Ghostbusters: After Life

ghostbusters

พบกับการกลับมาอีกครั้งของแก๊งกำจัดผี ที่มาพร้อมความวายป่วงกว่าเดิมในตัวอย่างล่าสุด

หลังจากที่โดนพิษโควิดเล่นงานจนถูกเลื่อนฉายมาร่วมปี ในที่สุด Ghostbusters: After Life อีกหนึ่งในคลาสสิกแห่งยุค 80 ที่ถูกนำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง ก็ได้ปล่อยตัวอย่างเต็มออกมาให้ได้ชมกันแล้ว ก่อนเตรียมเข้าฉายอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้

โดยหนังจะเล่าเรื่องราวของครอบครัวเล็ก ๆ ที่ประกอบไปด้วย คัลลี่ (แครี่ คูน) คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว กับลูกอีกสองคนได้แก่ โฟบี้ (แมคแคนนาา เกรซ) และเทรเวอร์ (ฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด) ที่ได้พากันย้ายบ้านจากเมืองหลวงไปอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งที่ที่พวกเขาไปอาศัยอยู่นั้น ก็คือบ้านของ อีกอน สเปงเลอร์ (ที่เคยรับบทโดย แฮโรลด์ ฮามิส) อดีตหนึ่งในสมาชิกของทีมกำจัดผี Ghostbusters ที่ได้ทิ้งสมบัติเป็นอุปกรณ์กำจัดผีสุดไฮเทคเอาไว้มากมายในโรงรถของบ้าน ซึ่งหลังจากที่ครอบครัวดังกล่าวย้ายบ้านมาได้ไม่นาน เมืองแห่งนี้ก็ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว รวมถึงเหล่าวิญญาณร้ายก็ได้ออกมาอาละวาดไปทั่วเมือง ทางเดียวที่จะสามารถกอบกู้สถานการณ์นี้คือการขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญการกำจัดผีอย่างบริษัท Ghostbusters เท่านั้น

หนังเป็นผลงานการกำกับและเขียนบทของ เจสัน ไรท์แมน (Up in the Air, Tully) ลูกชายของ อีวาน ไรท์แมน ผู้สร้างหนังชุด Ghostbusters ยุคแรก พร้อมได้ กิล คีแนน (ซีรีส์ Scream) มาเขียนบทร่วมอีกด้วย ส่วนด้านนักแสดงก็เรียกได้ว่ารวมทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ นำทีมโดย ฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด (It, ซีรีส์ Stranger Things), แมคเคนน่า เกรซ (Captain Marvel, Annabelle: Come Home), แครี่ คูน (Gone Girl, Avengers: Endgame), พอลล์ รัตต์ (Ant-Man) พร้อมทั้งยังได้สองนักแสดงจากหนังภาคต้นฉบับอย่าง บิล เมอร์เรย์ (Lost in Translation), แดน แอคครอยด์ (The Blues Brothers), ซิกัวร์นีย์ วีฟเวอร์ (Alien) และ เออร์นีย์ ฮัดสัน (ซีรีส์ Modern Family) กลับมารับบทเดิมอีกครั้ง

สำหรับตัวหนัง Ghostbusters: After Life จะเป็นการเล่าเรื่องราวต่อจากหนังเวอร์ชั่นต้นฉบับปี 1984 และ 1989 โดยเนื้อหาได้จะเล่าถึงการผจญภัยของแก๊งปราบผีเจเนอเรชั่นใหม่ ที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน ซึ่งในตัวอย่างล่าสุดที่ปล่อยออกมานี้ ก็ได้มีการเผยฟุตเทจใหม่ ๆ มีฉากการอาละวาดของผี ที่ทำออกมาได้เล่นใหญ่ สมการรอคอย พร้อมทั้งยังมีฉากอีสเตอร์เอ้ก ที่ใส่มาเอาใจแฟนหนังชุดนี้ยุคบุกเบิกได้หายคิดถึงกัน

Ghostbusters เป็นหนังแนวสยองขวัญ คอเมดี้ ที่เคยโด่งดังมาก ๆ ในช่วงยุค 80 ที่ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่สนใจเรื่องลี้ลับ เหนือธรรมชาติ โดยเฉพาะวิญญาณ พวกเขาเลยใช้ความสามารถทางวิทยาศาสตร์ที่มี ประดิษฐ์เครื่องพิสูจน์ และกำจัดผีขึ้นมา และตั้งบริษัทที่มีชื่อว่า Ghostbusters เพื่อปราบผีร้ายตามที่ต่าง ๆ ซึ่งตัวหนังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมีทั้งหมด 2 ภาค รวมทั้งมี ทีวีซีรีส์ที่เป็นฉบับอนิเมชั่น และวีดีโอเกมตามมา จนแฟรนไชส์นี้กลายเป็นอีกหนึ่งกระแสยอดฮิตของยุค 80 นอกจากนี้เมื่อปี 2016 ก็ได้มี Ghostbusters: Answer the Call งานกำกับของ พอลล์ เฟก (Last Christmas) ที่ว่าด้วยทีมกำจัดผีที่เป็นหญิงล้วน และเนื้อหาไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาคหลักแต่อย่างใด

Ghostbusters: After Life จะมีกำหนดฉายในอเมริกา ช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์ ส่วนในไทยต้องรออัปเดทวันฉายจากทาง Sony Pictures Thailand อีกที

Cr.ภาพ : IMDB / GHOSTBUSTERS

ติดตามบทความ ซีรีย์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

รีวิวหนัง In The Heights : มิวสิคัลน้ำดีแห่งปี 2021

in the heightsH

ที่จัดเต็มด้วยเพลงเพราะ ๆ งานโปรดักชั่นสุดตระการตา พร้อมประเด็นการทำตามความฝันที่ชวนตราตรึงใจ

อีกหนึ่งหนังมิวสิคคัล น้ำดีประจำปี 2021 นี้ ที่เดิมทีมีกำหนดว่าจะฉายโรงในไทย แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด 19 ทำให้ค่ายต้องยอมปล่อยหนังจำหน่ายแบบโฮมเธียเตอร์ และฉายบนสตรีม HBO GO

