ที่มาพร้อมความโหดแบบจัดเต็ม พร้อมเนื้อหาที่รุนแรง และเต็มไปด้วยปรัชญา ที่จะพาทุกคนไปตั้งคำถามว่า’ความดี’ คืออะไร?
อีกหนึ่งผลงานซีรีส์ฟอร์มยักษ์จาก Netflix ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนชื่อเดียวกันในแอ้ป Web Toon พร้อมได้ ยอนซังโฮ ผู้กำกับจาก Train to Busan มานำทีมสร้าง โดยตัวซีรีส์จะว่าด้วยเรื่องราวของโลก ที่ได้เกิดเรื่องเหนือธรรมชาติขึ้น คือมีผู้คนได้ถูกฆาตกรรมโดยสัตว๋ประหลาดที่ถูกเรียกว่า ‘ทูต’ ทกคนที่ถูก ทูตลงมือฆ่าร่างจะถูกเผาใหม้เป็นตอนตะโก และจะได้รับสัญญาณเตือนจากสิ่งที่เรียกว่า ‘พระเจ้า’ เพื่อกำหนดวันที่จะถูกสังหารเพื่อลงนรก
หลังจากที่มีคนจำนวนหนึ่งถูกสังหารโดยทูต ก็ได้มีกลุ่มคนที่ก่อตัวเป็นลัทธิ ที่บูชาพระเจ้า ที่เชื่อว่าคนที่ถูกทูตสังหารนั้นคือคนชั่วคนบาป จนนำมาสู่การล่าแม่มดเหล่าคนที่คิดต่าง และคนที่จะถูกทูตสังหาร เพื่อประณาม และลงโทษคนเหล่านั้น
จากพลอตเรื่องเบื้องต้น ทำให้หลายคนคิดว่า Hellbound คือซีรีส์แอคชั่น สยองขวัญ วันสิ้นโลก แบบเดียวกับ Train to Busan แต่แท้จริงแล้วตัวซีรีส์เรื่องนี้คือแนวดราม่า ระทึกขวัญ ที่พูดถึงด้านมืดของจิตใจคนเป็นหลัก โดยส่วนที่ซีรีส์โฟกัสกลับไม่ใช่ตัวทูต หรือความดาร์กแฟนตาซีในเรื่องแต่อย่างใด แต่ส่วนที่ซีรีส์เลือกที่จะโฟกัสคือการกระทำต่าง ๆ ของกลุ่มลัทธิ ที่นำมาสู่ความเข้มข้น และเรื่องราวทั้งหมด
แม้ว่าจะดูเป็นแนวซีรีส์ที่ค่อนข้างฉีกจากซีรีส์เกาหลีที่คุ้นเคย แต่ Hellbound กลับมาพร้อมประเด็นการเล่าเรื่องที่ร่วมสมัย โดยเฉพาะในยุคนี้ ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งทางความคิด การล่าแม่มดในโลกออนไลน์ พร้อมทั้งการตั้งคำถามกับคนดูถึงนิยามคำว่า ‘คนดี’ ได้อย่างแยบยลคมตัวซีรีส์เลือกใช้การเล่าเรื่องแบบที่ไม่มีตัวเอกชัดเจน ทุกตัวละครในเรื่องต่างมีความเป็นสีเทา ไม่มีใครเป็นคนดี หรือคนเลวโดยแท้จริง แต่ซีรีส์ให้คนดูได้ตัดสินเอาเองว่าจะมองว่าใครคือตัวเอก ใครคือคนดีของเรื่อง
ส่วนในด้านของงานโปรดักชั่นของ Hellbound ก็เรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีเยี่ยมสมกับความเป็นซีรีส์ฟอร์มยักษ์ ทั้งในด้านการสร้างสรรค์ฉากแฟนตาซีที่ลื่นไหลสมจริง คาแรคเตอร์ของตัวทูต มีความน่ากลัว และทรงพลังอยู่ในตัว พร้อมทั้งการสร้างสรรค์ฉากการฆ่า การนำเสนอศพในเรื่องที่ดูโหดร้าย น่าสะเทือนใจ จนสยองชวนติดตา
การแสดงของซีรีส์เรื่องนี้เรียกได้ว่านักแสดงทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม ทุกคนแสดงได้แบบไม่ห่วงสวย ห่วงหล่อ และนำเสนอด้านดาร์คสุด ๆ ของตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะบทของ ยูอาอิน (#Alive) ที่รับบทหัวหน้าลัทธิ ที่เต็มไปด้วยความลึกลับ ความเท่ และสามารถดึงดูดผู้ชมได้อย่างยอดเยี่ยม
ในส่วนของข้อเสีย ยังคงเป็นปัญหาสไตล์เดิม ๆ ของซีรีส์ Netflix ที่มักจะเล่าเรื่องแบบไม่เคลียร์เพื่อปูปมไปต่อ ซีซั่นต่อไป ทำให้เนื้อหาบางอย่างถูกเล่าแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไปไม่สุดเท่าที่ควร นอกจากนี้สเกลของเรื่องที่พยายามทำเป็นเหตุการณ์ระดับโลก แต่ซีรีส์กลับไม่สามารถทำให้เรารู้สึกว่าเนื้อหาใหญ่ระดับโลกได้ แต่กลับทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องราวเกิดขึ้นเพียงแต่ในเกาหลีใต้เท่านั้
อย่างไรก็ตาม Hellbound อาจเป็นซีรีส์ที่ไม่ได้เหมาะกับทุกคนขนาดนั้น เพราะซีรีส์ไม่ได้ขายความแมส ความระทึกสูตรสำเร็จ แต่นี่คือซีรีส์ปรัชญา ที่มาพร้อมการตั้งคำถามกับคนดูว่า ‘ความดี’ คืออะไร ความน่ากลัวในเรื่องอาจไม่ไดมาจากฉากการฆ่าที่สยดสยอง แต่คือจิตใจมนุษย์ ที่ยากแท้หยั่งถึง หากใครที่ชอบซีรีส์ที่ดูแล้วได้คิดต่อ และทำให้เกิดคำถามในหัว พร้อมการเล่าสเรื่องที่ดีเยี่ยมต่างจากซีรีส์เกาหลีที่ผ่านมา นี่คืออีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรพลาด
สามารถรับชมซีรีส์ Hellbound ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix
Cr.ภาพ : Hinecinema
ติดตามบทความ ซีรีส์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com
FB : รวมพลคนบันเทิง