายลับ คอเมดี้ ที่เดาอะไรไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

หนังยังคงสไตล์ความเป็นงานของ แมทธิว วอห์น ที่เห็นได้ชัด โดยเฉพาะการหยิบนำเพลงมาใช้ประกอบหนังได้อย่างถูกจังหวะ ผสมกับการนำเสนอฉากแอ็คชันที่โดดเด่น ไม่ซ้ำใคร มีงานตัดต่อ การเล่นกับคาแรคเตอร์ของตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม จนกลายเป็นหนังบู๊ที่ทั้งมันส์และขำจนท้องแข็งในเวลาเดียวกัน

การเล่าเรื่องของ Argylle เรียกได้ว่าเป็นหนังสายลับที่สนุกเข้มข้นเกินคาด ในช่วงแรกแม้หนังจะดูเหมือนเป็นหนังผจญภัยสูตรสำเร็จทั่วไป แต่พอถึงกลางเรื่องหนังกลับสับขาหลอกคนดูได้อย่างมีชั้นเชิง จนเมื่อดูไปเรื่อยๆ หนังกลับเต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์มากมายที่คนดูคาดเดาอะไรไม่ได้ไปจนจบเรื่อง นอกจากนี้หนังก็ยังสามารถเล่นกับประเด็นของการเป็นนักเขียนมาต่อยอดได้อย่างชาญฉลาด จนกลายเป็นพลอตหนังเรื่องใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร

รีวิวหนังArgylleหนังสายลับ คอเมดี้ ที่เดาอะไรไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

ด้านการแสดงต้องขอชื่นชม ไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด ที่ในเรื่องนี้เธอได้มีโอกาสได้เฉิดฉายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นความสวย น่ารักแบบเปิ่นๆ หรือลีลาบู๊สุดแพรวพราว ในเรื่องนี้เราจะได้เห็นเธอถ่ายทอดบทบาทอย่างจัดเต็ม ในขณะที่ แซม ร็อคเวล ก็ถ่ายทอดบทสายลับออกมาได้เพี้ยน และเท่ในแบบที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้หนังยังมีไฮไลท์เด็ดคือแมวของตัว แมทธิว วอห์น ที่ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งตัวละครขโมยซีนของหนังเรื่องนี้ที่ทาสแมวต่างหลงรักไปตามๆ กัน

โดยรวม Argylle คืออีกหนึ่งหนังสายลับ คอเมดี้ ที่ทำออกมาได้สนุกอีกเรื่อง หนังเต็มไปด้วยบทที่ตลก การเล่าเรื่องที่หักมุมเกินคาดเดา และฉากบู๊ที่มันส์และฮา ใครที่อยากหาหนังสายลับเนื้อหาสุดแหวกแนวดูสักเรื่อง นี่คือเรื่องที่ไม่ควรพลาด

สามารถรับชม Argylle ได้แล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/7mgu9mNZ8Hk

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Perfect Days

รีวิวหนัง Perfect Days หนังอินดี้ญี่ปุ่นที่เล่าชีวิตของลุงทำความสะอาด

รีวิวหนัง Perfect Days หนังดราม่าสุดละมุน ที่สามารถเล่าชีวิตบ้านๆ ของลุงทำความสะอาดได้อย่างชวนติดตาม และดูไม่ยากจนเกินไป เป็นอีกเรื่องที่ดูจบแล้วเต็มไปด้วยแง่คิดต่างๆ ให้เราได้ตกตระกอนถึงการใช้ชีวิตแต่ละวัน

รีวิวหนัง Perfect Days หนังสัญชาติญี่ปุ่น ผลงานการกำกับโดย วิมส์ แวนเดอร์ (Paris, Texas) ผู้กำกับมากฝีมือสัญชาติเยอรมัน ซึ่งในเรื่องนี้เขารับหน้าที่กำกับ และเขียนบทร่วมกับ ทาคุมะ ทาคาซากิ พร้อมได้นักแสดงรุ่นใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง โคจิ ยาคุโช (ซีรีส์ Vivant) มารับบทนำ นอกจากนี้ล่าสุดหนังเรื่องนี้ก็ได้เข้าชิงออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปีนี้อีกด้วย

รีวิวหนัง Perfect Days หนังอินดี้ญี่ปุ่นที่เล่าชีวิตของลุงทำความสะอาด

เรื่องราวของ Perfect Days จะว่าด้วยชีวิตของ ฮิรายามะ (โคจิ ยาคุโช) ชายวัยห้าสิบที่ทำงานเป็นคนทำความสะอาดส้วมสาธารณะ ทุกวันเขาจะทำกิจวัตรเดิมๆ อย่างโดดเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็นการตื่นไปทำงานเวลาเดิม ใช้บริการโรงอาบน้ำที่เดิมหลังเลิกงาน กินข้าวร้านประจำ และอ่านนิยายราคาถูกก่อนนอน ซึ่งแต่ละวันของ ฮิรายามะ ก็มีทั้งวันที่ดี และวันที่เลวร้ายต่างกันไป อย่างตัวคนเดียว

รีวิวหนัง Perfect Days หนังอินดี้ญี่ปุ่นที่เล่าชีวิตของลุงทำความสะอาด

Perfect Days คือหนังอินดี้ญี่ปุ่น ที่มาพร้อมพลอตสุดเรียบง่าย แต่เล่าเรื่องได้อย่างทรงพลังตั้งแต่วินาทีแรกจนวินาทีสุดท้ายของหนัง ตัวหนังแทบไม่มีความหวือหวาใดๆ นอกจากการพาคนดูไปนั่งดูชีวิตแบบรูทีนของชายกลางคนไปเรื่อยๆ โดยระหว่างทางหนังได้สอดแทรกทั้งความฟีลกู้ด ดราม่า ไว้ได้อย่างชวนติดตาม