โดย In The Heights เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากละครบรอดเวย์ของ ลิน-มานูเอล มิรันดา ที่จะว่าด้วยชีวิตของผู้คนในเมือง วอชิงตัน ไฮท์ ย่านถนนหมายเลข 181 สถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีความฝัน ความรัก และมิตรภาพที่แสนอบอุ่น และเคล้าไปด้วยเสียงดนตรี ซึ่งหนังจะนำเสนอผ่านตัวละคร อุสนาวี (แอนโธนี่ รามอส) ชายผู้เป็นเจ้าของร้านขายของชำเล็ก ๆ ที่มีความฝันว่าจะเก็บเงินย้ายไปอยู่ในสถานที่ที่ดีกว่านี้ และเมื่อเขาได้พบกับ วาเนสซ่า (มาเรสซ่า บาร์เรรา) หญิงสาวที่เติบโตจากย่านนี้ แต่ต้องกลับมายังบ้านเกิดเพราะมีปัญหากับมหาวิทยาลัย ซึ่งการกลับมาพบกันของทั้งสองนี้ก็ได้นำมาสู่เรื่องราวมากมายที่สุดแสนประทับใจในย่านเล็ก ๆ นี้

In The Heights เรียกได้ว่าเป็นหนังมิวสิคคัล ที่เปี่ยมไปด้วยลีลา และความทะเยอทะยานในการเล่าเรื่องที่สุดเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ แน่นอนว่าจุดขายของหนังเรื่องนี้คือเพลง และการเต้นของทีมนักแสดงนำ รวมถึงนักแสดงตัวประกอบ ซึ่งในหนังเรื่องนี้สามารถนำเสนอบทเพลง และการแสดง ออกมาได้อย่างยิ่งใหญ่ อลังการ โดยหนังสามารถใช้ประโยชน์จากองค์ประกอบต่าง ๆ ของหนังมาเป็นตัวเสริมในการร้องรำทำเพลงได้อย่างมีชั้นเชิง รวมทั้งการใช้ตัวประกอบที่เป็นนักเต้น มาร่วมสร้างสีสันให้หนังตลอดทั้งเรื่อง จนทำให้ราวกับว่านี่คือการแสดงละครเวที

ด้านตัวเพลงในเรื่องนี้ก็มีความหลากหลายแนวผสมผสานกับทั้งเพลงคันทรี่ ป้อป และแร้ป ซึ่งเพลงในหนังเรื่องนี้ก็มีบทบาทกว่า 70% ของหนัง และมันสามารถทำหน้าที่ในการมอบความบันเทิงให้หนังได้เป็นอย่างดี ในบางช่วงของหนัง ก็ได้มีการนำเพลงมาใช้งานแทนบทพูดบางช่วง และมีพาร์ทดราม่า โรแมนติกที่ชวนตราตรึงใจ ทำให้การแสดงออกของนักแสดงออกมาดูงดงามมีเสน่ห์มากกว่าหนังเรื่องอื่น ๆ

นอกเหนือจากเรื่องเพลงแล้ว In The Heights ยังเป็นหนังที่สามารถนำเสนอประเด็นเรื่องชนชั้น สังคม ไปจนถึงปัจเจกบุคคล ออกมาได้อย่างมีมิติ หนังสามารถทำให้ย่านถนนหมายเลข 181 กลายเป็นอีกตัวละครเอกของเรื่อง รวมทั้งนำเสนอความสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ ของตัวละครออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอความฝันของแต่ละตัวละครที่แตกต่างกันไป ที่เป็นส่วนที่ทำให้ดราม่าของหนังมีความแข็งแรง และทำให้แต่ละเส้นเรื่องมีความน่าติดตาม น่าเอาใจช่วยไปจนจบเรื่อง

โดยรวม In The Heights นับว่าเป็นหนังมิวสิคคัลน้ำดีอีกเรื่อง ที่นาน ๆ ที จะมีมาให้ได้ชมกัน หนังมาพร้อมเพลงที่ไพเพราะ และงานโปรดักชั่นที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนั้นยังมีประเด็นในด้านสังคม การเดินตามความฝัน ที่ชวนติดตาม ใครที่กำลังมองหาหนังสักเรื่องที่จะมาเติมพลังใจ ในการเดินตามความฝัน นี่เป็นอีกเรื่องทีอยากแนะนำ

สามารถรับชม In the Heights ได้แล้ววันนี้ที่ HBO GO

Cr.ภาพ : Rotten Tomatoes

ติดตามบทความ ซีรีย์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

“หนังอวกาศของแท้กำลังจะมาแล้ว”

สงครามอวกาศครั้งใหม่อเมริกา-รัสเซียบนแผ่นฟิล์ม

สงครามอวกาศครั้งใหม่อเมริกา-รัสเซียบนแผ่นฟิล์ม

ใครที่ตามข่าวภาพยนตร์ โดยเฉพาะหนังไซไฟ แบบที่ผจญภัยในอวกาศหรือแนวแอ็คชั่นไซไฟ น่าจะได้ยินข่าวคราวอยู่บ้างที่ ทอม ครู๊ซ มีโปรเจคใหญ่ภาพยนตร์ที่ตั้งใจจะไปถ่ายทำกันในอวกาศจริงๆ

โดยเป็นความร่วมมือของทั้ง NASA และ Space X ของอีลอน มัสต์ ที่หากทำได้สำเร็จเชื่อได้ว่าจะเป็นภาพจดจำครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์

เพราะดาราแอ็คชั่นตัวท็อปอย่างทอม ครู๊ซนั้นเชื่อขนมกินได้เลยว่าถ้าทำออกมาแล้วต่อให้ไม่ดีเลิศก็ต้องอยู่ในขั้นดี การันตีความสนุกได้

