รีวิวหนัง “Pieces of a Woman” หนังดราม่า สุดสะเทือนอารมณ์ ลองเทคสุดสมจริง

Pieces of a Woman H

Pieces of a Woman คืออีกหนึ่งหนังดราม่าน้ำดีจาก Netflix ที่ได้เข้าฉายไปเมื่อช่วงต้นปีที่่ผ่านมา ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือนี่เป็นผลงานการกำกับเรื่องใหม่ของ คอร์เนล มุนดรูโช ผู้กำกับชาวฮังการีเจ้าของผลงาน White God (2014)

ซึ่งผลงานเรื่องนี้ก็เป็นหนังสัญชาติอเมริกันเรื่องแรกของเขา พร้อมทั้งการแสดงของ วาเนสซ่า เคอร์บี้ (Mission Impossible: Fall Out) ที่ได้สร้างความประทับใจ จนสามารถเข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมของปีนี้อีกด้วย

โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ มาร์ธา (วาเนสซ่า เคอร์บี้) หญิงสาวที่กำลังจะคลอดลูกคนแรกของเธอ และฌอน (ไชอา ลาบัฟ) สามีของเธอ โดย มาร์ธา ได้ทำการตัดสินใจที่จะทำการคลอดลูกที่บ้าน โดยจ้างพยาบาลคุมครรภ์ มาช่วยทำคลอดให้ แต่ทว่าหลังจากทำคลอดจนเด็กออกมาได้

ก็เกิดความผิดพลาดทางเทคนิคบางอย่างที่ทำให้ลูกของ มาร์ธา ก็เสียชีวิตในท้ายที่สุด หลังจากการสูญเสียลูกไป วาเนสซ่า และฌอน ต่างก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากเหตุการณ์ดังกล่าว จนทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองค่อย ๆ เลวร้ายลง ส่วน มาร์ธา ก็ต้องตัดสินใจว่าจะบริจาคร่างกายของลูก หรือจะยอมทำพิธีศพตามหลักศาสนา พร้อมทั้งยังต้องตัดสินใจว่าจะทำการเอาผิดตัวผู้คุมครรภ์ของเธอหรือไม่ ทางเดียวที่ มาร์ธา จะสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ คือเธอต้องก้าวผ่านความเจ็บปวดนี้ไปให้ได้

ความดีงามของ Pieces of a Woman คือการเป็นหนังดราม่า ที่มาพร้อมเทคนิคการเล่าเรื่องที่ท้าทาย และมีชั้นเชิง และสามารถงัดการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดงแต่ละคนออกมาได้อย่างยอดเยี่่ยม โดยหนึ่งในส่วนที่น่าชื่นชมของหนังเรื่องนี้ที่ไม่พูดไม่ได้คือลองเทค ในหนัง ที่ช่วยบรรยายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังได้ชวนน่าติดตาม ด้วยความที่หนังเป็นหนังชีวิต ที่ไม่ได้มีฉาก หรือเนื้อหาที่ชวนหวือหวามากนัก แต่เมื่อหนังถ่ายทำแบบลองเทค ทำให้หนังสามารถตรึงคนดูให้อยากติดตาม และจดจ่อกับฉาก ๆ นั้นไปจนจบ

หนึ่งในฉากที่ยอดเยี่ยม และกลายเป็นจุดขายของหนังเรื่องนี้ คือฉากคลอดลูกในช่วงต้นเรื่อง ที่เป็นลองเทคความยาวประมาณ 30 นาที ฉากนี้ได้ถ่ายทอดเหตุการณ์ที่สมจริง พร้อมทั้งบรรยายถึงความสัมพันธ์ระหว่าง มาร์ธา และฌอน ในช่วงที่ทั้งสองยังรักกันดีสอดแทรกมาในฉากเป็นระยะ ๆ ได้อย่างชาญฉลาด

พร้อมทั้งหนังก็ได้ถ่ายทอดกราฟเหตุการณ์ ตั้งแต่ช่วงเวลาที่สงบสุข, ช่วงเวลาที่วิกฤต, ช่วงเวลาแห่งความหวัง ไปจนถึงช่วงเวลาแห่งความสะเทือนใจ ที่ตลอดเวลาของฉากนี้ มีให้คนดูครบทุกอารมณ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ จึงไม่แปลกใจเลยหากฉากลองเทคนี้จะถูกจารึกไว้ว่าเป็นอีกหนึ่งฉากที่ดีที่สุดในวงการภาพยนตร์ยุคหลัง ๆ

ส่วนการแสดงของทีมนักแสดงนำต้องขอชื่นชม วาเนสซ่า เคอร์บี้ ที่ถ่ายทอดบทหญิงสาวที่แตกร้าวในจิตใจออกมาได้ยอดเยี่ยม ตลอดช่วงเวลาของหนังคนดูจะได้สัมผัสความปวดร้าวของตัวละครมาร์ธา และอยากร่วมเอาใจช่วยเธอในการก้าวผ่านความเจ็บปวดครั้งนี้ โดยเฉพาะฉากคลอดลูกในต้นเรื่อง ที่วาเนสซ่า สามารถถ่ายทอดความรู้สึกต่าง ๆ ของคนที่ทรมานเพราะการคลอดลูกได้อย่างสมจริง

ส่วนอีกหนึ่งการแสดงที่ช่วยรับส่งการแสดงของวาเนสซ่า ได้อย่างลงตัว คือการแสดงของ ไชอา ลาบัฟ ที่รับบท ฌอน สามีของ มาร์ธา ที่ต้องทรมานกับเหตุการณ์การสูญเสียดังกล่าวไม่แพ้กัน บทบาทนี้ยังเป็นอีกบทของชายที่มีปัญ เหาด้านอารมณ์ และสังคม ที่เป็นสไตล์การแสดงของ ลาบัฟ ในช่วงหลัง ๆ เมื่อการแสดงชองเขา บวกกับการแสดงของ วาเนสซ่า ก็ได้กลายเป็นฉากดราม่าที่ทรงพลังมาก ๆ ของหนังเรื่องนี้

ด้านบทของ Pieces of a Woman เป็นหนังที่มีหลากหลายประเด็นซ่อนอยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเป็นการก้าวผ่านความปวดร้าวหลังการสูญเสีย, ปัญหาชีวิตคู่ และปัญหาครอบครัว ซึ่งบทหนังก็ได้มีการเฉลี่ยเรื่องราวในแต่ละพาร์ทออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการที่หนังเลือกจะเล่าแบบเป็นเหตุการณ์ออกเป็นช่วงเวลาแต่ละช่วง ที่เหตุการณ์เหล่านั้นเว้นระยะห่างกันเป็นเดือน ๆ ทำให้คนดูได้เห็นพัฒนาตามช่วงชีวิตของตัวละครได้ชัดเจนมากขึ้น

แต่ส่วนที่น่าเสียดายคือด้วยความที่หนังแบ่งเป็นหลายประเด็น หลายเหตุการณ์ ทำให้หนังเรื่องนี้มีพาร์ทดราม่าที่ส่งอารมณ์ได้ไม่สุดเท่าที่ควร บางช่วงหนังถ่ายทอดแบบครึ่ง ๆ กลาาง ๆ แล้วปล่อยให้คนดูได้คิดต่อ ทำให้หนังไม่สามารถเล่นกับความรู้สึกของคนดูได้ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะในช่วงท้าย ที่จบลงแบบอารมณ์ดราม่าที่ไม่สุดเท่าที่ควร เหมือนว่าเพราะหนังใส่พลังงานทั้งหมดลงไปที่ช่วงต้นเรื่อง กลางเรื่องไปหมดแล้ว แต่ถึงกระนั้นจุดเสียนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาที่หนักหนาสาหัสนัก เพราะท้ายที่สุด Pieces of a Woman ก็สามารถบรรลุผลของเนื้อหาที่ต้องการจะสื่อสารได้อย่างเสร็จสมบูรณ์ในท้ายที่สุด

โดยรวม Pieces of a Woman ถือว่าเป็นหนังดราม่า ระดับคุณภาพอีกเรื่องของ Netflix ที่คอหนังรางวัล หรือคนที่ชอบหนังขวัญใจนักวิจารณ์ ไม่ควรพลาด ด้วยลูกเล่นการนำเสนอที่น่าสนใจ พร้อมการแสดงที่ยอดเยี่ยมของทีมนักแสดงนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วาเนสซ่า เคอร์บี้ จึงไม่เป็นเรื่องที่น่าแปลกแต่อย่างใดที่หนังเรื่องนี้จะสามารถเข้าชิงรางวัลแสดงนำหญิงจากหลาย ๆ เวที พร้อมทั้งน่าจะเป็นงานที่ทำให้ชื่อของนักแสดงสาวสวยผู้นี้เป็นที่จับตามองในอนาคต

โดยรวม Pieces of a Woman ถือว่าเป็นหนังดราม่า ระดับคุณภาพอีกเรื่องของ Netflix ที่คอหนังรางวัล หรือคนที่ชอบหนังขวัญใจนักวิจารณ์ ไม่ควรพลาด ด้วยลูกเล่นการนำเสนอที่น่าสนใจ พร้อมการแสดงที่ยอดเยี่ยมของทีมนักแสดงนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วาเนสซ่า เคอร์บี้ จึงไม่เป็นเรื่องที่น่าแปลกแต่อย่างใดที่หนังเรื่องนี้จะสามารถเข้าชิงรางวัลแสดงนำหญิงจากหลาย ๆ เวที พร้อมทั้งน่าจะเป็นงานที่ทำให้ชื่อของนักแสดงสาวสวยผู้นี้เป็นที่จับตามองในอนาคต

Cr. ภาพ : IMDB / Rotten Tomatoes

ติดตามบทความ ซีรีส์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

“เจสัน โมมัวร์” ต้องต่อสู้กับ “เดฟฟ์ บาทิสต้า” ท่ามกลางโลกล่มสลายในตัวอย่าง See ซีซั่น 2

เจสัน โมมัวร์ ต้องต่อสู้กับ เดฟฟ์ บาทิสต้า ท่ามกลางโลกล่มสลายในตัวอย่าง See ซีซั่น 2

แม้จะเป็นสตรีมที่ยังมีคอนเทนต์ไม่เยอะเหมือนค่ายคู่แข่ง แต่ Apple TV+ ก็ถือว่าเป็นสตรีมที่อัดแน่นไปด้วย หนัง, ซีรีส์ และสารคดีคุณภาพมากที่สุด โดยในปี 2021 นี้ ทางสตรีมดังกล่าวก็ได้เตรียมปล่อยคอนเทนต์คุณภาพมาให้ดูกันแบบต่อเนื่อง

โดยเฉพาะในครึ่งหลังของปีนี้ ที่มีซีรีส์ฟอร์มยักษ์เตรียมให้ได้ชมกันแบบเดือนต่อเดือนกันเลยทีเดียว อีกหนึ่งคอนเทนต์ที่กำลังจะมีซีซั่นที่ 2 ในปีนี้ของ Apple TV+ ก็คือ See ซีรีส์แนว Post-Apocalypse ที่เมื่อไม่นานมานี้ก็พึ่งปล่อยตัวอย่างแรกของซีรีส์ออกมาให้ได้ชมกันแล้ว

โดย See ซีซั่น 2 จะเป็นการเล่าเรื่องราวการผจญภัยของ บาบา วอสส์ (เจสัน โมมัว) ที่ต้องตามหาครอบครัวของเขาที่พลัดพรากกันไปในซีซั่นแรก โดย บาบา ต้องการพาตนเอง และครอบครัวหลบหนีออกจากดินแดนที่เต็มไปด้วยสงคราม และความขัดอย้งทางการเมือง แต่ทว่าครั้งนี้ บาบา ก็ต้องเผชิญหน้ากับ เอโด วอสส์ (เดฟฟ์ บาทิสต้า) น้องชายของเขา ที่เข้ามาขัดขวางการตามหาครอบครัวของเขาในครั้งนี้

ความน่าสนใจของ See ซีซั่น 2 คือการเล่นประเด็นการเมือง สงคราม การต่อสู้ ในโลกยุค Post-Apocalyse ได้ชวนติดตามมากยิ่งขึ้น มีการเล่นสเกลที่ใหญ่ขึ้น พร้อมประเด็นความสัมพันธ์ของ บาบา และเอโด ที่น่าจะเป็นสีสันที่ทำให้ซีรีส์สนุกมากยิ่งขึ้น

เพราะซีรีส์ก็ได้ เดฟฟ์ บาทิสต้า (Army of the Dead) มาร่วมแสดง ถือว่าเป็นอีกบทบาทที่น่าจับตาว่านักมวยปล้ำ/นักแสดงผู้นี้ จะถ่ายทอดบทนี้ออกมาอย่างไร นอกจากนี้ดูเหมือนว่าซีซั่นนี้ ซีรีส์จะเล่าเรื่องราวในพื้นหลังที่เป็นประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากในตัวอย่างเราจะได้เห็นชุดออกรบของตัวละครที่มีความคล้ายกับชุดของซามูไร ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเราอาจได้เห็นลีลาการต่อสู้แบบซามูไรในซีซั่นนี้ด้วยก็เป็นได้

สำหรับ See เป็นซีรีส์ที่ว่าด้วยโลกหลังการล่มสลาย เมื่อมนุษยชาติได้เกิดโรคระบาดปริศนา ที่ทำให้ผู้คนทั้งโลกสูญเสียการมองเห็นไป ส่วนโลกก็กลับสู่ดินแดนที่อุดมไปด้วยธรรมชาติอีกครั้ง ด้านมนุษย์ที่เหลือรอดก็ได้มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกออกเป็นสองฝ่าย

เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อ บาบา หัวหน้าเผ่าของเหล่าผู้รอดชีวิต ได้ช่วยเหลือ มักห์รา (เฮร่า ฮิลมาร์) หญิงสาวที่ตั้งท้องเข้ามาร่วมเผ่า และให้เธอเป็นภรรยาของเขา จนกระทั่งเมื่อ มักห์รา ได้คลอดลูกของเธอออกมา ก็พบว่าลูกฝาแฝดของเธอนั้นสามารถมองเห็นแบบคนปกติได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้ บาบา มักห์์รา และลูก ๆ ของเขา ต้องถูกหมายหัวจากคนอีกกลุ่มที่เป็นคู่ปรับคนสำคัญของพวกเขา

ซีรีส์สร้างสรรค์โดย สตีเฟ่น ไนท์ (Peaky Blinders, Taboo) นำแสดงโดย เจสัน โมมัวร์ (Aquaman), ซิลเวียร์ โฮคส์ (Blade Runner 2049), เฮร่า ฮิลมาร์ (Mortal Engines), อาร์ชี่ มาร์เดคเว (Midsomar), เนสต้า คูเปอร์ (Bliss) และคริสเตียน คาร์มาโก (ซีรีส์ Penny Dreadful)

โดย See ซีซั่น 2 จะมีกำหนดฉาย 27 สิงหาคมนี้ บนสตรีม Apple TV+ เท่านั้น

Cr.ภาพ : IMDB

ติดตามบทความ ซีรีส์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com