จุดเด่นของหนังเรื่องนี้คือการถ่ายทอดความเหงา ความโดดเดี่ยวของตัวละครแบบที่ชวนให้คนดูรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัว ฮิรายามะ มีการนำเสนอวิถีการใช้ชีวิตของตัวละครผ่านการกระทำ แทนการใช้บทพูด ทำให้ทุกบริบทที่ตัวละครทำดูมีความหมาย มีนัยยะให้เราได้ตีความ ความสนุกของหนังคือในแต่ละช่วงของเรื่องจะมีเรื่องราวเล็กๆ เกิดขึ้นกับตัวฮิรายามะ ที่นำมาสู่จุดเปลี่ยนที่ทำให้หนังไม่แข็งทื่อหรือน่าเบื่อเกินไป

รีวิวหนัง PerfectDays หนังอินดี้ญี่ปุ่นที่เล่าชีวิตของลุงทำความสะอาด

สิ่งที่หนัง Perfect Days ได้สะท้อนและให้ข้อคิดถึงชีวิตของคน ว่าในแต่ละวันล้วนมีทั้งวันที่ดีและวันที่แย่ เหมือนในแต่ละวันของ ฮิรายามะ ยิ่งหากใครที่เป็นคนวัยทำงานแล้ว น่าจะอินกับสิ่งที่หนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก เพราะหนังได้สอดแทรกชีวิตของคนวัยทำงานไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการถูกเอาเปรียบจากเพื่อนร่วมงาน ปัญหาต่างๆ ระหว่างวัน เป็นต้น

รีวิวหนังPerfectDays หนังอินดี้ญี่ปุ่นที่เล่าชีวิตของลุงทำความสะอาด

ทั้งนี้ส่วนที่ต้องชื่นชมอย่างยิ่งในหนัง Perfect Days คือการแสดงของ โคจิ ยาคุโช ที่สามารถแบกหนังเรื่องนี้ไว้ตลอดทั้งเรื่องโดยที่เขาไม่ต้องมีบทพูดเยอะ ทุกการแสดงผ่านสีหน้า สายตา เขาสามารถสะท้อนอารมณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในฉากสุดท้ายที่สามารถทำคนดูน้ำตารื้นได้เลย

โดยรวม Perfect Days คืองานที่สมมงกับการเป็นหนังชิงออสการ์สาขาต่างประเทศมากๆ หนังสามารถเล่าเรื่องธรรมดา ให้ออกมาเป็นธรรมชาติ แต่ทรงพลังเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผ่านมุมกล้อง และการแสดงที่ตรึงเรากับชีวิตของตัวละครตั้งแต่ต้นจนจบแบบที่ไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อเลย

Perfect Days เข้าฉาย 1 กุมภาพันธ์นี้ ทุกโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: Mongkol Cinema
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/sWIOvoNdx7Q

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Cocaine Bear

รีวิวหนัง Cocaine Bear หนังพลอตหลุดโลกที่เล่าเรื่องออกมาได้ครบรส

รีวิวหนัง Cocaine Bear หนังระทึกขวัญพลอตสุดกาว กระจายเส้นเรื่องได้ชวนติดตาม ครบรสทั้งความเป็นหนังอาชญากรรม หนังตลก และหนังครอบครัว ความโหดมาเต็มสมกับความเป็นเรท R สุดๆ 

รีวิวหนัง Cocaine Bear ผลงานหนังพลอตสุดกาวที่สร้างจากเหตุการณ์จริงในช่วงปี 1980 ซึ่งตัวหนังได้ อลิซาเบธ แบงค์ (Pitch Perfect 2) มารับหน้าที่กำกับ พร้อมได้ จิมมี่ วอร์เดน (The Babysitter) มารับหน้าที่เขียนบท นำแสดงโดย เคอร์รี่ รัสเซล (Antlers),  อัลเดน เออเร็นริช (Han Solo), บรู๊คลิน พรินซ์​ (The Florida Project), คริสเตียน คอนเวอร์รี (ซีรีส์ Sweet Tooth) และ เรย์​ ลิออตต้า (Goodfellas)

รีวิวหนัง Cocaine Bear หนังพลอตหลุดโลกที่เล่าเรื่องออกมาได้ครบรส

โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับป่าจอร์เจีย ที่ต้องเผชิญกับเรื่องชวนสยอง เมื่อหมีตัวหนึ่งได้ไปเสพโคเคน ที่แก๊งค้ายาโยนทิ้งลงมาจากเครื่องบิน จนทำให้มันเกิดอาการคลั่งไล่ทำร้ายผู้คน ตัวหนังจะโฟกัสหลักๆ คือสองเส้นเรื่อง คือเรื่องราวของแม่ที่ตามหาลูกสาวที่ถูกหมีจับตัวไป และเรื่องราวของแก๊งอาชญากรรมที่ต้องตามหาโคเคน ที่ล่วงหล่นอยู่ตามป่า โดยพวกเขาต้องเอาชีวิตรอดจากหมีคลั่งเหล่านี้ไปด้วย

รีวิวหนัง Cocaine Bear หนังพลอตหลุดโลกที่เล่าเรื่องออกมาได้ครบรส

ตัวหนังมาพร้อมโทนเรื่องที่เน้นไปที่ความเป็นหนังอาชญากรรม และหนังคอเมดี้ ความสนุกของหนังคือการกระจายเรื่องราวออกเป็นเส้นเรื่องย่อย ที่ให้อารมณ์ต่างกันพอสมควร ทำให้หนังมีค่อนข้างหลากอารมณ์ มีทั้งความเป็นแอ็คชัน มีฉากฆ่าที่โหดระดับหนังสยองขวัญ​ และพาร์ทดราม่าแบบหนังครอบครัว 

ด้วยการเดินเรื่องที่แบ่งแยกเส้นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างดีทำให้ตลอดระยะเวลา 90 นาทีของหนังเป็นไปอย่างชวนติดตาม โดยเฉพาะการเล่นกับพลอตที่หลุดโลก เต็มไปด้วยความวายป่วงที่ค่อยๆ ปานปลายจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ สู่เหตุการณ์นองเลือดครั้งใหญ่ แบบที่คาดเดาแทบไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