หลังจากที่ทอม ครู๊ซแถลงข่าวโปรเจคอวกาศของเขากลางในช่วงเดือนพฤษภาคม 2020 ถัดมาในเดือนกันยายน 2020 โปรเจคหนังสัญสชาติรัศเซียชื่อ The Call ก็ประกาศสร้างที่ถ่ายทำบนอวกาศจริงๆเหมือนกัน โดยเป็นความร่วมมือกับ Roscosmos องค์การอวกาศสหพันธรัฐรัสเซียที่ทำงานในฐานะคู่แข่งตลอดกาลกับ NASA

เพราะก่อนหน้าที่จะกลายร่างเป็น Roscosmos องค์กรนี้ก็คือ  Soviet space program สมัยที่รัสเซียยังเป็นสหภาพโซเวียต ซึ่งเคยแข่งกันมาตลอดกับ NASA ทั้งเรื่องส่งมนุษย์ไปอวกาศคนแรก ไปเหยียบดวงจันทร์คนแรก

และครั้งนี้อาจเป็นสงครามอวกาศครั้งใหม่บนโลกภาพยนตร์ ว่าระหว่างอเมริกากับรัสเซียใครจะได้ครองตำแหน่งภาพยนตร์ที่ถ่ายทำให้อวกาศเรื่องแรก

และรอบนี้ดูเหมือนว่าโปรเจคของรัสเซียจะเป็นฝ่ายชนะเพราะทีมนักแสดงและผู้กำกับหกคนได้ขึ้นสู่อวกาศในวันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้วและวางแผนที่จะใช้เวลาถ่ายทำในยานอวกาศ และบนสถานีอวกาศนานาชาติเป็นเวลา 12 วัน

โดยมีชื่อหนังเป็นภาษารัสเซียว่า Vyzov (วีซอฟ) แปลว่า “เรียก” (ตรงกับชื่อโปรเจค The Call นั่นเอง)  ผู้กำกับคือ คลิม ชิปเพนโก้ นำแสดงโดย ยูเลีย เปเรสลิด ดาราสาววัยสามสิบที่มีผลงานมามากมายหลายเรื่อง เนื้อเรื่องเกี่ยวกับคุณหมอที่ต้องเดินทางขึ้นไปในวงโคจรเพื่อช่วยชีวิตนักบินอวกาศ

โดยเรื่องนี้จะมีนักบินอวกาศตัวจริงสามนายร่วมแสดงด้วย ที่น่าตื่นเต้นก็คือจะมีฉากที่ออกไปถ่ายทำกันนอกตัวยานอวกาศจริงๆ

และเพื่องานนี้ทั้งนักแสดงสาวและผู้กำกับต้องผ่านการเตรียมตัวเป็นเวลาหกเดือน เพื่อให้ผ่านการทดสอบทั้งทางด้านสภาพร่างกายและจิตใจ

ทอม ครู๊ซนั้นวางแผนเรื่องนี้มาก่อนนานแล้วร่วมกับ เจมส์ คาเมรอน หนึ่งในโคตรผู้กำกับพันล้านเหรียญตั้งแต่18ปีที่แล้ว ก่อนที่ทอมจะยังเป็นคนขับเคลื่อนต่อไปเพียงคนเดียวจนล่วงเลยมาถึงปี

2021 ก็ยังไม่ได้คิวถ่ายทำให้เรียบร้อย แต่กลายเป็นว่าทีมงานรัสเซียที่มาทีหลังกำลังจะได้ชื่อแปะหัวโปสเตอร์ว่าเป็นหนังเรื่องแรกที่ถ่ายทำในอวกาศไปก่อนทอมเสียแล้ว

รอบนี้ที่พี่ ทอม ครู๊ซ ของเราโดนปาดหน้าเค้กไปอย่างนี้ อาจเพราะเป็นเหยื่อสงครามอวกาศรอบใหม่ของอเมริกากับรัสเซียเท่านั้น

ติดตามบทความ บันเทิง ดารา-นักร้อง ซีรีย์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

รีวิวหนัง The Voyeurs : หนังสไตล์ Rear Windows

The Voyeurs หนังสไตล์ Rear Windows

ที่มาพร้อมความแรงแบบติดเรท พร้อมทั้งนำเสนอเรื่องความรัก และเซ็กซ์ออกมาได้ชวนติดตาม การแสดงของ ซิดนีย์ สวีย์นี่ เป็นหนึ่งในสิ่งที่น่าจดจำที่สุด

The Voyeurs หนังดราม่า ระทึกขวัญ เรื่องล่าสุดจาก Amazon Prime ผลงานการกำกับ และเขียนบทของ ไมเคิล โมฮาน (ซีรีส์ Everything Sucks!) โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ ฟิปป้า (ซิดนีย์ สวีย์นี่) และ โธมัส (จัสติค สมิธ) สองคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ที่ได้ย้ายมาอาศัยในอพาร์ทเมนต์กลางเมืองใหญ่ แต่หลังจากที่ย้ายเข้ามาอาศัยได้ไม่นาน ทั้งคู่ก็ได้มองหน้าต่างห้อง และได้พบกับเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม ที่เป็นช่างภาพถ่ายแบบ กำลังมีเซ็กซ์กันอย่างเร่าร้อน จากนั้นทั้ง ฟิปป้า และ โธมัส ก็เกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ทำให้ทั้งคู่ทำการถลำลึกการแอบส่องเพื่อนบ้าน จนมันได้นำมาสู่โศกนาฎกรรมที่ไม่มีวันลืม

หากยังจำกันได้ เมื่อต้นปีได้มีหนังระทึกขวัญอย่าง The Woman in the Window เข้าฉายบน Netflix ไป ซึ่งสำหรับ The Voyeurs ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่มาในทิศทางเดียวกันคือ ทั้งสองเรื่องต่างทำมาเพื่อเคารพหนังในตำนานอย่าง Rear Windows ของ อัลเฟร็ด ฮิตช์ค็อก โดยใน The Voyeurs หนังค่อนข้างมีความใกล้เคียงกว่า ด้วยการที่ตลอดทั้งเรื่องของหนัง มันว่าด้วยเรื่องการแอบส่องเพื่อนบ้าน แบบเน้น ๆ ซึ่งหนังก็ได้ทำหน้าที่ในการพาคนดูไปร่วมแอบมองเพื่อนบ้านไปกับตัวละคร แต่จะมีการเปลี่ยนประเด็นจากที่เดิมทีใน Rear Windows พูดถึงเรื่องการฆาตกรรม แต่ในเรื่องนี้กลับเล่าเรื่องเซ็กซ์ และความสัมพันธ์แบบคู่รักแทน

หนังใช้เวลาช่วงต้นเรื่องในการปูเรื่องถึงความสัมพันธ์ของตัวละคร พร้อม ๆ กับการพาตัวละคร และคนดู ค่อย ๆ ไปร่วมส่องเพื่อนบ้าน ความสนุกของมันคือการถลำลึกของตัวละคร ที่แทบจะคาดเดาไม่ได้ว่ามันจะไปสิ้นสุดเมื่อไหร่ หรือแบบไหน เพราะหนังได้สร้างเงื่อนไข และเหตุผลการส่องเพื่อนบ้านในเรื่องนี้คือการสร้างความบันเทิง และความสุขให้ตัวเองจนกลายเป็นการเสพติด และความบันเทิงของหนังก็คือการที่มันได้สร้างสถานการณ์ที่ทดสอบศีลธรรมแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มาให้ได้ลุ้น ได้ระทึกเป็นระยะ ๆ จนทำให้หนังไม่น่าเบื่อเกินไป พร้อมทั้งยังมีการสับขาหลอกในช่วงท้าย ที่ทั้งพีค และเกินจะคาดเดาไว้อีกด้วย

นอกจากความบันเทิงจากการแอบส่องที่ชวนระทึกแล้ว อีกจุดขายของ The Voyeurs คือฉากเลิฟซีน ที่ทำออกมาได้แซ่บ ไม่แพ้หนังอีโรติค โดยฉากเลิฟซีนในเรื่องนี้ ต่างก็ทำหน้าที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตัวละครในเรื่องด้วยเช่นกัน โดยหนังพยายามพูดเปรียบเปรยถึงความสำคัญระหว่างเซ็กซ์และความรัก ที่มันนำพามาสู่เรื่องราวทั้งหมดในเรื่องนี้ ทั้งนี้ต้องขอชื่นชมการแสดงของ ซิดนีย์ สวีย์นี่ (ซีรีส์ Euphoria) ที่เธอสามารถแบกหนังไว้ ในเรื่องนี้ สวีย์นีย์ ได้เล่นบทเลิฟซีนที่แรงที่สุด เช่นเดียวกับพาร์ทดราม่า ที่เธอสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

ในส่วนของข้อเสียของ The Voyeurs คือการที่หนังไปเสียเวลากับส่วนที่ไม่จำเป็นในช่วงต้นเรื่อง และกลางเรื่อง ทำให้บางช่วงของหนังดูย้วย ดูเนือย และมันได้ส่งผลให้ช่วงท้ายที่ควรจะเป็นช่วงพีคของเรื่อง ทำออกมาได้ไม่สุดเท่าที่ควร นอกจากนี้ด้านมิติ และความสมเหตุสมผลบางอย่างของหนังก็ยังดูเบาบาง ขาดน้ำหนัก

The Voyeurs ยังถือว่าเป็นหนังที่พยายามทำมาเพื่อเคารพ Rear Windows ที่อาจทำออกมาไม่ถึงขั้น เมื่อเทียบกับต้นฉบับ แต่ก็ถือว่านี่เป็นหนังที่สามารถเล่นกับการแอบส่องเพื่อนบ้าน ออกมาได้สนุก มีรสชาติมากกว่า The Woman in the Window กว่าหลายเท่า โดยเฉพาะการถ่ายทอดชีวิตคู่ และเรื่องเซ็กซ์ ที่หนังตีความออกมาได้ชัดเจน เข้มข้น สมกับความเป็นหนังเรท 18+ ใครชอบหนังระทึกขวัญ เนื้อหาแรง ๆ มีพาร์ทหักมุมที่เกินคาดเดา นี่เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด

สามารถรับชม The Voyeurs ได้แล้ววันนี้ที่ Amazon Prime

Cr.ภาพ : Amazon Prime

ติดตามบทความ ซีรีย์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

รีวิวหนัง Kate : หนังแอคชั่น ไล่ล่า สไตล์ John Wick

Kate หนังแอคชั่น ไล่ล่า สไตล์ John Wick

ที่มาพร้อมฉากบู๊สุดเดือดที่เน้นโหด ไม่เน้นอลังการ แต่ด้านบทกลับไร้ซึ่งความแปลกใหม่ ที่ยังมาพร้อมพลอตสูตรสำเร็จที่เดาทางได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

Kate หนังแอคชั่น ฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดจาก Netflix ผลงานการกำกับโดย เซดริค นิโคลัส-โทรยัน (The Huntsman: Winter’s War) ที่ได้มือสร้างแอคชั่นแห่งยุคอย่าง เดวิด ไลตช์ (Hobbs & Shaw) มารับหน้าที่อำนวยการสร้าง ที่ได้ แมรี่ อลิซาเบธ วินสเตท ที่เคยรับบท The Huntress จาก Birds of Prey กลับมารับบทสาวนักบู๊อีกครั้ง ซึ่งหนังก็มาพร้อมโทนเรื่องแบบหนังบู๊ เลือดสาด แบบ John Wick เวอร์ชั่นผู้หญิงก็ว่าได้

โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ เคท (แมรี่ อลิซาเบธ วินสเตท) นักฆ่าสาวมือฉมัง ที่เธอได้รับมอบหมายให้ทำการลอบสังหารหัวหน้าแก๊งยากูซ่าซึ่งเป็นภารกิจสุดท้ายในวงการของเธอ แต่ทว่าในระหว่างที่กำลังจะทำภารกิจอยู่นั้น เคทก็พบว่าตนได้ถูกวางยาพิษปริศนา ที่จะทำให้เธอตายภายในเวลา 24 ชั่วโมง ทางเดียวที่จะทำให้รอดชีวิตคือการตามหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด พร้อมหายาถอนพิษให้ทัน ซึ่งเธอก็ต้องร่วมมือกับ อานิ (มิกุ แพทริเซีย มาร์ตินโน) หนึ่งในลูกสาวของแก๊งยากูซ่า ที่ถูกตามล่าจากความขัดแย้งของครอบครัวตัวเอง

Kate ยังคงเป็นหนังจาก Netflix อีกเรื่องที่มาพร้อมความบันเทิงสูตรสำเร็จ ตามสไตล์หนังแอคชั่นป้อปคอร์น ที่อาจไม่ได้โดดเด่นอะไรมาก โดยหนังจะมาพร้อมพลอตเรื่องที่ว่าด้วยการล้างแค้น การตามล่า ที่มีการไล่ระดับ จากระดับลูกน้อง ไปสู่บอสใหญ่ ที่ระหว่างทางก็เต็มไปด้วยการนองเลือดสุดเข้มข้น เคล้าไปด้วยดราม่าเล็ก ๆ ระหว่าง เคท และ อานิ และตามสไตล์ของ เดวิด ไลตช์ ที่ยังคงมีการขายฉากบู๊ที่โหด ดิบ เถื่อน สไตล์แบบ John Wick มีการผสมผสานศิลปะการต่อสู้หลากหลายรูปแบบ ทั้งมือเปล่า การใช้ปืนยิงกัน และการใช้อาวุธแบบต่าง ๆ ให้ออกมาเป็นรูปแบบการฆ่าที่ทั้งโหด และชวนหวือหวา อยู่ไม่น้อย

แต่กระนั้นนอกเหนือจากความบันเทิงจากฉากบู๊แล้ว Kate แทบจะล้มเหลวในด้านอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านบทหนัง ที่ขาดความแปลกใหม่ ไม่ว่าจะเป็น คาแรคเตอร์ตัวละครที่มาตามสูตรหนังนักฆ่า และหนังยากูซ่า จนไม่มีอะไรให้น่าค้นหา การวางปมตัวละครที่ไม่ชัดเจน พร้อมทั้งการดำเนินเรื่องที่เดาทางได้ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เป็นบทสรุปของเรื่อง ที่หนังพยายามจะหักมุม แต่มันกลับไม่สามารถสร้างเซอร์ไพรส์ให้คนดูได้ แถมยังรีบตัดจบแบบง่าย ๆ จนทำให้กลายเป็นตอนจบที่แห้งแล้ง จืดชืด ไปอย่างน่าเสียดาย

อีกหนึ่งส่วนที่น่าเสียดายคือหนังไม่สามารถใช้งานนักแสดงสมทบได้อย่างคุ้มค่าเท่าที่ควร ทั้ง ๆ ที่หนังเต็มไปด้วยดารา ที่น่าจะสามารถเพิ่มสีสันให้หนังได้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น วู้ดดี้ ฮาร์เรนสัน (Venom: Let There Be Carnage) ,จุน คูนิมูระ (ซีรีส์ The Naked Director) และที่น่าเสียดายที่สุดคือ ไมเคิล ฮิวส์แมน (ซีรีส์ The Flight Attendant) ที่แต่ละคน ต่างมาในบทที่ไม่ต่างจาก ดารารับเชิญ ที่บทถูกนำมาใช้แบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ เพียงเท่านั้น

ในขณะที่ดารานำอย่าง แมรี่ อลิซาเบธ วินสเตท และ มิกุ แพทริเซีย มาร์ตินโน กลับเป็นสองดาราที่สามารถช่วยกันแบกหนังเอาไว้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะ วินสเตท ที่ในเรื่องนี้เธอมาพร้อมบทบู๊ที่จริงจังขึ้น ดิบ และดุดันมากขึ้น ซึ่งเธอก็สามารถถ่ายทอดบทบาทนักบู๊ออกมาได้อย่างน่าชื่นชม ในขณะที่ มาร์ตินนูว์ ก็สามารถเพิ่มสีสันให้หนังด้วยคาแรคเตอร์ที่สร้างรอยยิ้ม และเพิ่มมิติด้านดราม่าให้หนังได้อยู่พอสมควร

โดยรวม Kate ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหนังแอคชั่นจาก Netflix ที่ไม่ได้มีอะไรหวือหวา แตกต่างมาก โดยเฉพาะด้านบทตามสูตรที่เดาทางกันได้ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่กระนั้นหนังก็สามารถทำหน้าที่ในการมอบความบันเทิงแบบป้อปคอร์นได้เป็นอย่างดีในตลอดเวลา 100 นาทีของหนังเรื่องนี้ ใครที่มองหาหนังบู๊ เน้นโหด ไม่เน้นอลังการ ที่มาพร้อมความดิบ เลือดสาด สไตล์ John Wick ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง

สามารถรับชม Kate ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ : Netflix

“เด็กซ์เตอร์” เตรียมกลับมาไล่เชือด

เด็กซ์เตอร์ เตรียมกลับมาไล่เชือด

เตรียมกลับมาไล่เชือดเป็นครั้งสุดท้ายในตัวอย่างเต็มซีรีส์ Dexter: New Blood

หากใครที่เป็นคอซีรีส์สืบสวน อาชญากรรม เชื่อว่าต้องเคยดูซีรีส์ Dexter กันมาแล้วไม่มากก็น้อย เพราะนี่คืออีกหนึ่งซีรีส์ยอดนิยม ที่ว่าด้วยเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่อง ที่มีคาแรคเตอร์เป็นที่รัก และที่จดจำมากที่สุดตัวหนึ่ง และแม้ว่าซีรีส์ชุดนี้จะปิดฉากลงแล้วเป็นเวลา 7 ปี ท่ามกลางความผิดหวังของเหล่าแฟน ๆ ที่มีต่อซีซั่น แต่ล่าสุดซีรีส์ชุดนี้ ก็กำลังจะกลับมาให้แฟน ๆ ได้คิดถึงอีกครั้ง ใน Dexter: New Blood ที่ครั้งนี้จะมารูปแบบ Limited Series (ซีรีส์ขนาดสั้น) ที่เนื้อหาไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาคหลัก ซึ่งล่าสุดทาง Showtime ก็ได้ปล่อยตัวอย่างเต็มของซีรีส์มาให้ได้ชมกันแล้ว ก่อนที่จะฉายในช่วงปลายปีนี้

โดยเรื่องราวของ Dexter: New Blood จะเป็นการเล่าเหตุการณ์ต่อจากซีซั่นที่ 9 ของเนื้อหาหลัก เมื่อ เด็กซ์เตอร์ (ไมเคิล ซี. ฮอลล์) ได้หลบหนี และย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง พร้อมใช้ตัวตนใหม่เป็นเจ้าของร้านขายอาวุธอัธยาศัยดี แต่ระหว่างที่ เด็กซ์เตอร์ กำลังมีความสุขกับตัวตนใหม่นั่นเอง เขาก็ยังมีความโหยหาการล่าอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็ได้เกิดคดีฆาตกรรมขึ้นในเมืองดังกล่าว พร้อมทั้ง เด็กซ์เตอร์ ยังต้องหาทางรอดจากการตามล่าของเจ้าหน้าที่ที่หมายหัวเขาอีกด้วย

ซีรีส์ได้ มาร์คอส เซียก้า (ซีรีส์ You, The Following) มารับหน้าที่กำกับ พร้อมได้ ไคลด์ ฟิลลิปส์ มือโปรดิวเซอร์ขาประจำของซีรีส์ชุดนี้กลับมารับหน้าที่เดิมอีกครั้ง ด้านทีมนักแสดงนำแน่นอนว่าซีรีส์ได้ ไมเคิล ซี. ฮอลล์ (Six Feet Under) กลับมารับบท เด็กซ์เตอร์ อีกครั้ง ด้านนักแสดงสมทบก็ประกอบไปด้วย จูเลีย โจนส์ (ซีรีส์ Goliath), เดวิด มากิดอฟฟ์ (The Morning Show), อนาโน มิลเลอร์ (ซีรีส์ Jane the Virgin) และ แคลนซี่ บราวน์ (Shawshank Redemption) นอกจากนี้ซีรีส์ก็ยังได้ จอห์น ลิตโกว์ (ซีรีส์ The Crown) ที่เคยรับบทฆาตกรคู่ปรับของ เด็กซ์เตอร์ กลับมาร่วมแสดงอีกครั้ง

สำหรับ Dexter เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายของ เจฟฟ์ ลินเซย์ และถูกพัฒนาเป็นซีรีส์โดย เจมส์ มานอส จูเนียร์ (ซีรีส์ Sopranos) เนื้อหาจะว่าด้วยเรื่องราวของ เด็กซ์เตอร์ มอร์แกน ชายหนุ่มอัธยาศัยดี ผู้กลางวันทำงานเป็นเจ้าหน้าที่พิสูจน์เลือดในกรมตำรวจไมอามี่ แต่กลางคืนเขากลับเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ผู้ลงมือฆ่าคนเฉพาะเหล่าคนเลวที่หลุดรอดจากกระบวนการยุติธรรม โดย เด็กซ์เตอร์ จะชื่นชอบการเก็บสะสมเลือดของเหล่าเหยื่อที่เขาได้ลงมือฆ่าเอาไว้ นอกจากนี้เขาก็ยังต้องรับมือกับทั้งตำรวจ และฆาตกรต่อเนื่องคู่ปรับ ที่จะมาเป็นความท้าทายในแต่ละซีซั่น

โดย Dexter: New Blood จะมีความยาวทั้งหมด 10 EP. ซึ่งจะมีกำหนดฉายวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ทางช่อง Showtime ส่วนในไทยก็ต้องมารอลุ้นว่าสตรีมไหนจะได้สิทธินำมาฉาย

Cr.ภาพ : Showtime

ติดตามบทความ ซีรีย์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

ชม Star Wars : Vision ได้ทาง Disney Plus

ชม Star Wars Vision ได้ทาง Disney Plus

ภาพยนตร์เรื่อง Star Wars คงเป็นภาพยนตร์ที่หลายคนนั้นรู้จักเป็นอย่างดี และคงเป็นภาพยนตร์ที่หลายคนนั้นชื่นชอบเป็นอย่างมาก

และคอยติดตามอยู่เสมอว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะเป็นอย่างไร ซึ่งความโด่งดังของ Star Wars นั้น ไม่ได้ตีกรอบแค่ในเรื่องของภาพยนตร์เพียงเท่านั้น ภายหลัง Star Wars ยังได้ถูกนำมาทำเป็นการ์ตูน รวมไปถึงเกมอีกด้วย และล่าสุดก็จะทำเป็นอนิเมะ โดยจะมีชื่อว่า “ Star Wars: Vision

แม้ว่าเราจะเคยดูดูการ์ตูนจากทั่วทุกมุมโลกไม่ว่าจะเป็นของทางฝั่งอเมริกา หรือว่าที่ใดก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยก็คือว่าการ์ตูนของญี่ปุ่นนั้นหรือที่เราเรียกกันว่าอนิเมะนั้น เป็นการ์ตูนที่ทำได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาที่น่าติดตาม ลายเส้นที่สวยงาม ซึ่งแต่ละเรื่องก็จะมีลักษณะแตกต่างกันออกไป อนิเมะของญี่ปุ่นนั้นมีหลายเรื่องเป็นอย่างมากที่นิยมไปถึงต่างประเทศเลยทีเดียว ตัวอย่างเช่นวันพีช นารูโตะ ดาบพิฆาตอสูร หรือ Attack on Titan ที่ในปัจจุบันนี้เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกเลยทีเดียวรวมไปถึงประเทศไทยด้วย แล้วมันจะเป็นอย่างไรถ้าหากว่า Star Wars ได้ถูกนำมาดัดแปลงให้กลายเป็นอนิเมะฉบับญี่ปุ่น ด้วยคราวนี้เป็นการร่วมมือกันระหว่าง LucasFilm ได้เปิดโอกาสให้สตูดิชั้นนำของญี่ปุ่นนั้นได้เล่าเรื่อง Star Wars ในแบบของตัวเองเลยทีเดียว 

Star Wars: Vision ได้ถูกประกาศออกมาเมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้วโดยเป็นชื่อของ “ ซีรีส์อนิเมะสั้น” โดย Star Wars: Vision นั้น จะมีทั้งหมด 7 ตอน ซึ่งในแต่ละตอนนั้นก็จะสร้างโดย Studio ที่แตกต่างกันไป ทำให้เราจะได้เห็นหลายเส้นที่หลากหลาย และเรื่องราวที่หลากหลายนั่นเอง  โดยStar Wars: Vision จะฉายบน Disney Plus เริ่มในวันที่ 22 กันยายนนี้ ถ้าใครเป็นแฟนภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว เรื่องราวในฉบับอะนิเมะญี่ปุ่นนั้นจะถูกเล่าออกมาเป็นอย่างไรจะมีภาพที่สวยงามขนาดไหน ก็คงต้องมาติดตามดูกันใน Star Wars: Vision และก็อย่าลืมไปสมัคร Disney Plus กันด้วยล่ะไม่งั้นไม่ได้ดูนะ

ชม STAR WARS: VISIONS | SPECIAL LOOK | DISNEY+ / สมัคร Disney+

Cr.ภาพ : The Verge

ติดตามบทความ ซีรีย์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

กัปตันมาร์เวลพักก่อน “มิสมาร์เวลมาแว้ววว”

กัปตันมาร์เวลพักก่อน มิสมาร์เวลมาแว้ววว

ซีรีส์ใหม่ของซูเปอร์ฮีโร่วัยกระเตาะทาง Disney+

อย่างที่ทราบกันดีว่าตอนนี้ Disney กับ Marvel สตูดิโอกำลังเริ่มต้นแนวทางใหม่ๆ หลังจากที่จบมหากาพย์ The Avengers : End game ไป พร้อมๆกับการจบลงของบทบาท Ironman ที่โรเบิร์ต ดาวน์นี่ จูเนียร์แบกไว้ร่วมสิบปี กับการจากไปของ สตีฟ โรเจอร์ กัปตันอเมริกา โดยที่ทั้งคู่ไปพร้อมๆกับพล็อตแบบ ได้พลัง à ค้นหาตัวเอง àเป็นคนใหม่ à ผดุงความดี ที่ทางสตูดิโอไม่ได้รังเกียจที่จะใช้มันแต่เมื่อคนดูเริ่มเดาทางได้แล้วก็พร้อมที่จะลองสิ่งใหม่ๆ อย่างที่ได้เห็นกันใน Loki ซีรีส์แนว Antihero

ครั้งนี้ก็มาถึงคิวของฮีโร่ที่ไม่มีชื่อปรากฏอยู่ในความทรงจำคนหมู่มาก แต่อยู่ในคำนิยมของเหล่าแฟนเดนตายDC คอมมิคทั้งหลาย

กามาล่า คาน สาวน้อยมุสลิม ฮีโร่หญิงในซีรีส์ Ms Marvel

Ms Marvel มิสมาร์เวลเป็นคาแรคเตอร์ใหม่ที่ทางมาร์เวลคอมมิคสร้างสรรค์ขึ้นราวๆปี 2013 โดยใช้ตัวละครหญิงวัยรุ่นชาวปากีสถานที่เกิดและเติบโตใน เจอร์ซี่ ซิตี้ นับถือศาสนาอิสลามตามพ่อและแม่ที่อพยพมา

กามาล่า คาน ได้รับพลังจากเหตุบังเอิญในการระเบิดของสสารลึกลับ ที่เปลี่ยนแปลงให้เธอกลายพันธุ์มีพลังเปลี่ยนสภาพร่างกายตัวเองในเชิงวัสดุศาสตร์ พูดง่ายๆคือร่างกายเธอสามารถยืดหดขยายได้ทำให้แข็งหรืออ่อนได้ตามที่ใจปรารถนา ทำให้เธอมีพลังยืดตัวเองและเปลี่ยนแปลงหมัดเท้าให้ขยายใหญ่และแข็งแกร่งแบบสุดๆได้ นอกจากนี้ยังแอบมีพลังรักษาตัวเองอย่างวูล์ฟเวอรีนได้ด้วย

ที่น่าสนใจคือ กามาล่า คาน เป็นเด็กที่โตมากับการเฝ้าติดตามซูปเปอร์ฮีโร่ในโลก หนี่งในนั้นคือ คารอน เดนเวอร์ กัปตันมาร์เวล (นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอเลือกใช้ชื่อ มิสมาร์เวล) ดังนั้นเธอก็จะกรีดกร๊าดไปกับซุปเปอร์ฮีโร่รุ่นเดอะเสมอ เพราะเธอคือแฟนคลับของพวกเขา

ในขณะที่ด้วยความเป็นเด็กวัยรุ่น เธอก็ยังอยู่ในการดูแลของพ่อและแม่อย่างเคร่งครัด และยังต้องเรียนหนังสือที่โรงเรียนเหมือนกับคนอื่นๆ ดังนั้นเธอก็มีประสบการณ์ไม่ต่างอะไรกับปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ แต่ว่าระดับความวุ่นวายของกามาล่า คานจะมากกว่าปีเตอร์อยู่บ้าง เพราะเด็กกว่ามาก และแน่นอนว่าเธอเป็นแฟนคลับของ สไปเดอร์แมน ด้วย

มาร์เวลได้นักแสดงวัยรุ่นอายุ 19 ปี ไอมาน เวลลานี ที่มีเชื้อชาติปากีสถานจริงๆที่อพยพมาอยู่แคนาดา และที่สำคัญเธอไม่เคยมีประสบการณ์แสดงเรื่องไหนมาก่อน

ดิสนีย์วางแผนจะปล่อยเรื่องนี้ลงใน Disney+ ปลายปี 2021 นี้ แต่ว่าเรื่องกำนดเวลาแบบเป๊ะๆยังไม่ระบุชัด อย่างไรก็ดีตัวละคร Ms Mavel จะปรากฏตัวใน The Marvels หนังภาคต่อของ กัปตัน มาร์เวล ด้วย

ติดตามบทความ ซีรีย์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

รีวิวหนัง “The Old Ways”

The Old Ways

หนังสยองขวัญ ที่ว่าด้วยพิธีกรรมไล่ผีแบบเม็กซิกัน ที่มาพร้อมความน่ากลัวสไตล์หนังผีพื้นบ้าน พร้อมความโหด ความระทึกที่ใส่เต็มแบบไม่มีกั้กตลอดทั้งเรื่อง

ไม่บ่อยนักที่เราจะได้เห็นหนังสยองขวัญจากฮอลีวูด ที่มาในแนวไล่ผี ซึ่งนอกจากหนัง The Exorcist และ The Conjuring ก็แทบไม่มีเรื่องไหนโดดเด่น หรือเป็นที่ยอมรับจากคนดู และนักวิจารณ์เท่าที่ควร สำหรับ The Old Ways คืออีกหนึ่งไล่ผีจากปี 2020 ผลงานการกำกับของ คริสโตเฟอร์ อเลนเดอร์ ที่มาพร้อมลีลาการเล่าเรื่องที่แปลกตากว่าหนังไล่ผีของฮอลีวูดเรื่องอื่น ๆ เพราะนี่คือหนังที่ว่าด้วยพิธีกรรมของชาวเม็กซิกัน

โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ คริสติน่า (บริจิต คาลี คานาเลส) นักข่าวสาวที่ได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิดของเธอในประเทศเม็กซิโก ซึ่งเธอก็ได้เข้าไปในถ้ำที่เป็นสถานที่ต้องห้าม จนทำให้เธอได้พบกับพลังอำนาจลึกลับที่เข้ามาสิงร่าง ทำให้หลังจากนั้นคริสติน่า ก็ได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มคนที่เป็นร่างทรง ที่ได้จับเธอมาขัง และทำพิธีเพื่อขับไล่ปีศาจร้ายออกจากรางของเธอ

The Old Ways ถือว่าเป็นหนังสยองขวัญที่เต็มไปด้วยความโดดเด่น และเอกลักษณ์ของตัวเองที่ไม่ซ้ำใครในหลาย ๆ โดยหนังสามารถใช้ประโยชน์จากความเชื่อพื้นบ้าน และวัฒนธรรมของประเทศเม็กซิโก มาถ่ายทอดได้อย่างเต็มที่ จนหนังแทบจะไม่มีความเป็นฮอลีวูดเหลืออยูjเลยแม้แต่น้อย ซึ่งพอมันมาอยู่ในรูปแบบหนังสยองขวัญ มันเลยดูออกมาเป็นหนังที่เล่นกับเรื่องตำนานพื้นบ้าน และความเชื่อของคนท้องถิ่น ที่เพิ่มความน่าขนลุกในแบบที่ไม่เหมือนใคร

ด้านความสยอง ความน่ากลัว ในเรื่องนี้ก็ยังมาตามสูตรหนังไล่ผี ที่เน้นไปที่ตัวคนที่โดนผีเข้าโดยในเรื่องนี้ก็ให้อารมณ์เหมือนหนังไทยอย่างเรื่อง “ลองของ” ที่จะมีเหตุการณ์ชวนขนลุกอย่างการคายเส้นผมออกมาจากปาก หรือการมีสิ่งแปลกปลอมในท้อง ซึ่งงานโปรดักชั่นของหนังก็สามารถถ่ายทอดภาพอันน่าสยดสยองนี้ออกมาได้อย่างสมจริง

นอกจากนี้หนังก็สามารถทำหน้าที่ในการมอบความบันเทิงให้อย่างเต็มที่ ด้วยความที่หนังไม่เสียเวลาในการปูเรื่องแต่อย่างใด แต่เลือกที่จะใส่ความน่ากลัวเข้าไปในเรื่องตั้งแต่ฉากเปิด และค่อย ๆ ทยอยปล่อยออกมาตลอดทั้งเรื่อง ทั้งนี้เพราะหนังเลือกที่จะเล่าปมของตัวละครในช่วงระหว่างเรื่อง อย่างค่อยเป็นค่อยไปผ่านบทสนทนาของตัวละคร ทำให้ตลอดทั้งเรื่องของหนังแทบไม่มีจังหวะให้รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนเลยแม้แต่ฉากเดียว

แต่ก็ด้วยความที่หนังเลือกที่จะไม่ปูเรื่องราวนี้เช่นกันที่ทำให้หนังค่อนข้างมีปัญหาในด้านมิติของตัวละคร ทั้ง ๆ ที่คาแรคเตอร์ต่าง ๆ ในเรื่องเต็มไปด้วยปม และมิติที่น่าสนใจ แต่หนังกลับสามารถเล่นกับประเด็นเหล่านี้ได้เพียงผิวเผินเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม The Old Ways ก็นับได้ว่าเป็นหนังแนวไล่ผียุคหลัง ๆ ที่ทำออกมาได้สนุก ชวนติดตามตลอดทั้งเรื่องในแบบที่ไม่ซ้ำใคร แถมยังเปี่ยมด้วยคุณภาพทั้งด้านการเล่าเรื่อง และ โปรดักชั่น สำหรับคอหนังสยองขวัญที่กำลังรอดู “ร่างทรง” ที่ยังไม่มีกำหนดฉายเข้าไทย หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เหมาะแก่การดูแก้ขัด ที่ไม่อยากให้พลาดเป็นอย่างยิ่ง

สามารถรับชม The Old Ways ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ : IMDB / Rotten Tomatoes

ติดตามบทความ ซีรีย์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง