Wrath of Man หนังแอคชั่น อาชญากรรมเรื่องล่าสุดของ กาย ริตชี่ย์

Wrath of Man

เจสัน สเตทแฮม รับบทเป็นคนขับรถขนเงินสุดเดือด ในตัวอย่างเต็ม Wrath of Man หนังแอคชั่น อาชญากรรมเรื่องล่าสุดของ กาย ริตชี่ย์

ใครที่กำลังคิดถึงหนังแอคชั่น อาชญากรรม สไตล์ กาย ริตชี่ย์ เตรียมรอดูผลงานจากแกกันไปยาว ๆ ได้เลยเพราะหลังจากที่ปีที่แล้วเราได้ชมผลงาน The Gentlemen หนังอาชญากรรมตลกร้ายของเจาพ่อค้ากัญชาไปแล้ว ในปีนี้เรากำลังจะได้ชมอีกหนึ่งผลงานสุดเดือดของเขาในหนังที่มีชื่อว่า Wrath of Man ที่เตรียมจะเข้าฉายในโรงบ้านเราเดือน พฤษภาคมนี้

โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ H (เจสัน สเตทแฮม) ชายลึกลับที่ทำงานเป็นคนขับรถขนเงินจำนวนมหาศาลไปทั่วเมืองลอส แองเจลิส แต่ทว่างานที่เหมือนจะง่ายดายนี้ มันก็เต็มไปด้วยอันตราย โดยเฉพาะจากเหล่าอาชญากรที่หวังจะมาปล้นเงิน ทำให้ด้าน H ที่เป็นคนดูแลการส่งเงินนี้ก็ไม่ธรรมดา เพราะเขามีสกิลที่จะสามารถลุยกับใครก็ตามที่มาขวางทางภารกิจขนเงินของเขา และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความมันส์ครั้งใหม่

Wrath of Man

ตัวหนังได้ กาย ริตชี่ย์ มารับหน้าที่กำกับ และเขียนบทร่วมกับ มาร์น เดวี่ย์ และอีแวน แอทคินสัน สองมือเขียนบทที่เคยร่วมงานกับ ริตชี่ย์มาแล้วใน The Gentlemen โดยหนังเรื่องนี้ก็เป็นงานที่รีเมคมาจากหนังฝรั่งเศสเรื่อง “Le Convoyeur” หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า “Cash Truck” ที่ฉายในปี 2004

Wrath of Man

หนังได้ เจสัน สเตทแฮม (Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw) มารับบทนำ และสมทบด้วย สก้อต อีสต์วู้ด (The Outpost) จอช ฮาร์เนท (ซีรีส์ Penny Dreadful)

เจฟฟรี่ย์ โดโนแวน (Sicario: Day of the Soldado) เอ็ดดี้ มาร์สัน (The Gentlemen) และนักร้องดังอย่าง โพสต์ มาโลน (Spenser Confidential) มาร่วมสร้างสีสันอีกด้วย

Wrath of Man

นอกจากนี้ Wrath of Man ก็ถือว่าเป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของ ริตชี่ย์ และนักแสดงคู่บุญอย่าง เจสัน สเตทแฮม ในรอบ 16 ปี นับจาก Revolver ในปี 2005 ซึ่งนอกจาก Wrath of Man แล้ว ผลงานต่อไปของ ริตชี่ย์ที่เป็นหนังแอคชั้น สายลับ เราก็จะได้เห็นทั้งคู่กลับมาร่วมงานด้วยกันอีกเช่นกัน

Wrath of Man
กาย ริตชี่ย์ news-emtertainments.com

สำหรับ กาย ริตชี่ย์ คือผู้กำกับชื่อดังอีกคนหนึ่งของฮอลลีวูดที่ผลงานของเขาหลาย ๆ เรื่องเป็นที่ยอมรับ และที่พูดถึงมาจนทุกวันนี้ ด้วยสไตล์งานที่มักจะพูดถึงเรื่องอาชญากรรม ด้านมืดของมนุษย์ ให้ออกมาดูเบาสมอง และชวนติดตาม