รีวิวหนังCocaineBear หนังพลอตหลุดโลกที่เล่าเรื่องออกมาได้ครบรส

ด้านความโหดหนังทำออกมาได้จัดหนักจัดเต็มสมกับความเป็นหนังเรท R โดยเฉพาะการฆ่าของหมีที่หนังสร้างสรรค์ออกมาได้โหด เลือดสาด มีทั้งฉากที่แขนขาด หัวขาด แบบที่คอหนังสยองขวัญน่าจะชื่นชอบไม่น้อย 

รีวิวหนังCocaineBear หนังพลอตหลุดโลกที่เล่าเรื่องออกมาได้ครบรส

ในส่วนของข้อด้อยของ Cocaine Bear คือความที่หนังยังค่อนข้างเล่าแบบเซฟตัวเองอยู่พอสมควร หนังมีการใส่ตัวละครเด็กเข้าไป จนทำให้พาร์ทที่ควรสยองหรือโหดขั้นสุดก็ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร นอกจากนี้การที่หนังพยายามแบ่งเส้นเรื่องย่อย ทำให้มิติของบางตัวละครออกมาดูเบาบาง ขาดอารมณ์ร่วมกับคนดูอย่างน่าเสียดาย

โดยรวม Cacaine Bear คืออีกหนึ่งหนังพลอตหลุดโลกที่เล่าเรื่องออกมาได้สนุกครบรส และชวนติดตาม แม้หนังจะยังบกพร่องเรื่องบทอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นหนังที่ดูเอามันส์ เอาบันเทิงที่สนุกเรื่องหนึ่ง

สามารถรับชม Cocaine Bear ได้แล้ววันนี้ที่ HBO Go

Cr.ภาพ: IMDB
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/DuWEEKeJLMI

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง The Boy and the Heron

รีวิวหนัง The Boy and the Heron ภาพยนตร์อนิเมชันสไตล์จิบลิ

รีวิวหนัง The Boy and the Heron การกลับมาคืนฟอร์มอย่างงดงามของ ฮายาโอะ มิยาซากิ เป็นอนิเมชันจากจิบลิ ที่ทำได้ครบรสทั้งดราม่า แฟนตาซี และผจญภัย ประเด็นของหนังยังหนักหน่วง งดงามเหมือนที่ผ่านมา

รีวิวหนัง The Boy and the Heron คือผลงานการกลับมากำกับภาพยนตร์อนิเมชันอีกครั้งในรอบ 10 ปีของ ฮายาโอะ มิยาซากิ (Spirit Away) และสตูดิโอ จิบลิ โดยเดิมทีหนังเรื่องนี้เป็นงานที่ถูกวางไว้ว่าอาจเป็นงานสุดท้ายของเขา นอกจากนี้หนังเรื่องนี้ก็ยังกวาดเสียงชื่นชมจากคนดูและนักวิจารณ์ รวมถึงรางวัลมากมาย ด้วยคะแนนนักวิจารณ์ใน Rotten Tomatoes ถึง 98%

รีวิวหนัง The Boy and the Heron ภาพยนตร์อนิเมชันสไตล์จิบลิ

เรื่องราวของ The Boy and the Heron จะว่าด้วย มาฮิโตะ เด็กชายที่สูญเสียแม่ของเขาจากสงคราม ทำให้หลังจากนั้น มาฮิโตะ ต้องย้ายไปอาศัยกับ คิริโกะ หญิงที่เป็นแม่เลี้ยงของเขา ซึ่งบ้านของเธอนั้นอยู่บนเขาที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ ที่นั่น มาฮิโตะ ได้พบกับนกกระสาปริศนาที่คอยบินก่อกวนเขา และหอคอยปริศนาที่สร้างโดยทวดของ คิริโกะ ที่เชื่อว่าที่นั่นคือสถานที่ที่เชื่อมต่อกับอีกโลกหนึ่ง จนนำมาสู่การผจญภัยที่จะเปลี่ยนชีวิตของ มาฮิโตะ ไปตลอดกาล

รีวิวหนัง The Boy and the Heron ภาพยนตร์อนิเมชันสไตล์จิบลิ

The Boy and the Heron เรียกได้ว่าเป็นงานที่เต็มไปด้วยความเป็นจิบลิ และลายเซ็นของ ฮายาโอะ มิยาซากิ แบบที่เราคิดถึง หนังเล่นประเด็นของความสูญเสียจากสงคราม มีการพูดถึงการเติบโตของเด็ก ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ความลึกลับ  รวมถึงการผจญภัย แฟนตาซี เรียกได้ว่าเป็นงานที่ดูแล้วนึกถึง Totoro ที่ผสมผสานกับ Spirit Away ก็ว่าได้ 

การเดินเรื่องของ The Boy and the Heron จะแบ่งออกเป็นหลักๆ สองพาร์ท คือพาร์ทดราม่า ที่พูดถึงการปรับตัวของ มาฮิโตะ ความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาของตัวละคร ก่อนจะโยงเข้าสู่พาร์ทของการผจญภัย ที่พูดถึงโลกอีกมิติ ที่ในครั้งนี้ จิบลิ ก็ยังสร้างสรรค์โลกแฟนตาซีออกมาได้น่ามหัศจรรย์ และเต็มไปด้วยลูกเล่นมากมายที่ชวนติดตาม

