เซอร์ไพรส์! Taylor Swift

Taylor Swift

ปล่อยเพลง Wildest Dreams (Taylor’s Version) จากอัลบั้ม 1989 ให้แฟนคลับได้ฟังแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

ในระหว่างที่สวิฟตี้ทั่วโลก (ชื่อแฟนคลับของ Taylor Swift) ต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยอัลบั้ม Red (Taylor’s Version) ของ Taylor Swift ที่มีการประกาศว่าจะปล่อยออกมาในวันที่ 12 พฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2021 จู่ๆ นักร้องสาวก็ได้สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนคลับอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เนื่องจากในวันที่ 17 กันยายน ปี ค.ศ. 2021 Taylor Swift ได้ปล่อยเพลง Wildest Dreams (Taylor’s Version) จากอัลบั้ม 1989 ออกมาโดยที่ไม่มีการโปรโมตล่วงหน้า ขณะเดียวกันก็ได้สร้างความงุนงนให้กับแฟนคลับเป็นอย่างมาก เนื่องจากยังไม่มีกำหนดการที่จะปล่อยอัลบั้ม 1989 เวอร์ชั่นอัดใหม่หรือ Taylor’s Version นั่นเอง

ซึ่งเหล่าแฟนคลับได้ตั้งข้อสังเกตถึงสาเหตุของการปล่อยเพลง Wildest Dreams (Taylor’s Version) ออกมา เนื่องจากในขณะนี้เพลง Wildest Dreams เวอร์ชั่นแรกที่เคยปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ปี ค.ศ. 2015 กำลังกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในแอปพลิเคชันที่เป็นบริการเครือข่ายทางสังคมสัญชาติจีนอย่าง TikTok โดยมีการตัดต่อคลิปวิดีโอแล้วใช้เพลงดังกล่าวประกอบ ซึ่งแน่นอนว่า Taylor Swift ก็รับรู้ได้ถึงกระแสความนิยมของเพลงนี้เช่นกัน เธอจึงปล่อยเพลงในเวอร์ชั่นอัดใหม่ออกมา เพื่อให้ผู้ใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าวได้ใช้เพลงในเวอร์ชั่นใหม่ของตนแทนเวอร์ชั่นแรกที่ถูกค่ายเพลงเก่าของเธอขายลิขสิทธิ์ให้กับผู้อื่น

เพลง Wildest Dreams ใน Taylor’s Version ไม่ได้มีเนื้อร้องหรือทำนองที่ความแตกต่างจากเวอร์ชั่นแรกมากนัก แต่เป็นเพียงการอัดเพลงใหม่เพื่อให้ได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ในการครอบครองเพลงของ Taylor Swift  โดยจะมีการปรับเปลี่ยนเทคนิกเล็กน้อย หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นการทำให้เพลงมีความสมบูรณ์มากขึ้นในขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของเพลงเอาไว้ โดยเนื้อเพลงกล่าวถึงเรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงที่รู้อยู่แก่ใจว่าจะต้องจบลงในไม่ช้า แต่ก็อยากจะจดจำช่วงเวลาเหล่านั้นเอาไว้ในความทรงจำ

นอกจากเนื้อเพลงที่สละสลวย และทำนองที่ไพเราะเป็นอย่างมากแล้ว เพลงนี้ยังมีเอกลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ มีการนำเสียงการเต้นของหัวใจมาใช้ในการให้จังหวะของเพลง โดยที่ Taylor Swift ได้อัดเสียงหัวใจของตัวเองเพื่อนำมาใช้เป็นจังหวะในช่วงเริ่มต้นของเพลง ซึ่งทำให้ผู้ฟังรู้สึกตื่นเต้นและตกอยู่ในภวังค์ของเรื่องราวที่อยู่ในเนื้อเพลง

แน่นอนว่า หลังจากปล่อยเพลง Wildest Dreams (Taylor’s Version) ออกมาเพียงแค่ไม่มีกี่ชั่วโมงก็สามารถขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต US iTunes ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งถือว่า Taylor Swift เป็นศิลปินที่มีเพลงขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตนี้มากที่สุด และยังสามารถทำลายสถิติของตัวเองอีกด้วย นอกจากนี้ แฟนคลับยังตั้งข้อสังเกตอีกหนึ่งข้อว่า เธออาจจะทำการอัดอัลบั้ม 1989 ใน Taylor’s Version เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เป็นได้

ติดตามบทความ เพลง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

รีวิวหนัง In The Heights : มิวสิคัลน้ำดีแห่งปี 2021

in the heightsH

ที่จัดเต็มด้วยเพลงเพราะ ๆ งานโปรดักชั่นสุดตระการตา พร้อมประเด็นการทำตามความฝันที่ชวนตราตรึงใจ

อีกหนึ่งหนังมิวสิคคัล น้ำดีประจำปี 2021 นี้ ที่เดิมทีมีกำหนดว่าจะฉายโรงในไทย แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด 19 ทำให้ค่ายต้องยอมปล่อยหนังจำหน่ายแบบโฮมเธียเตอร์ และฉายบนสตรีม HBO GO

โดย In The Heights เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากละครบรอดเวย์ของ ลิน-มานูเอล มิรันดา ที่จะว่าด้วยชีวิตของผู้คนในเมือง วอชิงตัน ไฮท์ ย่านถนนหมายเลข 181 สถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีความฝัน ความรัก และมิตรภาพที่แสนอบอุ่น และเคล้าไปด้วยเสียงดนตรี ซึ่งหนังจะนำเสนอผ่านตัวละคร อุสนาวี (แอนโธนี่ รามอส) ชายผู้เป็นเจ้าของร้านขายของชำเล็ก ๆ ที่มีความฝันว่าจะเก็บเงินย้ายไปอยู่ในสถานที่ที่ดีกว่านี้ และเมื่อเขาได้พบกับ วาเนสซ่า (มาเรสซ่า บาร์เรรา) หญิงสาวที่เติบโตจากย่านนี้ แต่ต้องกลับมายังบ้านเกิดเพราะมีปัญหากับมหาวิทยาลัย ซึ่งการกลับมาพบกันของทั้งสองนี้ก็ได้นำมาสู่เรื่องราวมากมายที่สุดแสนประทับใจในย่านเล็ก ๆ นี้

In The Heights เรียกได้ว่าเป็นหนังมิวสิคคัล ที่เปี่ยมไปด้วยลีลา และความทะเยอทะยานในการเล่าเรื่องที่สุดเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ แน่นอนว่าจุดขายของหนังเรื่องนี้คือเพลง และการเต้นของทีมนักแสดงนำ รวมถึงนักแสดงตัวประกอบ ซึ่งในหนังเรื่องนี้สามารถนำเสนอบทเพลง และการแสดง ออกมาได้อย่างยิ่งใหญ่ อลังการ โดยหนังสามารถใช้ประโยชน์จากองค์ประกอบต่าง ๆ ของหนังมาเป็นตัวเสริมในการร้องรำทำเพลงได้อย่างมีชั้นเชิง รวมทั้งการใช้ตัวประกอบที่เป็นนักเต้น มาร่วมสร้างสีสันให้หนังตลอดทั้งเรื่อง จนทำให้ราวกับว่านี่คือการแสดงละครเวที

ด้านตัวเพลงในเรื่องนี้ก็มีความหลากหลายแนวผสมผสานกับทั้งเพลงคันทรี่ ป้อป และแร้ป ซึ่งเพลงในหนังเรื่องนี้ก็มีบทบาทกว่า 70% ของหนัง และมันสามารถทำหน้าที่ในการมอบความบันเทิงให้หนังได้เป็นอย่างดี ในบางช่วงของหนัง ก็ได้มีการนำเพลงมาใช้งานแทนบทพูดบางช่วง และมีพาร์ทดราม่า โรแมนติกที่ชวนตราตรึงใจ ทำให้การแสดงออกของนักแสดงออกมาดูงดงามมีเสน่ห์มากกว่าหนังเรื่องอื่น ๆ

นอกเหนือจากเรื่องเพลงแล้ว In The Heights ยังเป็นหนังที่สามารถนำเสนอประเด็นเรื่องชนชั้น สังคม ไปจนถึงปัจเจกบุคคล ออกมาได้อย่างมีมิติ หนังสามารถทำให้ย่านถนนหมายเลข 181 กลายเป็นอีกตัวละครเอกของเรื่อง รวมทั้งนำเสนอความสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ ของตัวละครออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอความฝันของแต่ละตัวละครที่แตกต่างกันไป ที่เป็นส่วนที่ทำให้ดราม่าของหนังมีความแข็งแรง และทำให้แต่ละเส้นเรื่องมีความน่าติดตาม น่าเอาใจช่วยไปจนจบเรื่อง

โดยรวม In The Heights นับว่าเป็นหนังมิวสิคคัลน้ำดีอีกเรื่อง ที่นาน ๆ ที จะมีมาให้ได้ชมกัน หนังมาพร้อมเพลงที่ไพเพราะ และงานโปรดักชั่นที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนั้นยังมีประเด็นในด้านสังคม การเดินตามความฝัน ที่ชวนติดตาม ใครที่กำลังมองหาหนังสักเรื่องที่จะมาเติมพลังใจ ในการเดินตามความฝัน นี่เป็นอีกเรื่องทีอยากแนะนำ

สามารถรับชม In the Heights ได้แล้ววันนี้ที่ HBO GO

Cr.ภาพ : Rotten Tomatoes

ติดตามบทความ ซีรีย์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

แนะนำ 3 ผลงานเพลงของ 2 นักร้องชาวเกาหลีใต้

นักร้องชาวเกาหลีใต้ LeeHi และ BI 1

LeeHi และ B.I ที่ต่างมาร่วมสร้างสรรค์ผลงานให้กัน

LeeHi หรือ อี ฮาอี เป็นนักร้องและนักแต่งเพลงชาวเกาหลีใต้ที่เข้าสู่วงการเพลงจากการเข้าร่วมแข่งขันในรายการ K-pop Star Season ที่ 1 ในปี ค.ศ. 2012 และได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินภายใต้สังกัด YG Entertainment ในปัจจุบันเธอเซ็นสัญญาเป็นศิลปินภายใต้สังกัด AOMG

      B.I หรือ ฮันบิน เป็นแร็ปเปอร์ นักร้อง และนักแต่งเพลงชาวเกาหลีใต้ที่เข้าร่วมเป็นศิลปินฝึกหัดของ YG Entertainment เมื่อปี ค.ศ. 2011 และเป็นสมาชิกในวง iKON (2015-2019) ในปัจจุบันเขาเซ็นสัญญาเป็นศิลปินภายใต้สังกัด IOK COMPANY

      LeeHi และ B.I ได้มีโอกาสร่วมงานกันตั้งแต่ตอนที่ทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมค่ายเดียวกัน มาจนถึงปัจจุบันพวกเขาก็ยังร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานเพลงให้แก่กัน โดยมีผลงานเพลงที่ทำร่วมกันจำนวนทั้งสิ้น 3 เพลง ได้แก่

เพลงแรกที่ทั้งคู่ได้มีโอกาสร่วมทำงานด้วยกัน นั่นคือ เพลง No One Feat. B.I ซึ่งเป็นเพลงในมินิอัลบั้ม ’24℃’ ของ LeeHi นั่นเอง ปล่อยออกมาในวันที่ 30 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 2019 พร้อมกับ Music Video โดยที่เนื้อเพลงเป็นเรื่องราวของการโหยหาใครสักคนในช่วงเวลาที่โดดเดี่ยว แน่นอนว่า B.I ได้มีส่วนร่วมในการเขียนเนื้อเพลงด้วย  

เพลงต่อมา นั่นคือ เพลง Daydream Feat. LeeHi ซึ่งเป็นเพลงในสตูดิโออัลบั้ม WATERFALL ของ B.I ที่ปล่อยออกมาในวันที่ 1 มิถุนายน ปี ค.ศ. 2021 พร้อมกับ Music Video โดยที่เนื้อเพลงเป็นเรื่องราวของการเปรียบเปรยความทรงจำของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในความฝันได้เลือนหายไป เมื่อลืมตาขึ้นมาพบกับโลกของความเป็นจริงที่ต้องเผชิญ

และเพลงล่าสุด นั่นคือ เพลง Savior Feat. B.I ซึ่งเป็นเพลงในสตูดิโออัลบั้ม “4 ONLY” ของ LeeHi ที่ปล่อยออกมาในวันที่ 3 กันยายน ปี ค.ศ. 2021 พร้อมกับ Music Video โดยที่เนื้อเพลงเป็นเรื่องราวของบุคคลหนึ่งที่มีอิทธิพลในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ รอบตัวของอีกบุคคลหนึ่ง ความรู้สึกพิเศษที่มีให้กันเปรียบเสมือนผู้ที่ช่วยชีวิตให้บุคคลนั้นสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ นอกจากนี้ B.I ยังได้เป็นผู้ที่เขียนเนื้อเพลงให้กับ LeeHi อีกด้วย  

จากผลงานเพลงข้างต้นที่ LeeHi และ B.I ได้ร่วมงานกันมา แสดงให้เห็นถึงทักษะในการเขียนเนื้อเพลงที่มีความหมายที่ลึกซึ้ง และการขับร้องออกมาเป็นทำนองที่เพราะจับใจจากเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของทั้งคู่ นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพของนักร้องทั้งสองที่มีให้กันตั้งแต่เป็นเพื่อนร่วมค่ายเดียวกันมาจนถึงปัจจุบันที่ต่างแยกย้ายกันไปเติบโตในเส้นทางใหม่ที่ตนเองเลือก แต่ก็ยังสามารถกลับมาร่วมงานกันได้อย่างเช่นเคย ทั้งนี้ แฟนคลับของทั้งคู่ต่างคาดหวังว่าในอนาคตพวกเขาจะได้มีโอกาสร่วมมือกันสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ฟังอีกครั้ง

ติดตามบทความ เพลง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

“เก่งแต่เรื่องคนอื่น”

เพลงใหม่ เก่งแต่เรื่องคนอื่น

เพลงใหม่มาแรง สาวอิ้งค์ วรันธร “เก่งแต่เรื่องคนอื่น”

ล่าสุด  Single MV เพลงใหม่อย่างเพลง “เก่งแต่เรื่องคนอื่น” ของศิลปินหญิงเดี่ยวแนวหน้าของเมืองไทยอย่าง สาวอิ้งค์-วรันธร เปานิล ศิลปินจากค่าย BOXX MUSIC ที่เพิ่งปล่อย Single ออกมาภายในไม่กี่วันนี้ ล่าสุดเรียกได้ว่าเพลงนี้เป็นกระแสและมาแรงเเซงทางโค้งเลยก็ว่าได้ กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง mv เพลงใหม่อย่างเพลง “เก่งแต่เรื่องคนอื่น” นี้สาวอิ้งค์ วรันธร เปานิล ไม่ได้มาเฉิดฉาย ร้องเดี่ยวคนเดียวเหมือนอย่างเช่นเคย แต่คราวนี้สาวอิ้งค์ วรันธรได้ศิลปินชายอย่างน้อง SPRITE ศิลปินจากค่าย HYPE TRAIN เจ้าของเพลง “ทน” ที่เรียกได้ว่าเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตที่ผ่านมา ซึ่งโด่งดังมากๆในเมืองไทยมาก มาร่วมร้องฟีเจอริ่ง ในMVนี้ด้วย ซึ่งทำนองและดนตรีของเพลงนี้ก็ยังคงความเป็นสาวอิ้งค์แต่อาจจะมีความแตกต่างจากเพลงอื่นๆที่ผ่านมาของอิ้งค์ตรงที่จังหวะ ทำนองมีลูกเล่น มีความสดใส และสนุกมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังคงสไตล์การร้องของสาวอิ้งค์ที่เป็นเอกลักษณ์ แบบความ Synthpop ไว้เหมือนเช่นเคย

เนื้อหาโดยรวมของเพลงนี้ก็จะกล่าวถึงการที่ตัวเราเองนั้นสามารถเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับคนรอบข้าง เพื่อนๆคนอื่นได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามที หรือเรียกได้ว่าเป็นเทพเซียนในการปรึกษาปัญหาตัวยงเลย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไรก็ตามที หรือแม้แต่กับปัญหาความรัก เสมือนกับมีพี่อ้อย พี่ฉอดมาอยู่ในร่างเลยทีเดียว แต่ว่าพอถึงคราวที่เกิดเรื่องราวหรือมีปัญหาของตัวเองเกิดขึ้นนั้นก็มักจะนอยด์ คิดไม่ตก คิดมากทุกทีไป ซึ่งเนื้อหาก็ให้ความหมายที่ตรงตัวเลย ไม่มีความอ้อมค้อมแต่อย่างใด ซึ่งตรงกับชื่อเพลงที่ชื่อ “เก่งแต่เรื่องคนอื่น” ซึ่งเชื่อว่าเพลงนี้ต้องถูกใจและโดนใจใครหลายๆคนอย่างแน่นอน เพราะเชื่อว่าทุกคนต้องผ่านประสบการณ์เช่นนี้กันมาแล้ว

สุดท้ายนี้ใครที่เป็นแฟนคลับของสาวสวย เสียงใสก็อย่าลืมไปช่วยสนับสนุน ฟังเพลง ชมเอ็มวีของนักร้องสาวสวยน่ารักมากความสามารถอย่างเธอคนนี้ “ สาว อิ้งค์ วรันธร” กันได้ที่ JOOX Music Application หรือชม MV น่ารักๆได้ที่ YouTube : boxx music กันได้เลย และแม้แต่คนที่ไม่ใช่แฟนคลับของเธอคนนี้ รับรองว่าถ้าคุณได้ลองเปิดใจเข้าไปฟังเพลงชมเอ็มวีและซิงเกิลที่ผ่านมาของสาวอิ้งค์ วรันธร คุณจะหลงไหลและหลงรักในเสียงและความเป็นตัวของตัวเองของเธอผ่านผลงานเพลงต่างๆที่เธอตั้งใจผลิตออกมาให้แฟนเพลงได้รับฟัง รับชมกัน

ติดตามบทความ เพลง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

เพลง “All For You” ซอ อินกุก และ ช็อง อึนจี ในฐานะนักร้องผันตัวเป็นนักแสดง ซีรีส์เกาหลี “Reply 1997”

All For You1

โดยปกติแล้วเพลงประกอบซีรีส์เกาหลีส่วนใหญ่มักจะเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ชมซีรีส์เรื่องนั้นๆ โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นส่วนน้อยนักที่จะกลายเป็นเพลงฮิตในหมู่คนทั่วไป เพลง All For You ของซอ อินกุก (Seo In-guk) และช็อง อึนจี (Jung Eun-ji)) ที่ใช้ประกอบซีรีส์เกาหลีเรื่อง “Reply 1997” ก็เป็นอีกหนึ่งเพลงที่โด่งดังไม่แพ้ตัวซีรีส์เลยทีเดียว ถึงขนาดที่ฮิตในหมู่คนที่ไม่ได้ดูซีรีส์เรื่องดังกล่าวอีกด้วย

เพลง All For You

แท้จริงแล้วเป็นเพลงจากอัลบั้ม COOL 5 ของวงดนตรีชาวเกาหลีใต้ชื่อว่า Cool ซึ่งวางจำหน่ายครั้งแรกในปี ค.ศ. 2000 หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 2012 ก็ได้มีการนำเพลงดังกล่าวมาอัดใหม่เป็นเพลงประกอบซีรีส์เกาหลีเรื่อง “Reply 1997” โดยได้นักร้องที่ผันตัวมาเป็นนักแสดงนำของเรื่องอย่างซอ อินกุก และช็อง อึนจี มาร้องร่วมกัน ทำให้เพลงนี้กลับมาฮิตอีกครั้งจนมียอดดาวน์โหลดสูงที่สุดในปี ค.ศ. 2012 เลยทีเดียว เนื่องจาก ซีรีส์เกาหลีเรื่อง “Reply 1997” เป็นการเล่าเรื่องย้อนอดีตในช่วงปี ค.ศ. 1997 ทีมงานของเรื่องจึงได้นำเพลง All For You ที่เคยโด่งดังในช่วงนั้นมาอัดใหม่ขึ้น

ด้วยความที่นักแสดงนำของเรื่องเป็นนักร้องสายประกวดและนักร้องไอดอลสายโวคอลที่โด่งดัง ทำให้เพลง All For You ที่มีความหมายและทำนองที่ไพเราะอยู่แล้ว ได้กลายมาเป็นผลงานชิ้นโบแดงของพวกเขา โดยซอ อินกุก เคยชนะการประกวดในรายการแข่งขันร้องเพลงอย่าง Superstar K ในปี ค.ศ. 2009 หลังจากนั้นเขาก็มีผลงานเพลงออกมาให้กับแฟนๆ ได้ฟังเรื่อยๆ พร้อมกับการผันตัวมาเป็นนักแสดงด้วย ส่วนช็อง อึนจี ได้ผ่านการคัดเลือกให้เข้ามาเป็นสมาชิกของวง Apink ในปี ค.ศ. 2010 ในระหว่างนั้นเธอก็ได้ก้าวเข้าสู่การเป็นนักแสดงพร้อมกับการเป็นนักร้องของวง Apink ด้วยเช่นกัน

เมื่อเพลง All For You เวอร์ชั่นของซอ อินกุก และช็อง อึนจี ได้ปล่อยออกมา ก็สร้างความฮือฮาให้กับแฟนซีรีส์เป็นอย่างมาก เนื่องจากความหมายของเพลงที่ลึกซึ้งกินใจและความสามารถของทั้งคู่ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ที่ทำให้คนทั่วไปให้ความสนใจ เรียกได้ว่า ถึงแม้ว่าใครก็ตามที่ไม่ได้ดูซีรีส์เรื่องดังกล่าว ก็สามารถร้องเพลงนี้ได้อย่างติดปากแน่นอน

ในปัจจุบันก็ยังมีการนำเพลง All For You ในเวอร์ชั่นของซอ อินกุก และช็อง อึนจี มาร้องในรายการต่างๆ และกลายเป็นภาพจำของผู้คนทั่วไปว่าเพลงดังกล่าวเป็นผลงานชิ้นโบแดงของทั้งคู่ ถือได้ว่า ซีรีส์เกาหลีเรื่อง “Reply 1997” ประสบความสำเร็จทั้งด้านเนื้อหาและเพลงประกอบเลยทีเดียว

ติดตามบทวความ เพลง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

“Taylor Swift” ประกาศเตรียมออกอัลบั้ม RED (Taylor’s Version) ปลายปีนี้

Taylor Swift

หลังจากที่ Taylor Swift นักร้องชาวอเมริกันชื่อดังได้ประกาศว่าเธอตัดสินใจที่จะอัดเพลงในอัลบั้ม 6 ชุดแรกของเธอใหม่ เนื่องจากปัญหาทางด้านลิขสิทธิ์ที่ถูกค่าย Big Machine Records ซึ่งเป็นค่ายเพลงเก่าของเธอขายลิขสิทธิ์มาสเตอร์ 6 ชุดแรกของเธอให้กับ Scooter Braun ในราคากว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ

ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีการขายลิขสิทธิ์มาสเตอร์ดังกล่าวต่อให้กับบริษัท Shamrock Holdings แล้ว แต่ Braun ก็จะยังคงได้รับผลตอบแทนอยู่ดีหาก Taylor Swift ร่วมงานกับบริษัท Shamrock Holdings จนกระทั่งในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2021 Taylor Swift ก็ได้ปล่อยอัลบั้ม Fearless (Taylor’s Version) ซึ่งเป็นอัลบั้มที่มีการอัดเพลงใหม่อัลบั้มแรก แน่นอนว่า ได้รับการสนับสนุนและการตอบรับจากแฟนคลับทั่วโลกเป็นอย่างดี อีกทั้งยังตั้งตารอคอยอัลบั้มที่จะได้รับการอัดใหม่ต่อไป

จนกระทั่งในวันที่ 18 มิถุนายน ปี ค.ศ. 2021 Taylor Swift ก็ได้ปล่อยภาพปกอัลบั้มที่อัดใหม่ออกมา นั่นคือ อัลบั้ม RED (Taylor’s Version) ภายในอัลบั้มจะมีจำนวนเพลงทั้งสิ้น 30 เพลง นอกจากจะมีเพลงเก่าที่ถูกอัดเสียงใหม่แล้ว ยังมีการเพิ่มเพลงใหม่ที่เธอยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนอีกด้วย โดยมีทั้งหมด 2 เวอร์ชั่น ได้แก่ Explicit และ Clean ให้กับแฟนคลับได้เลือกจับจอง ซึ่งสามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะเห็นว่า ภาพปกอัลบั้มใหม่นั้น Taylor Swift ได้สวมแหวนที่มีสัญลักษณ์ของคำว่า RED อยู่ด้วย

อัลบั้ม RED (เวอร์ชั่นดั้งเดิม) ของ Taylor Swift ถูกปล่อยออกมาครั้งแรกในวันที่ 22 ตุลาคม ปี ค.ศ. 2012 ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในกลุ่มแฟนคลับชาวเอเชีย เนื่องจากการเดินทางข้ามโลกมาจัดคอนเสิร์ตในประเทศแถบเอเชีย โดยเฉพาะการประกาศจัด The Red Tour ที่กรุงเทพมหานครฯ ในวันที่ 9 มิถุนายน ปี ค.ศ. 2014 ถึงแม้ว่าจะมีการประกาศยกเลิกคอนเสิร์ตดังกล่าวในภายหลังก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้ Taylor Swift ได้มีแฟนคลับชาวไทยเป็นจำนวนมากที่คอยสนับสนุนผลงานของเธอต่อไป

การประกาศออกอัลบั้ม RED (Taylor’s Version) ของ Taylor Swift ก็ได้สร้างความสนใจให้กับแฟนคลับทั่วโลกเป็นอย่างมาก ซึ่งได้มีรายละเอียดเกี่ยวกับอัลบั้มออกมาเพิ่มเติมอีกด้วย นั่นคือ ภาพปกหลังของอัลบั้มที่มีรายชื่อเพลงทั้งหมด โดยอัลบั้มจะปล่อยออกมาในวันที่ 19 พฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2021 ซึ่งมีเพลงเก่าจำนวน 19 เพลง และเพลงใหม่อีก 11 เพลง รวมทั้งสิ้น 30 เพลง ซึ่งเป็นอัลบั้มที่มีเพลงให้แฟนเพลงได้ฟังกันอย่างจุใจเลยทีเดียว

เพลงที่คาดว่าจะได้รับความสนใจมากท่ีสุดนั่นก็คือ เพลง All Too Well เวอร์ชั่น 10 นาที โดยครั้งหนึ่ง Taylor Swift ได้บอกว่าเธอเคยเรียบเรียงเพลงนี้ในเวอร์ชั่น 10 นาทีเอาไว้ แต่ปรากฏว่าเธอได้ทำหายไป ในตอนนั้นได้สร้างความเสียดายให้กับแฟนคลับอยู่ไม่น้อย จนกระทั่งเมื่อได้เห็นชื่อเพลง All Too Well เวอร์ชั่น 10 นาทีดังกล่าว ก็ได้สร้างความฮือฮาให้กับแฟนคลับเป็นอย่างมาก

ติดตามบทความ เพลง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

“NAKKA” เพลงไตเติลใหม่ของ AKMU ที่ได้ IU มาร่วมแจมด้วย

NAKKA

“AKMU” หรือ “Akdong Musician” เป็นคู่พี่น้องนักร้องชาวเกาหลีใต้ ประกอบด้วยสมาชิกสองคน ได้แก่ พี่ชายอย่างอี ชานฮยอก (Lee Chan Hyuk) ทำหน้าที่เป็นนักร้องนำ แรปเปอร์ รวมถึงการโปรดิวเซอร์ผลงานเพลงด้วยตัวเอง และน้องสาวอย่างอี ซูฮยอน (Lee Soo Hyun) ทำหน้าที่เป็นนักร้องนำ โดยที่ทั้งคู่เข้าวงการมาด้วยการประกวดในรายการ K-Pop Star ในปี ค.ศ. 2012 จนในที่สุดก็สามารถชนะการประกวด ซึ่งในปัจจุบัน AKMU อยู่ภายใต้สังกัด YG Entertainment มีผลงานเพลงยอดฮิตออกมาให้แฟนคลับได้ฟังมากมาย จากบรรดา Studio album 3 ชุด ได้แก่ PLAY, WINTER, SAILING และ EP อีก 2 ชุด ได้แก่ SPRING, Next Episode นอกจากนี้ยังมีซิงเกิลอีกมากมาย

ผลงานล่าสุดของ AKMU มีชื่อว่า “Next Episode” ซึ่งเป็น EP ชุดที่ 2 ของพวกเขา ถูกปล่อยออกมาในวันที่ 26 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 2021 ที่ผ่านมา ทั้งในรูปแบบของแผ่นซีดีและดิจิทัลดาวน์โหลด โดย “Next Episode” เป็น Collaboration Album ที่เชิญศิลปินหลายท่านมาร่วมงานด้วย ประกอบไปด้วยเพลงทั้งสิ้น 7 เพลง โดยที่มีศิลปินชื่อดังมาร่วมงานด้วยทั้งสิ้น 7 คนเช่นกัน เรียกได้ว่ามีศิลปินมาร่วมงานด้วยทุกเพลงเลย ได้แก่

  • Hey kid, Close your eyes ร่วมกับ Lee Sunhee
  • NAKKA ร่วมกับ IU ซึ่งเป็นเพลงไตเติล
  • BENCH ร่วมกับ Zion.T
  • Tictoc Tictoc Tictoc ร่วมกับ Beenzino
  • 맞짱 ร่วมกับ Jannabi Choi Jonghoon
  • Stupid love song ร่วมกับ Crush
  • EVEREST ร่วมกับ Sam Kim

เพลงไตเติลอย่าง NAKKA ที่ได้ IU มาร่วมงานด้วย เป็นที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมากเมื่อมีการเปิดเผยรายชื่อและศิลปินที่จะมาร่วมงาน ถือเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของแฟนคลับที่จะได้ศิลปินหญิงเดี่ยวอย่าง IU มาร่วมงานด้วย แต่เนื่องจาก AKMU และ IU มีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างใกล้ชิดกันในระดับหนึ่งมาอย่างยาวนาน โดยในครั้งหนึ่ง IU ได้เชิญ AKMU มาเป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ตของเธอ และได้มอบตั๋วไอยูให้กับพวกเขา ซึ่งเป็นตั๋วที่สามารถเรียกให้เธอไปช่วยเหลือในด้านงานเพลงเป็นการตอบแทน อีกทั้งอี ชานฮยอกยังได้แต่งเพลง Ah Puh ให้กับ IU ในอัลบั้ม LILAC ของเธออีกด้วย

เพลง NAKKA ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่อง “The Greatest Showman” ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการอยู่เคียงข้างกันในช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยกระตุ้นให้ผู้ฟังปล่อยวางและไม่เกรงกลัวที่จะต้องทำในสิ่งที่ยากลำบาก ถือเป็นการให้กำลังใจผู้ฟังให้สามารถก้าวข้ามสิ่งที่ต้องเผชิญอยู่โดยมีพวกเขาอยู่เคียงข้าง

หลังจากที่เพลง NAKKA ถูกปล่อยออกมา AKMU ก็ได้ไปปรากฏตัวในรายการ IU’s Palette ในช่อง Youtube IU Official อีกด้วย โดยที่ทั้งสามได้มาร่วมกันโปรโมทผลงานเพลงดังกล่าว มีการพูดคุยถึงความสัมพันธ์ที่ดีของพวกเขา และเบื้องหลังกระบวนการทำงานเพลงร่วมกัน อีกทั้งยังได้ร่วมร้องเพลงภายในรายการอีกด้วย

ติดตามบทความ เพลง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

สุดยอด 3 “เอ็มวีไต้หวัน”ที่มีเค้าโครง “เรื่องจริง”

สุดยอด 3 เอ็มวีเพลงไต้หวันที่มีเค้าโครง “เรื่องจริง”

เอ็มวีเพลงแต่ละเพลงมีอิทธิพลต่อคนดู และคนฟังมายาวนานทุกยุคทุกสมัย รวมถึงเพลงไต้หวันเช่นกันซึ่งส่วนใหญ่ใช้เพลงภาษาแมนดาริน หรือจีนกลางในการดำเนินเนื้อร้อง จะตอบโจทย์กับคนในสังคมมากน้อยแค่ไหน ผู้เขียนมองว่าเพลงไต้หวันที่คนไทยรู้จัก

สร้างจากเรื่องจริงค่อนข้างน้อยมาก แต่ใช่ว่าจะไม่มีเลย แต่ในขณะเดียวกันเพลงไต้หวันบางเพลงก็มีเค้าโครงจากเรื่องจริงอยู่ แม้บางเพลงอาจจะไม่ได้ร้อยเรียงอักษร แต่การเปิดตัวเพลงนั้นๆ ก็อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บางอย่างทั้งเรื่องจริงของผู้ขับร้องเองและคนในสังคมของยุคนั้นด้วย

เพลงในบทความนี้ผู้เขียนจะรวมสุดยอด 3 เอ็มวีจากเพลงไต้หวันที่มีเค้าโครงจากเรื่องจริง ซึ่งจะแนะนำผ่านบทความได้ว่ามีเพลงอะไรบ้าง มาดูเพลงและเอ็มวีเหล่านั้นกันเลย

  • The Moon Represents My Heart ทำไมเป็นเพลงนี้ล่ะ ต้องบอกก่อนว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่โด่งดังมาก ตราตรึงใจคนทั้งโลก ร้องโดยนักร้องไต้หวันระดับตำนานอย่าง “เติ้ง ลี่จวิน” ซึ่งเธอมีชื่อเสียงมากในยุคนั้น แต่เพลงนี้กลายเป็นหนึ่งในเพลงของเธอที่ถูกแบนโดยทางการจีนเมื่อปี 1980
    ช่วงนั้นยังมีข้อพิพาทระหว่างจีนกับไต้หวัน แล้วเพลงของเธอคือสัญลักษณ์ทางการเมืองโดยปริยายในจีน เพราะให้เนื้อหาเชิงมอมเมาในเรื่องรักใคร่จนเกินไป (Spiritual Pollution) แม้ว่าจะผ่านมาหลายปีก็ยังเปิดกันอยู่เน้อ
  • This is it! เพลงนี้เป็นเพลงจากร็อกเกอร์รุ่นเก๋าอย่าง “Shin” ซึ่งเนื้อหาของเพลงค่อนข้างฮาและเสียดสีพร้อมกัน เนื่องจากได้แรงบันดาลใจจากการแต่งงานของผู้ชาย
    โดยมองว่าแต่งเมื่อไหร่เหมือนชีวิตออกศึกเมื่อนั้น (ผู้ชายไต้หวันจะถูกสอนให้เป็นเสาหลักของบ้าน หากได้แต่งงานเมื่อไหร่จะกลัวเมียโดยอัตโนมัติ)
    พระเอกเอ็มวีจะเป็นใครไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ “กัว ผิ่นเชา” หรือ “ดีแลน กัว” พระเอกจากซีรีส์เดิมพันรักเดิมพันชีวิตมาเล่นเอ็มวีด้วย ต้องบอกก่อนว่าเหมือนเอามาเสียดสี เพราะว่าในช่วงนั้นมีข่าวเรื่องผู้หญิง แล้วดราม่าแรงมาก เลยเอามาเล่นเอ็มวีเพื่อบอกแทนผู้ชายในสังคมเสียเลย
  • Like You ปิดท้ายที่เพลงนี้ของ “หวัง ตงเฉิง” หรือ “ต้าตง ฟาเรนไฮต์” อดีตบอยแบนด์ขวัญใจสาวๆ ที่มาทำเพลงเป็นของตนเอง กับคาแรคเตอร์กวนๆ สไตล์ร็อค เนื้อหาของเพลงนี้เอามาจากชีวิตจริงของต้าตงเลย เพราะเพลงนี้เล่าเรื่องวัยเด็กที่เคยสูญเสียพ่อเนื่องจากโรคประจำตัว
    และต้องหาเลี้ยงชีพดูแลแม่ตัวเองเพียงคนเดียว แล้วได้บอกถึงสัญญาของพ่อที่เขารับปากจะดูแลแม่ของเขาเอง

เป็นยังไงกันบ้างสำหรับเพลงไต้หวันที่สร้างจากเรื่องจริง เมื่อใครได้ฟังแล้วจะรู้สึกอิ่มเอมใจบ้าง เสียดสีบ้าง และน้ำตาร่วงไปกับเนื้อหาของเพลงไปในตัว ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านหลายคนต้องประทับใจแน่นอน

ติดตามบทความ เพลง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

รวมเพลงอกหักของวง Chilling Sunday

วงchilling sunday

วงดนตรี Chilling Sunday เป็นวงดนตรีของค่าย Tero Music ที่นักร้องนำคือหญิงสาวที่น่ารักอย่างปาล์ม ศุทธินี และมือกีต้าร์ บอย กรรกฏ ถึงแม้ว่าวง Chilling.Sunday ถึงแม้ว่าชื่อของวงดนตรีจะไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างแต่เมื่อได้ฟังเพลงของพวกเขาแล้วก็คงจะเคยได้ยินกันมาบ้างอย่างแน่นอนเลยทีเดียวและในช่วงหลังวง Chilling.Sunday ก็ได้ทำเพลงอกหักมากมายเลยทีเดียว และก็โดนใจใครหลายคนด้วยเช่นเดียวกันมาดูกันดีกว่าว่ามีเพลงอะไรบ้างที่ฟังแล้วไม่สามารถมูฟออนไปจากคนรักเก่าได้

วงchilling sunday ไม่น่าไปรักเธอเลย

เพลงแรก “ไม่น่าไปรักเธอเลย” จากความรักที่เคยหวานชื่นที่เราคิดว่าเราเลือกคนถูกแล้วแหละคนนี้แหละจะกลายเป็นคนที่เรารักมากที่สุดและจะกลายเป็นคนสุดท้ายของชีวิต สุดท้ายแล้วเขาก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่เรา กลับไปรักคนเก่าของเขาที่เขาจากมา สุดท้ายแล้วมีเพียงเราที่ต้องเสียน้ำตาอยู่กับความรักที่ดูจะลดน้อยลงมากขึ้นทุกที จนสุดท้ายเราก็ได้กลับมาคิดว่า เราไม่น่าไปรักเขาเลย สามารถฟังเพลงได้ที่ลิงก์นี้ ไม่น่าไปรักเธอเลย เลยตอนนี้ยอดวิวอยู่ที่ 9,447,486 การรับชม

วงchilling sunday คนเก่าเขาทำไว้ดี

เพลงที่สองที่จะมาแนะนำของวง Chilling Sunday เป็นเพลงที่มีเรื่องราวต่อจากเพลง “ไม่น่าไปรักเธอเลย” โดยมีชื่อเพลงว่า “คนเก่าเขาทำไว้ดี” แน่นอนว่ามันคงจะเป็นเรื่องโชคร้ายมากที่สุดในเรื่องของความรัก การที่เราคบกับคนที่ยังไม่ลืมคนเก่า มันคงเป็นเรื่องที่ทรมานใจไม่ใช่น้อยเพราะว่าเขาทำเหมือนว่าคนปัจจุบันนั้นนี่ความหมาย ถึงแม้ว่าเราจะทำดีมากแค่ไหนสุดท้ายแล้วบางครั้งความดีของเราก็ไม่ได้ดีเท่าความดีของคนเก่าที่เคยทำไว้ และคงมีแต่เราที่เสียใจ ที่สู้กับความรักครั้งเก่าของเขาไม่ได้เลย ฟังเพลงได้ที่ลิงก์นี้ คนเก่าเขาทำไว้ดี ตอนนี้ยอดการรับชมอยู่ที่ 5,445,958 การรับชม

วงchilling sundayไปไหนแล้ว

และเพลงสุดท้ายของวง Chilling Sunday ที่เพิ่งเปิดตัวมาไม่นานนี้ก็คือเพลง “ไปไหนแล้ว” ที่เพิ่งเปิดตัวเพลงมาในวันที่ 2 มีนาคม 2564 เคยสงสัยไหมว่าเมื่อเราอกหักกับใครสักคน คำสัญญาที่ว่าจะไม่ไปไหนที่จะรักกันจนวันสุดท้ายมันหายไปไหน ทั้งที่ตอนรักกันทุกอย่างดูเหมือนจะเข้ากันได้ด้วยดี แต่ว่าตอนเลิกกันทำไมมีแต่เราที่ยังอยู่ที่เดิม ไม่ไปไหนสักที มีแต่เขาที่ไปเริ่มต้นใหม่ได้แล้ว บางครั้งความรักก็ไม่ควรไปให้ค่ากับคำสัญญาเพราะมันไม่มีอะไรแน่นอน คนที่บอกจะไม่ไปไหน ตอนนี้ไปไหนแล้ว เพลงนี้เป็นอีกเพลงหนึ่งที่ตอกย้ำให้กับคนอกหักมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าเพลงจะเปิดตัวมาได้เพียงแค่ 3 วันในวันที่ 5 มีนาคม 2564 ยอดการรับชมของเพลงนั้นก็พุ่งสูงไปแตะ 621,912 การรับชม สามารถฟังเพลงได้ที่ลิงก์นี้ ไปไหนแล้ว

#ChillingSunday #เพลงอกหัก #ไม่น่าไปรักเธอเลย #คนเก่าเขาทำไว้ดี #ไปไหนแล้ว #เพลง #news-entertainments.com

การกลับมาของเพลง “Love Story” เวอร์ชั่นใหม่ของ Taylor Swift

การกลับมาของเพลง Love Story
Taylor Swift1

เมื่อช่วงเวลาประมาณ 19:00 น. (ประเทศไทย) ของวันพฤหัสบดี ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา Taylor Swift ได้ออกมาประกาศข่าวดีให้กับแฟนๆ ทั่วโลกได้ทราบเกี่ยวกับการปล่อยเพลง “Love Story” ในเวอร์ชั่นใหม่ โดยประกาศเป็นวิดีโอสั้นผ่านรายการ Good Morning America ซึ่งมีใจความสำคัญว่า เพลง “Love Story” เวอร์ชั่นที่เธออัดใหม่ (Re-record) ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และพร้อมปล่อยให้กับแฟนๆ ได้รับฟังกันในวันศุกร์ ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ช่วงเวลาประมาณ 12:00 น. (ประเทศไทย) โดยใช้ชื่อว่า Love Story (Taylor’s Version)

Taylor Swift2

Taylor Swift เป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกันชื่อดังที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เกิดเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1989 และได้เริ่มต้นทำงานในวงการเพลงตั้งแต่อายุเพียง 14 ปี เธอมักจะแต่งเพลงและมีส่วนร่วมในการทำเพลงของเธอเองทั้งหมด ซึ่งนั่นทำให้เป็นจุดแข็งและเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญที่ทำให้ผู้คนสามารถจดจำเธอได้ทั้งในฐานะนักร้องและนักแต่งเพลงนั่นเอง

Taylor Swift3

เพลง “Love Story” ถูกปล่อยออกมาครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2008 โดยเนื้อเพลงได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทกวีที่โด่งดังของวิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) นั่นคือ โรเมโอและจูเลียต (Romeo and Juliet) ซึ่งเป็นเรื่องราวของโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นจากความรักของคู่รักคู่หนึ่งที่ต้องเผชิญกับความขัดแย้งจากทั้งสองตระกูล ถึงแม้ว่าในบทกวีดังกล่าวจะจบลงด้วยความเศร้าโศก แต่ในมิวสิควีดีโอของเพลง “Love Story” นั้นแตกต่างออกไป นั่นคือในตอนจบได้ปรากฏให้เห็นถึงความรักที่สมหวังของทั้งคู่

Taylor Swift4

เพลง Love Story (Taylor’s Version) เวอร์ชั่นใหม่ที่ถูกปล่อยออกมายังมีคงความเป็นสไตล์คันทรี่ของ Taylor Swift ไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยยังคงเนื้อเพลงเดิมจากเวอร์ชั่นก่อนไว้ ทำให้เหล่าแฟนคลับที่ได้ฟังเพลงนี้รู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปยังตอนที่พึ่งรู้จักกับศิลปินที่ตนเองชื่นชอบ แต่มีการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดนั่นคือเสียงของเธอในวัยปัจจุบันที่เป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้มีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย ซึ่งมีความแตกต่างจากเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่นเป็นอย่างมาก

Taylor Swift5

นอกจากนี้มิวสิควีดีโอใหม่ที่ปล่อยออกมาพร้อมกันนั้น ก็ได้มีการเรียบเรียงรูปภาพของเธอกับเหล่าแฟนคลับในช่วงของการปล่อยเพลง “Love Story” เวอร์ชั่นแรกเอาไว้ ซึ่งถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราวของความรักที่เธอและเหล่าแฟนคลับมีร่วมกันนั่นเอง ซึ่งทำให้เกิดเป็นกระแสในโลกโซเชีลมีเดีย และเหล่าแฟนคลับได้มีการสร้างแฮชแท็กในทวิตเตอร์เพื่อเป็นกำลังใจให้กับนักร้องสาว นั่นคือ #LoveStoryTaylorsVersion

          Tag : #TaylorSwift, #Lovestory, #Taylor’sVersion, #LoveStoryTaylorsVersion #เพลง #news-entertainments.com