โดยงานแจ้งเกิดของเขาคือ Lock, Stock and Two Smoking Barrels ปี 1998 และโด่งดังใน Snatch ปี 2000 ก่อนที่เขาจะได้จับโปรเจคใหญ่ครั้งแรกกับ Sherlock Holmes ปี 2009 จนเมื่อปี 2019 ริตชี่ย์ ก็ได้รับโอกาสจาก Disney ให้ทำหนัง Aladdin ฉบับคนแสดง ซึ่งด้วยการฉีกแนวในครั้งนี้ทำให้หนังได้รับกระแสตอบรับที่ไม่ดีนัก ก่อนที่ท้ายที่สุด ริตชี่ย์ ก็กลับมาคืนฟอร์มอีกครั้งจากการกำกับ The Gentlemen ที่ฉายเมื่อปี 2019

โดย Wrath of man จะมีกำหนดฉายในไทย 6 พฤษภาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

Wrath of Man

#Wrath of man #เจสัน สเตทแฮม #กาย ริตชี่ย์ #หนังแอคชั่น อาชญากรรม #ซีรีย์ หนัง #news entertainments.com

Cr.ภาพ : เว็บไซต์ IMDB

บ้อบ โอเดนเคิร์ก เป็นพ่อบ้านนักฆ่า ใน “Nobody” หนังแอคชั่นจากผู้เขียนบท John Wick

Nobody คนธรรมดานรกเรียกพี่

ใครที่เป็นคอหนังแอคชั่น ล้างแค้น เตรียมนับถอยหลังพบกับนักฆ่าคนใหม่ ในหนังเรื่อง Nobody “คนธรรมดานรกเรียกพี่” ที่ครั้งนี้มาในมาดที่แปลกตากว่าเดิม เพราะเขาคือนักฆ่าที่เบื้องหน้าคือหัวหน้าครอบครัว ที่ดูแสนจะธรรมดา และอบอุ่น เหมือนไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่แท้จริงแล้วเขามีด้านมืดบางอย่างที่ซ่อนอยู่ ซึ่งใครที่อยากเสพความมันส์แบบถึงใจรอชมกันได้เลยในช่วงสงกรานต์นี้

Nobody คนธรรมดานรกเรียกพี่

สำหรับ Nobody จะว่าด้วยเรื่องราวของ ฮัทช์ แมนเซลล์ (บ้อบ โอเดนเคิร์ก) คุณพ่อและสามีที่สุดแสนจะธรรมดา ที่วันหนึ่งได้มีโจรบุกเข้ามาในบ้านของเขา และขโมยของมีค่าไป แต่ด้าน ฮัทช์ ก็กลับไม่ได้ทำท่าทีต่อสู้หรือขัดขืนใด ๆ เพราะเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้เกิดความรุนแรง จากเหตุการณ์นี้ก็ได้ทำให้ทั้งลูก ๆ ของเขา รวมถึงภรรยาก็ได้ตีตัวออกห่างเพราะมองว่า ฮัทช์ขี้ขลาด

ด้วยเหตุนี้ ฮัทช์ เลยเริ่มระเบิดความเดือดดาลในใจ และได้ปลุกสันชาตญาณนักฆ่าของเขาที่ซ่อนอยู่ให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้น ฮัทช์ ก็เริ่มออกล่าใครก็ตามที่ทำลายเขา และครอบครัว เพื่อมารับผิดอย่างสาสม

Nobody คนธรรมดานรกเรียกพี่

Nobody เป็นผลงานการกำกับของ อิลยา ไนซูเลอร์ ผู้กำกับที่เคยระเบิดความมันส์มาแล้วใน Hardcore Henry พร้อมได้ เดเรค โคลสแตด มือเขียนบทจาก John Wick ทั้ง 3 ภาค มาร่วมเขียนบทให้ นอกจากนี้ยังได้ เดวิด ลิตช์ ผู้กำกับจาก Deadpool 2 และ Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw มารับหน้าที่อำนวยการสร้างอีกด้วย งานนี้รับประกันได้เลยว่าเดือด มันส์ อย่างแน่นอน

Nobody คนธรรมดานรกเรียกพี่

อีกสิ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้สำหรับ Nobody ก็คือการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ บ้อบ โอเดนเคิร์ก พระเอกของเรื่อง ซึ่งที่ผ่านมาหลาย ๆ คนน่าจะจดจำเขาได้จากบทดราม่า คอเมดี้ อย่าง ซอล กู้ดแมน จากซีรีส์ Breaking Bad และ Better Call Saul และบทบาทเบื้องหลังด้วยการเป็นผู้เขียนบทให้หนัง และซีรีส์หลาย ๆ เรื่อง ด้วยความที่เป็นการฉีกแนวมาเล่นบทบู๊เป็นครั้งแรก โอเดนเคิร์ก ในวัย 58 ปีก็ได้ลงทุนเล่นฉากแอคชั่นในเรื่องนี้เองทั้งหมด ซึ่งเขาก็ได้ทุ่มเทเวลาซ้อมคิวบู๊นานกว่า 2 ปี โดยใช้เวลา ฝึกฝนร่างกายวันละ 2 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ฉากต่อสู้ที่มันส์ เดือดสมการรอคอย

Nobody คนธรรมดานรกเรียกพี่

ซึ่งในตอนนี้ Nobody ก็ได้ทำการฉายแล้วที่อเมริกา พร้อมได้เสียงตอบรับอย่างยอดเยี่ยมด้วยคะแนนจากนักวิจารณ์ในเว็บไซต์ Rotten Tomatoes สูงถึง 81% และคะแนนจากฝั่งคนดูสูงถึง 95% ส่วนแฟนหนังแอคชั่นชาวไทยจะได้ชม Nobody ในวันที่ 13 มีนาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

ตัวอย่าง Nobody

#Nobody #คนธรรมดานรกเรียกพี่ #ซีรีย์ หนัง #news-entertainments.com

Cr. ภาพ : เว็บไซต์ Rotten Tomatoes

รีวิว Judas and the Black Messiah

Judas and the Black Messiah

Judas and the Black Messiah หนังดราม่า เนื้อหาเข้มข้น ที่มาพร้อมบทที่ทรงพลัง และการแสดงที่น่าขนลุก

เรียกได้ว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่มาได้ถูกจังหวะ ถูกช่วงเวลามาก ๆ สำหรับ Judas and the Black Messiah อีกหนึ่งหนังตัวเต็งออสการ์ของปีนี้ ที่เข้าชิงไปทั้งสิ้นถึง 6 สาขา โดยความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือการที่หนังเรื่องนี้มันได้พูดถึงการต่อสู้ระหว่างชนชั้นล่าง คนผิวสี และอำนาจรัฐที่มีความอยุติธรรมซ่อนอยู่

ซึ่งหากมองภายนอกมันอาจเป็นเหมือนหนังที่ว่าด้วยความขัดแย้งด้านสีผิวของอเมริกา ที่เป็นที่นิยมของนักทำหนังยุคหลัง ๆ แต่ภายในของหนังเรื่องนี้มันได้ซ่อนด้วยเรื่องราวของมิตรภาพ ความรัก และการเสียสละ ที่ดูแล้วชวนสะเทือนใจมาก ๆ เรื่องหนึ่ง

Judas and the Black Messiah

Judas and the Black Messiah จะว่าด้วยเรื่องราวเหตุการณ์จริงสุดอื้อฉาวของอเมริกาในช่วงยุค 60-70 ที่ได้มีกลุ่มคนที่ออกมาเรียกร้องสิทธิ และทำการปฏิวัติ ที่มีชื่อว่า อิลลินอยส์ แบล็ค แพนเตอร์ ปาร์ตี้ ที่มี เฟรด แฮมป์ตัน (แดเนียล คารูย่า) ที่เป็นที่เคารพ ยำเกรงของเหล่าสมาชิกในกลุ่ม

รวมถึงเหล่ากลุ่มเรียกร้องสิทธิกลุ่มอื่น ๆ เหตุการณ์ของหนังเริ่มขึ้นเมื่อ วิลเลี่ยม โอ นีล (ลาคีธ แสตนฟีลด์) หัวขโมยที่ชอบแอบอ้างว่าตนเป็นเจ้าหน้าที่ FBI เพื่อขโมยเงิน และรถของคนอื่น จนวันหนึ่่งเขาถูก รอย มิตเชลล์ (เจสซี่ พลีมอน) เจ้าหน้าที่ FBI ตัวจริงจับกุม

และด้วยโทษสถานหนัก ทำให้ รอยได้ยื่นข้อเสนอให้ โอ นีล ทำการลอบเข้าไปเป็นหนังในสมาชิกของกลุ่ม อิลลินอยส์ แบล็ค แพนเตอร์ ปาร์ตี้ เพื่อส่งข่าวของ แฮมป์ตัน และพรรพวก ซึ่งทางด้าน โอ นีล ก็หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้ว FBI มีแผนการที่อันตราย และชั่วร้ายกว่าที่เขาคิดไว้หลายเท่า

Judas and the Black Messiah

ถ้ามองโดยภาพรวมของ Gerne หนังเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงนำ Judas and the Black Messiah ไปเปรียบเทียบกับ The Trial of the Chicago 7 ที่เข้าฉายใน Netflix เมื่อปีที่แล้ว ด้วยความที่หนังทั้งสองเรื่องพูดถึงประเด็นการเมือง และความอยุติธรรมของรัฐ หรือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

แต่กระนั้นหนังทั้งสองเรื่องกลับมีโทนเรื่อง และวิธีการนำเสนอที่ไปคนละทิศทางโดยสิ่นเชิง ใน Judas and the Black Messiah หนังจะพาเราไปสำรวจตัวละครอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเจาะลึกถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ทั้งหมดว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ในขณะที่ The Trial of the Chicago 7 จะเน้นไปที่บริบทของเหตุการณ์เป็นหลัก แต่สิ่งที่ทั้งสองเรื่องสามารถสะท้อนให้เราเห็นอย่างชัดเจนมาก ๆ คือการย้ำเตือนว่าครั้งหนึ่งมันเคยเกิดความไม่ปกติของกระบวนการยุติธรรมในประเทศของพวกเขา ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่อง “เสรีภาพ”

Judas and the Black Messiah

หนังจะเล่าเรื่องแบบหนังดราม่า ระทึกขวัญ โดยตัวหนังจะพาเราไปสำรวจชีวิตของสองตัวละครคือ เฟรด แฮมป์ตัน และ วิลเลี่ยม โอ นีล ที่ทั้งสองต่างมีจุดมุ่งหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง ในด้านฝั่ง แฮมป์ตัน หนังได้นำเสนอให้ตัวละครของเขามีความคล้ายคลึงกับหนังมาเฟียหน่อย ๆ

คือการเป็นผู้มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับ และค่อนข้างมีอิทธิพลต่อคนโดยรอบ แต่ว่าเจตนาของ แฮมป์ตัน คือการเสียสละให้กับประชาชน และความรักที่เขามีให้ต่อ เดบอราห์ (โดมินิค ฟิชแบค) รวมถึงมิตรภาพที่มีต่อเพื่อน ๆ เรียกได้ว่าบทของ แฮมป์ตัน จะหนักไปทางดราม่า เพื่อชีวิต ที่สามารถสร้างความประทับใจให้หลาย ๆ คนได้ ในขณะที่ด้าน โอ นีล เป็นตัวแทนของความระทึกขวัญ เพราะพาร์ทของตัวละครนี้คือการตีหน้าเป็นนกสองหัว ซึ่งอยู่กั้นกลางระหว่างตัวดี และตัวร้ายของเรื่อง ทุกครั้งที่ โอ นีล ถูกมอบหมายงานจาก FBI จะให้ความรู้สึกที่กดดัน ตึงเครียด แม้ว่าเราจะพอรู้ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับตัวละคร แต่บรรยากาศของหนังก็สามารถทำให้เราอึดอัดได้อย่างไม่น่าเชื่อ

อีกหนึ่งทีเด็ดของหนังเรื่องนี้คือบท ที่หนังได้มีการหยิบคำปราศัยของ แฮมป์ตัน ตัวจริงมาดัดแปลง และมันได้กลายเป็นหนึ่งในจุดขายที่เราได้เห็นมันมาตั้งแต่ในตัวอย่าง คือฉากการปราศัยสุดเดือดของ แฮมป์ตัน เพื่อเรียกพลังจากมวลชน ให้ร่วมกันต่อสู้กับความอยุติธรรมในฐานะนักปฎิวัติ

ซึ่งในหลาย ๆ ฉากที่เป็นการปราศัย ล้วนแต่มีความแยบยลคมคาย มีการใช้สำนวน การเปรียบเปรยที่มีชั้นเชิง ประกอบกับการแสดงของ แดเนียล คารูย่า ที่ถ่ายทอดบทของ แฮมป์ตันออกมาได้เข้าถึงอารมณ์ จนน่าขนลุก

Judas and the Black Messiah

นอกจากนี้ การแสดงที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือบท โอ นีล ของ ลาคีธ แสตนด์ฟีลด์ ที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนจะจำเขาได้ในบทสมทบในหนังหลาย ๆ เรื่อง โดยเขาเคยแสดงร่วมกับ แดเนียล คารูย่า มาแล้วในเรื่อง Get Out นอกจากนี้เขายังเคยรับบทเป็น “L” ใน Death Note เวอร์ชั่น Netflix ที่ถูกกันด่าจากแฟนหนังชุดนี้

แต่สำหรับใน Judas and the Black Messiah ลาคีธ ได้กลับมารับบทนำอีกครั้ง พร้อมความท้าทายครั้งใหม่ เพราะบทบาทในครั้งนี้มีพาร์ทดราม่าที่หนักกว่าเรื่องอื่น ๆ พร้อมทั้งตัวละครของเขาก็ยังเป็นตัวแปรสำคัญของเรื่อง ซึ่ง ลาคีธ ก็ถ่ายทอดบท โอ นีล ออกมาได้มีมิติ ชวนจดจำ โดยเฉพาะพาร์ทที่ตัวละครต้องตัดสินใจระหว่างการทำภารกิจ และมนุษยธรรม ที่ลาคีธ ได้แสดงให้เราเข้าถึงอารมณ์ร่วมกับตัวละครได้อย่างทรงพลัง

Judas and the Black Messiah

โดยรวม Judas and the Black Messiah

ถือว่าเป็นหนังดราม่า ระทึกขวัญ ที่หยิบเหตุการณ์จริงทางการเมืองมาถ่ายทอดได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยบทหนังที่พาเราไปสำรวจชีวิตของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง และเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ที่ชัดจน พร้อมทั้งยังเปี่ยมด้วยการแสดงที่เข้าถึงบทบาทของทีมนักแสดงนำ ทำให้ไม่แปลกเลยที่หนังจะสามารถเข้าชิงรางวัลออสการ์ และอีกหลาย ๆ เวที หากใครที่กำลังมองหาหนังที่มีประเด็นการเมืองเข้ากับยุคกับสมัย หรือหนังที่พูดถึงประวัติศาสตร์ นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรพลาดของปีนี้

ตัวอย่าง Judas and the Black Messiah

Cr. ภาพ : เว็บไซต์ IMDB และ Warner Bros. Thailand

#Judas and the Black Messiah #จูดาส แอนด์ เดอะ แบล็ก เมสไซอาห์ #Warner Bros. Thailand #หนัง ซีรีย์ #news-entertainments.com

The Lord of the Rings Trilogy ฉบับรีมาสเตอร์กลับมาฉายในโรงอีกครั้ง

The Lord of the Rings Trilogy

Major Group เตรียมนำ The Lord of the Rings Trilogy ฉบับรีมาสเตอร์กลับมาฉายในโรงอีกครั้ง โดยวางกำหนดฉาย พฤษภาคมนี้

ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับคอหนังรุ่นใหม่ และรุ่นเก่าเลยก็ว่าได้ เมื่อได้มีการประกาศจากทาง Major Cineplex ว่าจะมีการนำภาพยนตร์ชุด The Lord of the Rings Trilogy กลับมาฉายในโรงภาพยนตร์อีกครั้งในฉบับรีมาสเตอร์ 4K และจะเป็นครั้งแรกที่หนังชุดนี้จะได้ฉายบนจอ IMAX โดยวางกำหนดฉายคร่าว ๆ คือช่วงเดือนพฤษภาคมนี้

The Lord of the Rings Trilogy
The Lord of the Rings Trilogy

อย่างที่ทราบกันดีว่าในปี 2021 นี้ หนังเรื่อง The Lord of the Rings ภาค The Fellowship of the Ring จะมีอายุครบ 20 ปี ทำให้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้มีการนำหนังชุดนี้ทั้งสามภาค กลับมารีมาสเตอร์เป็น 4K และเข้าฉายในโรง IMAX เป็นครั้งแรก ซึ่งไทยเองก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับเกียรติในการร่วมเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ของหนังชุดนี้อีกครั้ง

ซึ่งการนำหนังเก่ากลับมารีมาสเตอร์ และฉายบนมจอ IMAX นั้น กำลังกลายเป็นกระแสในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการบูรณะหนังในความทรงจำของหลาย ๆ คน ที่เมื่อตอนหนังเหล่านี้ฉายแต่ไม่ได้ชมในโรงภาพยนตร์ หรือคนที่อยากรำลึกความทรงจำอีกครั้งด้วยอรรถรสที่เต็มเปี่ยม โดยเมื่อปีที่แล้วทาง Warner Bros. Thailand ก็ได้นำหนังฟอร์มยักษ์ของคริสโตเฟอร์ โนแลน อย่าง The Dark Knigjt Trilogy, Inception และ Interstellar กลับมาฉายบนจอ IMAX อีกครั้ง เพื่อต้อนรับการเข้าฉายของ Tenet

โดยหนัง The Lord of the Rings เป็นภาพยนตร์มหากาพย์ที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมคลาสสิคของ เจ อาร์ อาร์ โทลคีน ที่ว่าด้วยเรื่องราวของการผจญภัยของฮอบบิท ที่ต้องร่วมมือกับเผ่าพันธุ์เอลฟ์ คนแคระ และมนุษย์ เพื่อเดินทางไปทำลายแหวนครองพิภพ เพื่อป้องกันไม่ให้ซอร์รอน ลอร์ดผู้ชั่วร้ายกลับมาทำลายล้างโลกอีกครั้ง

หนังทั้งสามภาคกำกับโดย ปีเตอร์ แจ็คสัน (King Kong) โดยหนังชุดนี้ก็ได้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ไตรภาคที่ดีที่สุดตลอดกาล เช่นเดียวกับ Star Wars โดยหนังทั้งสามภาคสามารถทำรายได้รวมกันสูงถึง 2,956 ล้านเหรียญฯ โดยเฉพาะในภาคที่สามของหนังชุดนี้อย่าง The Lord of the Rings: The Return of the King ที่ในภาคเดียวสามารถทำรายได้ไปถึง 1,140 ล้านเหรียญฯ พร้อมทั้งยังสามารถกวาดรางวัลจากเวทีออสการ์ในปี 2004 ไปได้ถึง 11 รางวัล

The Lord of the Rings Trilogy
The Lord of the Rings Trilogy

ส่วนใครที่ยังคิดถึงมหากาพย์การผจญภัยในดินแดน มิดเดิลเอิร์ธ ในเร็ว ๆ นี้ก็กำลังจะมีซีรีส์ที่เป็นภาคแยกของ The Lord of the Rings ที่จะว่าด้วยเรื่องราวหลายร้อยปีก่อนเกิดเหตุการณ์ในฉบับหนัง ซึ่งจะเป็นซีรีส์ที่มีทุนการสร้างสูงที่สุดในโลก ด้วยทุนสร้างในซีซั่นแรกสูงถึง 465 ล้านเหรียญฯ

The Lord of the Rings Trilogy จะมีกำหนดฉายในไทยช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ใครที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางเพจ Warner Bros. Thailand และ Major Group

The Lord of the Rings Trilogy
The Lord of the Rings Trilogy

Cr. ภาพ : เว็บไซต์ IMDB