รีวิวหนังThe Boy and the Heronภาพยนตร์อนิเมชันสไตล์จิบลิ

ตัวหนังเรียกได้ว่าเป็นงานที่ดูไม่ยาก แต่ก็ไม่ได้เข้าใจง่าย เช่นเดียวกับงานที่ผ่านมา หนังพูดถึงการผจญภัยของเด็กหนุ่ม ที่นำมาสู่การเติบโต การก้าวผ่านพ้นวัย แต่ในขณะเดียวกันหนังก็ได้สอดแทรกนัยยะต่างๆ ให้คนดูได้ลองปะติดปะต่อ ซึ่งในเรื่องนี้ตัว ฮายาโอะ ก็ได้ใส่ความเป็นตัวเองลงไปในหนังค่อนข้างเยอะ จนเรียกได้ว่าเป็นงานส่วนตัวของเขาก็ว่าได้

รีวิวหนังTheBoy and the Heronภาพยนตร์อนิเมชันสไตล์จิบลิ

ด้านงานภาพของ The Boy and the Heron ยังเรียกได้ว่าพลิ้วไหวสวยงามตามสไตล์จิบลิ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบฉากโลกอีกมิติ หรือฉากอาหารต่างๆ ที่ยังทำออกมาได้มีมิติ เหมือนจริงมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากเปิดของหนัง ที่ถ่ายทอดความโหดร้ายของสงครามออกมาได้ชวนตื่นตาตื่นใจ และเป็นฉากเปิดที่น่าจดจำสุดๆ

โดยรวม The Boy and the Heron เป็นการกลับมาของ ฮายาโอะ มิยาซากิ และ สตูดิโอจิบลิ ที่สมการรอคอย หนังยังเต็มไปด้วยงานภาพที่สวยงาม โดดเด่น บทหนัง และการเล่าเรื่องที่สนุก ชวนติดตาม เป็นงานที่สามารถดูได้ เพลิดเพลินทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หรือดูแบบครอบครัว

สามารถรับชม The Boy and the Heron ได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/t5khm-VjEu4

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง The Childe

รีวิวหนัง The Childe หนังแนวแอ็คชัน ระทึกขวัญ สัญชาติเกาหลี

รีวิวหนัง The Childe หนังแอ็คชัน ระทึกขวัญ ผสมตลกร้าย ที่เล่าได้ชวนติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ หนังอาจไม่ได้มีพลอตที่แปลกใหม่ แต่โดดเด่นที่การแสดงของ คิมซอนโฮ ในมาดโรคจิตที่ทำออกมาได้กวน และพราวเสน่ห์สุดๆ

รีวิวหนัง The Childe คือหนังแนวแอ็คชัน ระทึกขวัญ สัญชาติเกาหลี ผลงานการกำกับและเขียนบทโดย พัคฮุนจุง ที่เคยเขียนบทหนังสุดคลั่งอย่าง I Saw the Devil โดยเรื่องนี้หนังได้นักแสดงหน้าหวานอย่าง คิมซอนโฮ (ซีรีส์ Startup) มารับบทนำ กับบทนักฆ่าสุดโรคจิตที่มาพร้อมรอยยิ้มชวนสะพรึง

รีวิวหนัง The Childe หนังแนวแอ็คชัน ระทึกขวัญ สัญชาติเกาหลี

หนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ มาร์โค (คังแทจู) ชายหนุ่มสัญชาติเกาหลีที่ต้องเติบโตมาอย่างยากลำบากด้วยการเป็นนักมวยใต้ดินในประเทศฟิลิปปินส์ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้พบความจริงว่าพ่อชาวเกาหลีของเขานั้นคือมหาเศรษฐีที่ตอนนี้กำลังป่วยหนัก เขาเลยต้องเดินทางกลับไปยังเกาหลีเพื่อรับมรดก แต่ทว่าทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่หวังเมื่อเขานั้นได้พบว่ามีชายปริศนา (คิมซอนโฮ) ได้ตามไล่ล่าเขาอย่างไม่ลดละ พร้อมฆ่าทุกคนที่เข้ามาขวางทาง มาร์โค เลยต้องพยายามเอาชีวิตรอดและหาความจริงของเรื่องทั้งหมดนี้

รีวิวหนัง The Childe หนังแนวแอ็คชัน ระทึกขวัญ สัญชาติเกาหลี

The Childe เรียกได้ว่าเป็นหนังแนวแอ็คชัน ระทึกขวัญ ที่น่าจะถูกใจใครที่คิดถึงงานสไตล์ I Saw the Devil หรือ Old Boy เพราะหนังเรื่องนี้มาพร้อมกับความเป็นหนังแอ็คชันไล่ล่า ที่ตลอดทั้งเรื่องแทบไม่มีจังหวะให้คนดูได้พักหายใจ หนังเต็มไปด้วยฉากไล่ล่าที่ดุเด็ดเผ็ดมันส์ และฉากการฆ่าที่โหด เลือดสาด ไปจนจบเรื่อง

ด้านงานโปรดักชันของหนังก็ทำออกมาได้ดีตามสไตล์หนังแนวนี้ ทั้งฉากขับรถไล่ล่าที่เล่นใหญ่ใส่เต็ม การออกแบบฉากบู๊ที่จังหวะแยบยล เต็มไปด้วยลีลาการต่อสู้ที่พริ้วไหว และเต็มไปด้วยลูกเล่นที่ชวนตื่นตาตื่นใจ 

รีวิวหนังTheChilde หนังแนวแอ็คชัน ระทึกขวัญ สัญชาติเกาหลี

หนึ่งในส่วนที่เป็นจุดเด่นของหนังคือการแสดงของ คิมซอนโฮ ที่ในเรื่องนี้มาพร้อมบทบาทที่ทั้งพราวเสน่ห์ และบ้าคลั่งขั้นสุด เขาสามารถเล่นบทคนโรคจิตที่น่าจดจำสุดๆ ทั้งรอยยิ้มที่เลือดเย็น ลีลาบู๊ที่แพรวพราว นอกจากนี้บทบาทนี้ยังแฝงไปด้วยความตลกร้ายที่สร้างเสียงหัวเราะให้คนดูได้เป็นระยะๆ ตลอดทั้งเรื่อง

รีวิวหนังTheChilde หนังแนวแอ็คชัน ระทึกขวัญ สัญชาติเกาหลี

ส่วนที่น่าเสียดายของ The Childe คือความที่การดำเนินเรื่องของหนังไม่ค่อยแปลกใหม่ หนังแทบมาตามสูตรแนวไล่ล่าที่ไม่ได้มีแก่นสารใหม่ๆ เพราะตลอดทั้งเรื่องหนังไม่ได้พูดถึงที่มาที่ไปตัวละครมากนัก ทำให้ทุกตัวละครในเรื่องมีมิติที่ขาดๆ เกินๆ และเต็มไปด้วยการกระทำที่ไร้เหตุผลให้คนดูรู้สึกร่วม

โดยรวม The Childe คือหนังแอ็คชันระทึกขวัญ ที่เน้นดูเอามันส์ หนังมีฉากแอ็คชันไล่ล่าที่ชวนลุ้น ชวนติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ แม้ว่าด้านบทหนังจะค่อนข้างล้มเหลวพอสมควร ใครที่อยากหาหนังดูเอามันส์ขอแนะนำ

สามารถรับชม The Childe ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Hancinema
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/Py-QoeJQgGc

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Transformers

รีวิวหนัง Transformers : Rise of the Beasts

รีวิวหนัง Transformers : Rise of the Beasts การกลับมาของแฟรนไชส์หุ่นยนต์ต่างดาวที่ทำได้สมศักดิ์ศรี หนังสามารถหยิบจุดขายของ Transformers มาถ่ายทอดได้ยอดเยี่ยม ฉากแอ็คชันทำได้ดีงามขั้นสุด

รีวิวหนัง Transformers การกลับมาอีกครั้งของแฟรนไชส์สุดโด่งดังอย่าง Transformer ที่ครั้งนี้คือการรื้อเรื่องราวใหม่ทั้งหมด โดยยังได้ ไมเคิล เบย์ (6 Underground) กลับมารับหน้าที่อำนวยการสร้าง พร้อมได้ สตีฟ แคปเปิล จูเนียร์ (Creed II) มารับหน้าที่กำกับ ร่วมนำแสดงโดย แอนโธนี่ รามอส (In the Heights) และโดมินิค ฟิชแบค (ซีรีส์ Swarm)

รีวิวหนัง Transformers : Rise of the Beasts

เรื่องราวของ Transformers: Rise of the Beasts จะว่าด้วยเหตุการณ์ช่วงปี 90 เมื่อโนอาห์ (แอนโธนี่ รามอส) ชายหนุ่มผู้คอยทำหน้าที่ดูแลครอบครัว แต่ด้วยภาระทางการเงินที่ทำให้เขาต้องหันไปทำงานผิดกฎหมาย จนมันได้นำพาให้เขาได้มาพบกับ มิราจ หุ่นยนต์ออโต้บอทที่เข้ามาแฝงตัวในเมือง ที่ต้องทำหน้าที่ค้นหาและปกป้องกุญแจ ที่เป็นตัวแปรสำคัญของเหล่าหุ่นยนต์ออโต้บอท โดยภารกิจนี้พวกเขาได้รวมทีมกับ ออพติมัสไพรห์ม ผู้นำของเหล่าหุ่นยนต์ และ เอเลนา (โดมินิค ฟิชแบค) หญิงสาวผู้หลงไหลในประวัติศาสตร์ 

รีวิวหนัง Transformers : Rise of the Beasts

การเล่าเรื่องของ Transformers: Rise of the Beasts เรียกได้ว่าแทบจะมาตามสูตรสำเร็จของหนังชุด Transformer ที่ผ่านๆ มา ที่จะเน้นพูดถึงมิตรภาพของมนุษย์และหุ่นยนต์ต่างดาว แต่ความน่าสนใจของภาคนี้คือการที่หนังพยายามหวนกลับสู่ความเป็นต้นตำหรับของ Transformer ที่เน้นโฟกัสไปที่สงครามหุ่นยนต์ และลดพาร์ทดราม่าของมนุษย์ที่ไม่จำเป็นลง ทำให้ภาคนี้หนังมีเนื้อหาที่เคารพต้นฉบับมากที่สุด

ส่วนที่โดดเด่นของหนังคือลูกเล่นด้านฉากแอ็คชัน ที่ในภาคนี้ทำได้ค่อนข้างดี มีความดุเดือด จัดเต็มมากกว่าภาคก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากขับรถไล่ล่ากลางเมืองที่น่าตื่นเต้น ฉากแปลงร่างของหุ่นยนต์ที่ยังคงสร้างความตื่นตาตื่นใจ และที่เป็นไฮไลท์คือฉากสงครามหุ่นยนต์ท้ายเรื่องที่ยิ่งใหญ่สมการรอคอย และน่าจะถูกใจแฟนเดนตายของหนังชุดนี้

รีวิวหนังTransformers Rise of the Beasts

อย่างไรก็ตาม Transformers: Rise of the Beasts ก็ยังคงเป็นหนังที่มีบาดแผลเหมือนหนังชุดนี้ภาคอื่นๆ โดยเฉพาะด้านบทหนัง ที่ยังไม่สามารถสร้างพาร์ทดราม่าที่สร้างอารมณ์ร่วมกับคนดูได้ หนังยังคงพยายามพูดถึงความกล้าหาญ เสียสละ และมิตรภาพ ที่ยังคงหยิบมาเล่นในทุกๆ ภาค รวมถึงการสร้างมิคิตัวละครมนุษย์ในภาคนี้ก็ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร แม้ว่าการแสดงของ แอนโธนี รามอส และโดมินิค ฟิชแบค จะทำดีแค่ไหนก็ตาม

รีวิวหนังTransformers Rise of the Beasts

โดยรวม Transformers: Rise of the Beasts อาจไม่ถือว่าเป็นหนังแอ็คชัน ไซไฟ ที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ถือว่าเป็นแฟรนไชส์ Transformer ที่โดดเด่น และน่าจดจำที่สุด เพราะหนังสร้างด้วยความเคารพต้นฉบับ และเซอร์ไพรส์ที่ทำเพื่อแฟนหนังชุดนี้ พร้อมทั้งการปูทางไปสู่การสร้างจักรวาลของตัวเองในอนาคตที่ชวนติดตามต่อๆ ไป

สามารถรับชม Transformers: Rise of the Beasts ได้แล้ววันนี้ที่ HBO Go

Cr.ภาพ: IMDB
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/itnqEauWQZM

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง The Abandoned

รีวิวหนัง The Abandoned หนังสืบสวน ฟิล์มนัวร์ จากไต้หวัน

รีวิวหนัง The Abandoned หนังสืบสวน ฟิล์มนัวร์ จากไต้หวัน พาร์ทสืบสวนเข้มข้น ชวนลุ้นตลอดทั้งเรื่อง พร้อมทั้งสะท้อนภาพความลำบากของแรงงานต่างด้าวไทยออกมาได้อย่างน่าสะเทือนใจ

รีวิวหนัง The Abandoned ผลงานหนังสืบสวน ระทึกขวัญ สัญชาติไต้หวัน ที่กำกับโดย หยิงถิงเส็ง ที่เข้าฉายเมื่อปี 2022 ซึ่งในไทยได้ถูกทาง Netflix ซื้อสิทธิ์นำเข้ามาฉายเมื่อต้นปี 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งหนังก็ได้รับรางวัลชนะเลิศสาขา Special Mention จากเวที Fantasia Film Festival มาแล้ว โดยหนังได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง จางหนิง และอีธาน จวน มาร่วมแสดงนำ

รีวิวหนัง The Abandoned หนังสืบสวน ฟิล์มนัวร์ จากไต้หวัน

เรื่องราวของ The Abandoned จะว่าด้วย อู่เจีย (จางหนิง) ตำรวจสาวมากความสามารถ ที่กำลังทุกข์ทรมานจากการสูญเสียคนรักที่ฆ่าตัวตาย จนเธอเกือบคิดสั้นตาม แต่เธอก็ได้พบกับศพหญิงสาวสัญชาติไทยที่ลอยมากับน้ำ ทำให้เธอต้องกลายมาเป็นคนที่รับผิดชอบคดีนี้ เมื่อเธอได้สืบไปเรื่อยๆ อู่เจีย ก็ได้พบว่าคดีนี้อาจเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของแรงงานผิดกฏหมายหลายราย โดยอู่เจียต้องร่วมมือกับ หลินหยูเซิง (อีธาน จวน) นายหน้าที่นำเข้าแรงงานเหล่านี้ และยังเป็นแฟนของหนึ่งในเหยื่อฆาตกรรายนี้อีกด้วย

รีวิวหนัง The Abandoned หนังสืบสวน ฟิล์มนัวร์ จากไต้หวัน

หนังมาพร้อมโทนเรื่อง และบรรยากาศของความเป็นหนังฟิล์มนัวร์แบบครบเครื่อง ทั้งงานภาพสีหม่นๆ ฉากของหนังที่เน้นถ่ายในช่วงกลางคืน และภาพบรยากาศที่สะท้อนภาพของชนชั้นล่างเป็นส่วนใหญ่ พร้อมทั้งการเล่าประเด็นการสืบสวนควบคู่ไปกับพาร์ทดราม่าที่พูดถึงตัวละครที่มีบาดแผลในจิตใจ แต่มีคดีนี้เป็นเหมือนสิ่งที่จะคลี่คลายบาดแผลนี้ไปได้

พาร์ทสืบสวนของหนังเล่าออกมาได้ค่อนข้างสนุก หนังเล่าวิธีการทำงานของตำรวจออกมาได้อย่างละเอียดสมจริง การเล่าเรื่องไม่เนิบช้าเกินไป โดยจะมีส่วนผสมของความระทึกขวัญผสมผสานอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการไล่ตามฆาตกรที่มีความโหดเหี้ยม ชวนสยอง และการใส่สถานการณ์ต่างๆ ที่ทำให้ตลอดทั้งเรื่องหนังเต็มไปด้วย จุดพลิกผันที่ทำคนดูนั่งไม่ติดเก้าอี้

รีวิวหนังThe Abandonedหนังสืบสวน ฟิล์มนัวร์ จากไต้หวัน

ส่วนที่น่าชื่นชมคือหนังสามารถบาลานซ์ระหว่างพาร์ทดราม่าและสืบสวนได้อย่างลงตัว หนังไม่พยายามขายฉากดราม่าเรียกน้ำตาเยอะเกินไป แต่จะสอดแทรกเป็นระยะๆ แบบกำลังดี ชวนให้คนดูสามารถรู้สึกร่วมไปกับตัวละคร 

ทั้งนี้ต้องขอชื่นชมการแสดงของทั้ง จางหนิง และอีธาน จวน ที่ต่างแบกหนังไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งสองสามารถถ่ายทอดให้เห็นสองตัวละครที่สูญเสีย แต่ต้องหาตัวคนร้ายเพื่อคลี่คลายความทุกข์ทรมานของตัวเอง เคมีของทั้งสองนักแสดงเรียกได้ว่าเข้าถึงหัวจิตหัวใจของตัวละครโดยแท้จริง

รีวิวหนังThe Abandonedหนังสืบสวน ฟิล์มนัวร์ จากไต้หวัน

โดยรวม The Abandoned คืออีกหนึ่งหนังสืบสวนชั้นดีจากเอเชีย ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดี หนังมีพาร์ทสืบสวนที่ดุเดือดเข้มข้นตลอดทั้งเรื่อง เคล้าด้วยพาร์ทดราม่าที่เล่าได้อย่างทรงพลัง ใครที่คิดถึงหนังฟิล์มนัวร์เนื้อหาดาร์กๆ นี่คืออีกเรื่องที่ห้ามพลาด

สามารถรับชม The Abandoned ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Netflix
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/GAJ9T7qBThc

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Mondo

รีวิวหนัง Mondo หนังโรแมนติก ไซไฟ เล่นประเด็นเรื่อง AI

รีวิวหนัง Mondo หนังโรแมนติก ไซไฟ พลอตเยี่ยม ประเด็นที่ร่วมสมัย พาร์ทโรแมนติกเล่าได้ดี เต็มไปด้วยโมเมนต์ชวนซึ่ง ผสมผสานความเป็นหนังไซไฟ ระทึกขวัญในช่วงท้ายได้ชวนลุ้นสุดๆ 

รีวิวหนัง Mondo คือผลงานหนังโรแมนติก ไซไฟ ที่เป็นการกำกับเรื่องล่าสุดของ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล (รักแห่งสยาม) ที่ครั้งนี้เขามาพร้อมพลอตหนังที่ยังคงเล่นกับความโรแมนติกที่ถนัด ผสมผสานกับความเป็นหนังไซไฟ ที่มีการเล่นประเด็นเรื่อง AI ที่กำลังเข้ามามีบทบาทในยุคปัจจุบัน โดยได้ทีมนักแสดงรุ่นใหม่ รุ่นเก่า มาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็น พลอย-พลอยไพลิน ตั้งประภาพร, เกรท-สพล อัศวมั่นคง, มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร, รัดเกล้า อามระดิษ และ แอนนา ชวนชื่น

รีวิวหนัง Mondo หนังโรแมนติก ไซไฟ เล่นประเด็นเรื่อง AI

เรื่องราวของ Mondo จะว่าด้วย ยี่หวา (พลอยไพลิน ตั้งประภาพร) ยูทูปเปอร์สาวสายท่องเที่ยวที่กำลังคบกับ ดอม (สพล อัศวมั่นคง) เพื่อนในวัยเรียนที่ทั้งคู่แอบคบกันอย่างลับๆ เพราะเหตุผลด้านการทำงานของยี่หวา จนกระทั่งเธอได้กลับมาพบกับ หวัง (พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร) อีกหนึ่งเพื่อนในวัยเรียนที่มักจะเก็บตัวไม่เข้าสังคม ที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนลุ้คเป็นหนุ่มไอทีที่ร่ำรวยจากคริปโต และได้สร้างระบบ AI ที่ชื่อว่า เม-บอต สำหรับช่วยอำนวยความสะดวกให้ชีวิตแต่ละคน ซึ่งการกลับมาพบกันของ ยี่หวาและหวัง ก็ได้สร้างความสั่นคลอนต่อความรักของเธอกับดอม ที่นำมาสู่รักสามเศร้าที่เป็น AI เข้ามาเกี่ยวข้อง

รีวิวหนัง Mondo หนังโรแมนติก ไซไฟ เล่นประเด็นเรื่อง AI

ความน่าสนใจของ Mondo คือการที่หนังหยิบความเป็นยุคสมัยปัจจุบันมาถ่ายทอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยูทูปเปอร์ อินฟลูเอนเซอร์ในโลกออนไลน์, การลงทุนในเหรียญคริปโต ไปจนถึงการเข้ามามีบทบาทของ AI ต่อชีวิตมนุษย์ ซึ่งมะเดี่ยว ได้หยิบประเด็นเหล่านี้มาถ่ายทอดในบริบทของหนังรอมคอมที่ได้อย่างเหมาะสมลงตัวมากๆ

ตัวหนังจะแบ่งการเล่าเรื่องเป็นสองส่วนคือในพาร์ทโรแมนติกที่จะเน้นพูดถึงความรักสามเศร้า ความสัมพันธ์ที่ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญของยี่หวาและดอม ประเด็นเรื่องความแอบรักแอบชอบ ที่เล่ามาได้อย่างชวนติดตาม ในขณะที่ด้านพาร์ท AI ของหนังก็เรียกได้ว่าเป็นจุดแข็งของหนังก็ว่าได้ เพราะประเด็นเทคโนโลยีในเรื่องนี้ค่อนข้างเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นในหนังไทย โดยเฉพาะการพูดถึงโลกเมตาเวิร์สที่เล่ามาได้อย่างเข้มข้น มีพาร์ทระทึกขวัญที่ชวนบีบอารมณ์ ชวนลุ้นไปจนจบ

รีวิวหนังMondo หนังโรแมนติก ไซไฟ เล่นประเด็นเรื่อง AI

ด้านการแสดงต้องขอชื่นชม พลอย-พลอยไพลิน ที่สามารถถ่ายทอดบทยี่หวา ได้ยอดเยี่ยม มีทั้งพาร์ทโรแมนติกที่น่าประทับใจ และพาร์ทดราม่าที่ชวนน้ำตาซึม นับว่าเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการการแสดงที่สำคัญของเธอก็ว่าได้ นอกจากนี้อีกหนึ่งการแสดงที่เกินคาดคือ แอนนา ชวนชื่น ที่ในเรื่องนี้แทบจะไม่มีความตลก แต่กลับเป็นบทที่เต็มไปด้วยดราม่าที่พร้อมเรียกน้ำตาจากคนดูในช่วงท้ายได้อย่างทรงพลัง

รีวิวหนังMondoหนังโรแมนติก ไซไฟ เล่นประเด็นเรื่อง AI

ส่วนที่เป็นปัญหาของ Mondo คืองานโปรดักชัน และ CGI ของหนังที่ยังทำออกมาได้ไม่เนียนตา หลายฉากที่เป็นการขายโลกเมตาเวิร์ส หรือฉากที่เผยตัวละคร AI ที่งานภาพค่อนข้างลอย ไม่สมจริง ซึ่งถือว่าเป็นจุดด้อยที่ทำให้หนังไทยหลายๆ เรื่องยังไม่พร้อมสำหรับหนังไซไฟ นอกจากนี้บทหนังที่ค่อยข้างเล่นหลากหลายประเด็นเกินไป จนทำให้บทในบางช่วงดูไม่ลื่นไหล

แต่โดยภาพรวม Mondo ก็นับว่าเป็นหนังที่เต็มไปด้วยรสชาติใหม่ๆ ที่ไม่ค่อยได้เห็นในหนังไทย หนังมีพาร์ทโรแมนติก ดราม่า ที่เล่าได้อย่างยอดเยี่ยม และประเด็นต่างๆ ที่ร่วมสมัยในยุคปัจจุบัน ที่น่าจะถูกใจคนที่มองหาหนังไทยเนื้อหาดีๆ ดูสักเรื่อง

สามารถรับชม Mondo ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: สหมงคลฟิล์ม
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/V0_CUWzIxdA

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Rebel Moon

รีวิวหนัง Rebel Moon Part One - A Child of Fire

รีวิวหนัง Rebel Moon Part One – A Child of Fire: สงครามอวกาศฉบับแซค สไนเดอร์ จัดเต็มความอลังการ ฉากแอ็คชันเท่ขั้นสุด แต่หนังกลับเต็มไปด้วยบาดแผลด้านบทที่จืดจาง จนตัวละครขาดเสน่ห์ไปอย่างน่าเสียดาย

รีวิวหนัง Rebel Moon Part One – A Child of Fire คือผลงานการกำกับฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดจาก แซค สไนเดอร์ (Man of Steel) โดยถือว่าเป็นหนังฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปี 2023 จาก Netflix ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมากจากหนังคลาสสิกอย่าง Seven Samurai ของ อากิระ คุโรซาวะ นอกจากนี้หนังก็ได้นักแสดงมากฝีมือเข้ามาร่วมแสดงนำไม่ว่าจะเป็น โซเฟีย บูเทล่า (The Mummy), ไมเคิล ฮิวส์แมน (The Age of Adaline), ชาร์ลี ฮันแนม (King Arther: Legend of the Sword) ไจมอน ฮอนซู (A Quiet Place II) และ แบดูนา (Cloud Atlas)

รีวิวหนัง Rebel Moon Part One - A Child of Fire

เรื่องราวของ Rebel Moon: Part One – A Child of Fire จะว่าด้วยกาแลกซี่อันไกลโพ้น ที่ได้ถูกอาณาจักรที่ชื่อว่า “มาเธอร์เวิร์ล” ปกครองอย่างเผด็จการ จนกระทั่งหญิงสาวนาม คอร่า (โซเฟีย บูเทล่า) ที่เป็นอดีตนักรบ ได้ทำการลุกขึ้นต่อต้านพลังอำนาจของ มาเธอร์เวิร์ล โดยเธอได้รวบรวมนักรบมากฝีมือ ให้เข้ามาร่วมทีมก่อกบฎในครั้งนี้ จนนำมาสู๋ปฐมบทสงครามครั้งยิ่งใหญ่ 

รีวิวหนัง Rebel Moon Part One - A Child of Fire

จากพลอตเรื่องและภาพรวมของเนื้อหา Rebel Moon: Part One – A Child of Fire เรียกได้ว่าเป็นหนังที่เป็นส่วนผสมของ Star Wars และ Seven Samurai ก็ว่าได้ ในเรื่องนี้ แซค สไนเดอร์ ได้ทำการสร้างสรรค์โลกอวกาศในแบบของเขาออกมาได้อย่างน่าสนใจ ทั้งอาวุธ ยานอวกาศต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงเหล่าเอเลี่ยน มนุษย์ต่างดาวที่ออกแบบมาได้น่าสนใจไม่แพ้กัน ส่วนเนื้อหาใครที่เคยดู Seven Samurai หรือ The Magnificent Seven น่าจะพอเดาทิศทางได้ เพราะมันคือหนังรวมทีมนักรบก็ว่าได้

ความโดดเด่นของ Rebel Moon: Part One – A Child of Fire ยังเป็นด้านงานโปรดักชัน และงานภาพที่เป็นจุดขายของแซค สไนเดอร์ หนังมีฉากแอ็คชันอวกาศที่ยิ่งใหญ่ อลังการ เต็มไปด้วยช็อตภาพสวยๆ ชวนสะกดสายตา และภาพสโลว์โมชัน ที่เป็นจุดขายของ สไนเดอร์ เราก็ยังได้เห็นเป็นระยะๆ ในเรื่องนี้

รีวิวหนัง Rebel Moon Part One A Child of Fire

แต่จุดด้อยของหนังเรื่องนี้ที่เห็นชัดเจนคือบทหนังที่ทำออกมาได้แห้งแล้ง ขาดมิติ ด้วยความที่หนังพยายามขายความเท่ ความเก่งของแต่ละตัวละคร จนลืมที่จะเพิ่มมิติให้แต่ละตัวละครสมทบ ส่งผลให้ตัวละครนักรบที่มารวมทีมในเรื่องล้วนแต่ออกมาขาดมิติ ขาดจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ไม่ได้มีความน่าจดจำไปอย่างน่าเสียดาย 

รีวิวหนัง RebelMoon Part One A Child of Fire

ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังที่เต็มไปด้วยบาดแผล Rebel Moon: Part One – A Child of Fire ก็ถือว่าเป็นหนังสงครามอวกาศอีกเรื่องที่ปูทางมาได้น่าสนใจ หนังมีรายละเอียดยิบย่อยที่เราอยากติดตาม รวมถึงการปูเรื่องราวไปสู่ Part 2 ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิมในปีหน้า ใครที่ชอบหนังสงคราม โปรดักชันอลังการ น่าจะถูกใจหนังเรื่องนี้ไม่น้อย

สามารถรับชม Rebel Moon: Part One – A Child of Fire ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Netflix
ลิงก์ตัวอย่าง: https://www.youtube.com/watch?v=fhr3MzT6exg

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง