รีวิวหนัง Argylle

รีวิวหนัง Argylle หนังสายลับ คอเมดี้ ที่เดาอะไรไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

รีวิวหนัง Argylle หนังสายลับ คอเมดี้ ที่เล่าเรื่องได้อย่างเหนือชั้น หนังเต็มไปด้วยมุกตลกแบบผู้หญิงๆ ที่ชวนขำจนท้องแข็ง เนื้อเรื่องเต็มไปด้วยการสับขาหลอกไปมาแบบที่เดาอะไรไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ 

รีวิวหนัง Argylle ผลงานหนังสายลับ คอเมดี้ ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดจาก แมทธิว วอห์น (แฟรนไชส์ Kingsman) ซึ่งเป็นงานร่วมทุนสร้างระหว่าง Apple TV+ และ Universal Studios ที่เป็นการดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันของ แอลลี่ คอนเวย์ โดยครั้งนี้ตัว วอห์น และเจสัน ฟัช (Wonder Woman) มือเขียนบทได้ปรับเนื้อหาโดยให้ตัวนักเขียนมาเป็นนางเอกของเรื่องโดยตรง

รีวิวหนัง Argylle หนังสายลับ คอเมดี้ ที่เดาอะไรไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

หนังจะเล่าเรื่องราวของ แอลลี่ คอนเวย์ (ไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด) หญิงสาวนักเขียนนิยายสายลับที่กำลังโด่งดัง ซึ่งตัวเอกของนิยายเธอคือ อาร์ไกล์ (เฮนรี่ คาร์วิล) สายลับหน้าหล่อ ล่ำ ผู้เป็นสเปคในฝันของสาวหลายๆ คน แต่ในขณะที่ชีวิตของ แอลลี่เองกำลังอยู่ในช่วงที่ไอเดียกำลังตัน ไม่สามารถเขียนนิยายเล่มใหม่ออกมาได้อย่างที่หวัง ทำให้เธอต้องออกเดินทางเพื่อไปเยี่ยมแม่ของเธอและหาไอเดียระหว่างทาง 

รีวิวหนัง Argylle หนังสายลับ คอเมดี้ ที่เดาอะไรไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างฝัน เมื่อในช่วงที่เธอกำลังเดินทางนั่นเอง เธอก็ได้พบกับ เอเดน (แซม ร็อคเวล) สายลับหนุ่มที่ได้เข้ามาช่วยชีวิตเธอ จากการตามล่าขององค์กรวายร้าย เดอะ ดิวิชัน ทำให้จากชีวิตนักเขียนนิยายสายลับ แอลลี่ก็ต้องมาเอาชีวิตรอดร่วมไปกับสายลับจริงๆ จนนำไปสู่การผจญภัยที่จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล

Argylle คืออีกหนึ่งหนังสายลับ คอเมดี้ ที่มาพร้อมความบันเทิงสูตรสำเร็จที่มาแบบครบสูตร ชวนให้นึกถึงหนังอย่าง Knight and Day ที่พูดถึงการจับพลัดจับผลูของหญิงธรรมดากับโลกสายลับ จนนำมาสู่การผจญภัยชวนขำ หนังเต็มไปด้วยมุกที่ล้อเลียนหนังสายลับที่ชวนขำ และฉากบู๊แบบโม้แหลกที่ไม่สนความสมเหตุสมผลใดๆ 

รีวิวหนังArgylleหนังสายลับ คอเมดี้ ที่เดาอะไรไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

หนังยังคงสไตล์ความเป็นงานของ แมทธิว วอห์น ที่เห็นได้ชัด โดยเฉพาะการหยิบนำเพลงมาใช้ประกอบหนังได้อย่างถูกจังหวะ ผสมกับการนำเสนอฉากแอ็คชันที่โดดเด่น ไม่ซ้ำใคร มีงานตัดต่อ การเล่นกับคาแรคเตอร์ของตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม จนกลายเป็นหนังบู๊ที่ทั้งมันส์และขำจนท้องแข็งในเวลาเดียวกัน

การเล่าเรื่องของ Argylle เรียกได้ว่าเป็นหนังสายลับที่สนุกเข้มข้นเกินคาด ในช่วงแรกแม้หนังจะดูเหมือนเป็นหนังผจญภัยสูตรสำเร็จทั่วไป แต่พอถึงกลางเรื่องหนังกลับสับขาหลอกคนดูได้อย่างมีชั้นเชิง จนเมื่อดูไปเรื่อยๆ หนังกลับเต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์มากมายที่คนดูคาดเดาอะไรไม่ได้ไปจนจบเรื่อง นอกจากนี้หนังก็ยังสามารถเล่นกับประเด็นของการเป็นนักเขียนมาต่อยอดได้อย่างชาญฉลาด จนกลายเป็นพลอตหนังเรื่องใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร

รีวิวหนังArgylleหนังสายลับ คอเมดี้ ที่เดาอะไรไม่ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

ด้านการแสดงต้องขอชื่นชม ไบรซ์ ดัลลัส โฮเวิร์ด ที่ในเรื่องนี้เธอได้มีโอกาสได้เฉิดฉายมากๆ ไม่ว่าจะเป็นความสวย น่ารักแบบเปิ่นๆ หรือลีลาบู๊สุดแพรวพราว ในเรื่องนี้เราจะได้เห็นเธอถ่ายทอดบทบาทอย่างจัดเต็ม ในขณะที่ แซม ร็อคเวล ก็ถ่ายทอดบทสายลับออกมาได้เพี้ยน และเท่ในแบบที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้หนังยังมีไฮไลท์เด็ดคือแมวของตัว แมทธิว วอห์น ที่ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งตัวละครขโมยซีนของหนังเรื่องนี้ที่ทาสแมวต่างหลงรักไปตามๆ กัน

โดยรวม Argylle คืออีกหนึ่งหนังสายลับ คอเมดี้ ที่ทำออกมาได้สนุกอีกเรื่อง หนังเต็มไปด้วยบทที่ตลก การเล่าเรื่องที่หักมุมเกินคาดเดา และฉากบู๊ที่มันส์และฮา ใครที่อยากหาหนังสายลับเนื้อหาสุดแหวกแนวดูสักเรื่อง นี่คือเรื่องที่ไม่ควรพลาด

สามารถรับชม Argylle ได้แล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/7mgu9mNZ8Hk

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Cocaine Bear

รีวิวหนัง Cocaine Bear หนังพลอตหลุดโลกที่เล่าเรื่องออกมาได้ครบรส

รีวิวหนัง Cocaine Bear หนังระทึกขวัญพลอตสุดกาว กระจายเส้นเรื่องได้ชวนติดตาม ครบรสทั้งความเป็นหนังอาชญากรรม หนังตลก และหนังครอบครัว ความโหดมาเต็มสมกับความเป็นเรท R สุดๆ 

รีวิวหนัง Cocaine Bear ผลงานหนังพลอตสุดกาวที่สร้างจากเหตุการณ์จริงในช่วงปี 1980 ซึ่งตัวหนังได้ อลิซาเบธ แบงค์ (Pitch Perfect 2) มารับหน้าที่กำกับ พร้อมได้ จิมมี่ วอร์เดน (The Babysitter) มารับหน้าที่เขียนบท นำแสดงโดย เคอร์รี่ รัสเซล (Antlers),  อัลเดน เออเร็นริช (Han Solo), บรู๊คลิน พรินซ์​ (The Florida Project), คริสเตียน คอนเวอร์รี (ซีรีส์ Sweet Tooth) และ เรย์​ ลิออตต้า (Goodfellas)

รีวิวหนัง Cocaine Bear หนังพลอตหลุดโลกที่เล่าเรื่องออกมาได้ครบรส

โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับป่าจอร์เจีย ที่ต้องเผชิญกับเรื่องชวนสยอง เมื่อหมีตัวหนึ่งได้ไปเสพโคเคน ที่แก๊งค้ายาโยนทิ้งลงมาจากเครื่องบิน จนทำให้มันเกิดอาการคลั่งไล่ทำร้ายผู้คน ตัวหนังจะโฟกัสหลักๆ คือสองเส้นเรื่อง คือเรื่องราวของแม่ที่ตามหาลูกสาวที่ถูกหมีจับตัวไป และเรื่องราวของแก๊งอาชญากรรมที่ต้องตามหาโคเคน ที่ล่วงหล่นอยู่ตามป่า โดยพวกเขาต้องเอาชีวิตรอดจากหมีคลั่งเหล่านี้ไปด้วย

รีวิวหนัง Cocaine Bear หนังพลอตหลุดโลกที่เล่าเรื่องออกมาได้ครบรส

ตัวหนังมาพร้อมโทนเรื่องที่เน้นไปที่ความเป็นหนังอาชญากรรม และหนังคอเมดี้ ความสนุกของหนังคือการกระจายเรื่องราวออกเป็นเส้นเรื่องย่อย ที่ให้อารมณ์ต่างกันพอสมควร ทำให้หนังมีค่อนข้างหลากอารมณ์ มีทั้งความเป็นแอ็คชัน มีฉากฆ่าที่โหดระดับหนังสยองขวัญ​ และพาร์ทดราม่าแบบหนังครอบครัว 

ด้วยการเดินเรื่องที่แบ่งแยกเส้นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างดีทำให้ตลอดระยะเวลา 90 นาทีของหนังเป็นไปอย่างชวนติดตาม โดยเฉพาะการเล่นกับพลอตที่หลุดโลก เต็มไปด้วยความวายป่วงที่ค่อยๆ ปานปลายจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ สู่เหตุการณ์นองเลือดครั้งใหญ่ แบบที่คาดเดาแทบไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

รีวิวหนังCocaineBear หนังพลอตหลุดโลกที่เล่าเรื่องออกมาได้ครบรส

ด้านความโหดหนังทำออกมาได้จัดหนักจัดเต็มสมกับความเป็นหนังเรท R โดยเฉพาะการฆ่าของหมีที่หนังสร้างสรรค์ออกมาได้โหด เลือดสาด มีทั้งฉากที่แขนขาด หัวขาด แบบที่คอหนังสยองขวัญน่าจะชื่นชอบไม่น้อย 

รีวิวหนังCocaineBear หนังพลอตหลุดโลกที่เล่าเรื่องออกมาได้ครบรส

ในส่วนของข้อด้อยของ Cocaine Bear คือความที่หนังยังค่อนข้างเล่าแบบเซฟตัวเองอยู่พอสมควร หนังมีการใส่ตัวละครเด็กเข้าไป จนทำให้พาร์ทที่ควรสยองหรือโหดขั้นสุดก็ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร นอกจากนี้การที่หนังพยายามแบ่งเส้นเรื่องย่อย ทำให้มิติของบางตัวละครออกมาดูเบาบาง ขาดอารมณ์ร่วมกับคนดูอย่างน่าเสียดาย

โดยรวม Cacaine Bear คืออีกหนึ่งหนังพลอตหลุดโลกที่เล่าเรื่องออกมาได้สนุกครบรส และชวนติดตาม แม้หนังจะยังบกพร่องเรื่องบทอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นหนังที่ดูเอามันส์ เอาบันเทิงที่สนุกเรื่องหนึ่ง

สามารถรับชม Cocaine Bear ได้แล้ววันนี้ที่ HBO Go

Cr.ภาพ: IMDB
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/DuWEEKeJLMI

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง The Boy and the Heron

รีวิวหนัง The Boy and the Heron ภาพยนตร์อนิเมชันสไตล์จิบลิ

รีวิวหนัง The Boy and the Heron การกลับมาคืนฟอร์มอย่างงดงามของ ฮายาโอะ มิยาซากิ เป็นอนิเมชันจากจิบลิ ที่ทำได้ครบรสทั้งดราม่า แฟนตาซี และผจญภัย ประเด็นของหนังยังหนักหน่วง งดงามเหมือนที่ผ่านมา

รีวิวหนัง The Boy and the Heron คือผลงานการกลับมากำกับภาพยนตร์อนิเมชันอีกครั้งในรอบ 10 ปีของ ฮายาโอะ มิยาซากิ (Spirit Away) และสตูดิโอ จิบลิ โดยเดิมทีหนังเรื่องนี้เป็นงานที่ถูกวางไว้ว่าอาจเป็นงานสุดท้ายของเขา นอกจากนี้หนังเรื่องนี้ก็ยังกวาดเสียงชื่นชมจากคนดูและนักวิจารณ์ รวมถึงรางวัลมากมาย ด้วยคะแนนนักวิจารณ์ใน Rotten Tomatoes ถึง 98%

รีวิวหนัง The Boy and the Heron ภาพยนตร์อนิเมชันสไตล์จิบลิ

เรื่องราวของ The Boy and the Heron จะว่าด้วย มาฮิโตะ เด็กชายที่สูญเสียแม่ของเขาจากสงคราม ทำให้หลังจากนั้น มาฮิโตะ ต้องย้ายไปอาศัยกับ คิริโกะ หญิงที่เป็นแม่เลี้ยงของเขา ซึ่งบ้านของเธอนั้นอยู่บนเขาที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ ที่นั่น มาฮิโตะ ได้พบกับนกกระสาปริศนาที่คอยบินก่อกวนเขา และหอคอยปริศนาที่สร้างโดยทวดของ คิริโกะ ที่เชื่อว่าที่นั่นคือสถานที่ที่เชื่อมต่อกับอีกโลกหนึ่ง จนนำมาสู่การผจญภัยที่จะเปลี่ยนชีวิตของ มาฮิโตะ ไปตลอดกาล

รีวิวหนัง The Boy and the Heron ภาพยนตร์อนิเมชันสไตล์จิบลิ

The Boy and the Heron เรียกได้ว่าเป็นงานที่เต็มไปด้วยความเป็นจิบลิ และลายเซ็นของ ฮายาโอะ มิยาซากิ แบบที่เราคิดถึง หนังเล่นประเด็นของความสูญเสียจากสงคราม มีการพูดถึงการเติบโตของเด็ก ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ความลึกลับ  รวมถึงการผจญภัย แฟนตาซี เรียกได้ว่าเป็นงานที่ดูแล้วนึกถึง Totoro ที่ผสมผสานกับ Spirit Away ก็ว่าได้ 

การเดินเรื่องของ The Boy and the Heron จะแบ่งออกเป็นหลักๆ สองพาร์ท คือพาร์ทดราม่า ที่พูดถึงการปรับตัวของ มาฮิโตะ ความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาของตัวละคร ก่อนจะโยงเข้าสู่พาร์ทของการผจญภัย ที่พูดถึงโลกอีกมิติ ที่ในครั้งนี้ จิบลิ ก็ยังสร้างสรรค์โลกแฟนตาซีออกมาได้น่ามหัศจรรย์ และเต็มไปด้วยลูกเล่นมากมายที่ชวนติดตาม

รีวิวหนังThe Boy and the Heronภาพยนตร์อนิเมชันสไตล์จิบลิ

ตัวหนังเรียกได้ว่าเป็นงานที่ดูไม่ยาก แต่ก็ไม่ได้เข้าใจง่าย เช่นเดียวกับงานที่ผ่านมา หนังพูดถึงการผจญภัยของเด็กหนุ่ม ที่นำมาสู่การเติบโต การก้าวผ่านพ้นวัย แต่ในขณะเดียวกันหนังก็ได้สอดแทรกนัยยะต่างๆ ให้คนดูได้ลองปะติดปะต่อ ซึ่งในเรื่องนี้ตัว ฮายาโอะ ก็ได้ใส่ความเป็นตัวเองลงไปในหนังค่อนข้างเยอะ จนเรียกได้ว่าเป็นงานส่วนตัวของเขาก็ว่าได้

รีวิวหนังTheBoy and the Heronภาพยนตร์อนิเมชันสไตล์จิบลิ

ด้านงานภาพของ The Boy and the Heron ยังเรียกได้ว่าพลิ้วไหวสวยงามตามสไตล์จิบลิ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบฉากโลกอีกมิติ หรือฉากอาหารต่างๆ ที่ยังทำออกมาได้มีมิติ เหมือนจริงมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากเปิดของหนัง ที่ถ่ายทอดความโหดร้ายของสงครามออกมาได้ชวนตื่นตาตื่นใจ และเป็นฉากเปิดที่น่าจดจำสุดๆ

โดยรวม The Boy and the Heron เป็นการกลับมาของ ฮายาโอะ มิยาซากิ และ สตูดิโอจิบลิ ที่สมการรอคอย หนังยังเต็มไปด้วยงานภาพที่สวยงาม โดดเด่น บทหนัง และการเล่าเรื่องที่สนุก ชวนติดตาม เป็นงานที่สามารถดูได้ เพลิดเพลินทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หรือดูแบบครอบครัว

สามารถรับชม The Boy and the Heron ได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/t5khm-VjEu4

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Transformers

รีวิวหนัง Transformers : Rise of the Beasts

รีวิวหนัง Transformers : Rise of the Beasts การกลับมาของแฟรนไชส์หุ่นยนต์ต่างดาวที่ทำได้สมศักดิ์ศรี หนังสามารถหยิบจุดขายของ Transformers มาถ่ายทอดได้ยอดเยี่ยม ฉากแอ็คชันทำได้ดีงามขั้นสุด

รีวิวหนัง Transformers การกลับมาอีกครั้งของแฟรนไชส์สุดโด่งดังอย่าง Transformer ที่ครั้งนี้คือการรื้อเรื่องราวใหม่ทั้งหมด โดยยังได้ ไมเคิล เบย์ (6 Underground) กลับมารับหน้าที่อำนวยการสร้าง พร้อมได้ สตีฟ แคปเปิล จูเนียร์ (Creed II) มารับหน้าที่กำกับ ร่วมนำแสดงโดย แอนโธนี่ รามอส (In the Heights) และโดมินิค ฟิชแบค (ซีรีส์ Swarm)

รีวิวหนัง Transformers : Rise of the Beasts

เรื่องราวของ Transformers: Rise of the Beasts จะว่าด้วยเหตุการณ์ช่วงปี 90 เมื่อโนอาห์ (แอนโธนี่ รามอส) ชายหนุ่มผู้คอยทำหน้าที่ดูแลครอบครัว แต่ด้วยภาระทางการเงินที่ทำให้เขาต้องหันไปทำงานผิดกฎหมาย จนมันได้นำพาให้เขาได้มาพบกับ มิราจ หุ่นยนต์ออโต้บอทที่เข้ามาแฝงตัวในเมือง ที่ต้องทำหน้าที่ค้นหาและปกป้องกุญแจ ที่เป็นตัวแปรสำคัญของเหล่าหุ่นยนต์ออโต้บอท โดยภารกิจนี้พวกเขาได้รวมทีมกับ ออพติมัสไพรห์ม ผู้นำของเหล่าหุ่นยนต์ และ เอเลนา (โดมินิค ฟิชแบค) หญิงสาวผู้หลงไหลในประวัติศาสตร์ 

รีวิวหนัง Transformers : Rise of the Beasts

การเล่าเรื่องของ Transformers: Rise of the Beasts เรียกได้ว่าแทบจะมาตามสูตรสำเร็จของหนังชุด Transformer ที่ผ่านๆ มา ที่จะเน้นพูดถึงมิตรภาพของมนุษย์และหุ่นยนต์ต่างดาว แต่ความน่าสนใจของภาคนี้คือการที่หนังพยายามหวนกลับสู่ความเป็นต้นตำหรับของ Transformer ที่เน้นโฟกัสไปที่สงครามหุ่นยนต์ และลดพาร์ทดราม่าของมนุษย์ที่ไม่จำเป็นลง ทำให้ภาคนี้หนังมีเนื้อหาที่เคารพต้นฉบับมากที่สุด

ส่วนที่โดดเด่นของหนังคือลูกเล่นด้านฉากแอ็คชัน ที่ในภาคนี้ทำได้ค่อนข้างดี มีความดุเดือด จัดเต็มมากกว่าภาคก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากขับรถไล่ล่ากลางเมืองที่น่าตื่นเต้น ฉากแปลงร่างของหุ่นยนต์ที่ยังคงสร้างความตื่นตาตื่นใจ และที่เป็นไฮไลท์คือฉากสงครามหุ่นยนต์ท้ายเรื่องที่ยิ่งใหญ่สมการรอคอย และน่าจะถูกใจแฟนเดนตายของหนังชุดนี้

รีวิวหนังTransformers Rise of the Beasts

อย่างไรก็ตาม Transformers: Rise of the Beasts ก็ยังคงเป็นหนังที่มีบาดแผลเหมือนหนังชุดนี้ภาคอื่นๆ โดยเฉพาะด้านบทหนัง ที่ยังไม่สามารถสร้างพาร์ทดราม่าที่สร้างอารมณ์ร่วมกับคนดูได้ หนังยังคงพยายามพูดถึงความกล้าหาญ เสียสละ และมิตรภาพ ที่ยังคงหยิบมาเล่นในทุกๆ ภาค รวมถึงการสร้างมิคิตัวละครมนุษย์ในภาคนี้ก็ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร แม้ว่าการแสดงของ แอนโธนี รามอส และโดมินิค ฟิชแบค จะทำดีแค่ไหนก็ตาม

รีวิวหนังTransformers Rise of the Beasts

โดยรวม Transformers: Rise of the Beasts อาจไม่ถือว่าเป็นหนังแอ็คชัน ไซไฟ ที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็ถือว่าเป็นแฟรนไชส์ Transformer ที่โดดเด่น และน่าจดจำที่สุด เพราะหนังสร้างด้วยความเคารพต้นฉบับ และเซอร์ไพรส์ที่ทำเพื่อแฟนหนังชุดนี้ พร้อมทั้งการปูทางไปสู่การสร้างจักรวาลของตัวเองในอนาคตที่ชวนติดตามต่อๆ ไป

สามารถรับชม Transformers: Rise of the Beasts ได้แล้ววันนี้ที่ HBO Go

Cr.ภาพ: IMDB
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/itnqEauWQZM

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง The Abandoned

รีวิวหนัง The Abandoned หนังสืบสวน ฟิล์มนัวร์ จากไต้หวัน

รีวิวหนัง The Abandoned หนังสืบสวน ฟิล์มนัวร์ จากไต้หวัน พาร์ทสืบสวนเข้มข้น ชวนลุ้นตลอดทั้งเรื่อง พร้อมทั้งสะท้อนภาพความลำบากของแรงงานต่างด้าวไทยออกมาได้อย่างน่าสะเทือนใจ

รีวิวหนัง The Abandoned ผลงานหนังสืบสวน ระทึกขวัญ สัญชาติไต้หวัน ที่กำกับโดย หยิงถิงเส็ง ที่เข้าฉายเมื่อปี 2022 ซึ่งในไทยได้ถูกทาง Netflix ซื้อสิทธิ์นำเข้ามาฉายเมื่อต้นปี 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งหนังก็ได้รับรางวัลชนะเลิศสาขา Special Mention จากเวที Fantasia Film Festival มาแล้ว โดยหนังได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง จางหนิง และอีธาน จวน มาร่วมแสดงนำ

รีวิวหนัง The Abandoned หนังสืบสวน ฟิล์มนัวร์ จากไต้หวัน

เรื่องราวของ The Abandoned จะว่าด้วย อู่เจีย (จางหนิง) ตำรวจสาวมากความสามารถ ที่กำลังทุกข์ทรมานจากการสูญเสียคนรักที่ฆ่าตัวตาย จนเธอเกือบคิดสั้นตาม แต่เธอก็ได้พบกับศพหญิงสาวสัญชาติไทยที่ลอยมากับน้ำ ทำให้เธอต้องกลายมาเป็นคนที่รับผิดชอบคดีนี้ เมื่อเธอได้สืบไปเรื่อยๆ อู่เจีย ก็ได้พบว่าคดีนี้อาจเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของแรงงานผิดกฏหมายหลายราย โดยอู่เจียต้องร่วมมือกับ หลินหยูเซิง (อีธาน จวน) นายหน้าที่นำเข้าแรงงานเหล่านี้ และยังเป็นแฟนของหนึ่งในเหยื่อฆาตกรรายนี้อีกด้วย

รีวิวหนัง The Abandoned หนังสืบสวน ฟิล์มนัวร์ จากไต้หวัน

หนังมาพร้อมโทนเรื่อง และบรรยากาศของความเป็นหนังฟิล์มนัวร์แบบครบเครื่อง ทั้งงานภาพสีหม่นๆ ฉากของหนังที่เน้นถ่ายในช่วงกลางคืน และภาพบรยากาศที่สะท้อนภาพของชนชั้นล่างเป็นส่วนใหญ่ พร้อมทั้งการเล่าประเด็นการสืบสวนควบคู่ไปกับพาร์ทดราม่าที่พูดถึงตัวละครที่มีบาดแผลในจิตใจ แต่มีคดีนี้เป็นเหมือนสิ่งที่จะคลี่คลายบาดแผลนี้ไปได้

พาร์ทสืบสวนของหนังเล่าออกมาได้ค่อนข้างสนุก หนังเล่าวิธีการทำงานของตำรวจออกมาได้อย่างละเอียดสมจริง การเล่าเรื่องไม่เนิบช้าเกินไป โดยจะมีส่วนผสมของความระทึกขวัญผสมผสานอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการไล่ตามฆาตกรที่มีความโหดเหี้ยม ชวนสยอง และการใส่สถานการณ์ต่างๆ ที่ทำให้ตลอดทั้งเรื่องหนังเต็มไปด้วย จุดพลิกผันที่ทำคนดูนั่งไม่ติดเก้าอี้

รีวิวหนังThe Abandonedหนังสืบสวน ฟิล์มนัวร์ จากไต้หวัน

ส่วนที่น่าชื่นชมคือหนังสามารถบาลานซ์ระหว่างพาร์ทดราม่าและสืบสวนได้อย่างลงตัว หนังไม่พยายามขายฉากดราม่าเรียกน้ำตาเยอะเกินไป แต่จะสอดแทรกเป็นระยะๆ แบบกำลังดี ชวนให้คนดูสามารถรู้สึกร่วมไปกับตัวละคร 

ทั้งนี้ต้องขอชื่นชมการแสดงของทั้ง จางหนิง และอีธาน จวน ที่ต่างแบกหนังไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งสองสามารถถ่ายทอดให้เห็นสองตัวละครที่สูญเสีย แต่ต้องหาตัวคนร้ายเพื่อคลี่คลายความทุกข์ทรมานของตัวเอง เคมีของทั้งสองนักแสดงเรียกได้ว่าเข้าถึงหัวจิตหัวใจของตัวละครโดยแท้จริง

รีวิวหนังThe Abandonedหนังสืบสวน ฟิล์มนัวร์ จากไต้หวัน

โดยรวม The Abandoned คืออีกหนึ่งหนังสืบสวนชั้นดีจากเอเชีย ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดี หนังมีพาร์ทสืบสวนที่ดุเดือดเข้มข้นตลอดทั้งเรื่อง เคล้าด้วยพาร์ทดราม่าที่เล่าได้อย่างทรงพลัง ใครที่คิดถึงหนังฟิล์มนัวร์เนื้อหาดาร์กๆ นี่คืออีกเรื่องที่ห้ามพลาด

สามารถรับชม The Abandoned ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Netflix
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/GAJ9T7qBThc

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง A Haunting in Venice

รีวิวหนัง A Haunting in Venice หนังสืบสวนสอบสวนเรื่องเยี่ยม

รีวิวหนัง A Haunting in Venice อีกหนึ่งหนังสืบสวนสอบสวนเรื่องเยี่ยม สามารถดัดแปลงเนื้อหาจากนิยายได้มีความแตกต่างโดยสิ้นเชิง หนังสามารถสร้างบรรยากาศชวนลุ้น ในสถานที่ปิดตายได้แบบนั่งไม่ติดเก้าอี้

รีวิวหนัง A Haunting in Venice หนังภาคที่ 3 ของแฟรนไชส์ยอดนักสิบ แอร์กูร์ ปัวโรต์ ที่เป็นผลงานแสดงนำ และกำกับโดย เคเนธ บรานาห์ (Tenet) ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายโดย อกาธาร์ คริสตี้ โดยสำหรับใน A Haunting in Venice นี่คือการหยิบนิยายเล่มที่โด่งดังน้อยที่สุดของ ปัวร์โรต์ มาดัดแปลง พร้อมปรับบริบทหนังให้เข้าธีมฮาโลวีนแทน

รีวิวหนัง A Haunting in Venice หนังสืบสวนสอบสวนเรื่องเยี่ยม

เรื่องราวของ A Haunting in Venice จะว่าด้วยเหตุการณ์ในช่วงที่ แอร์กูร์ ปัวโรต์ (เคเนธ บรานาห์) ยอดนักสืบที่กำลังพักผ่อนอยู่ในเมืองเวนิซ จนกระทั่งเขาได้รับการติดต่อจาก เอเรียเอดเน่ โอลิเวอร์ (ทีน่า เฟย์) นักเขียนนิยายสืบสวนชื่อดัง ที่ได้ติดต่อให้ ปัวโรต์ มาร่วมงานปาร์ตี้ฮาโลวีนในคฤหาสน์หลังหนึ่ง ที่เคยมีโศกนาฎกรรมเกิดขึ้น ซึ่งภายในงานได้มีการเชิญร่างทรง เพื่อมาทำพิธีสื่อสารถึงวิญญาณที่สิงสู่ในบ้านหลังนี้ แต่ทว่าก็ได้เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อได้มีคดีฆาตกรรมปริศนาเกิดขึ้น ปัวโรต์ เลยต้องหาความจริงว่าคนที่ลงมือคือวิญญาณร้าย หรือมนุษย์กันแน่

รีวิวหนัง A Haunting in Venice หนังสืบสวนสอบสวนเรื่องเยี่ยม

ตัวหนังในภาคนี้มาพร้อมการเล่นธีมฮาโลวีน มาเป็นจุดขายของเรื่อง ซึ่งหนึ่งความน่าสนใจของภาคนี้คือการหยิบเรื่องเหนือธรรมชาติ อย่างเรื่องผี วิญญาณ คำสาป มาเป็นลูกเล่นในการเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ย้อนแย้งกับคาแรคเตอร์ ปัวโรต์ ที่เชื่อในเรื่องวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้การที่หนังเล่นกับสถานที่ที่ปิดตายด้วยแล้ว ทำให้เพิ่มความลุ้นระทึก น่ากลัวให้หนังมากขึ้นไปอีก

รีวิวหนัง AHaunting in Venice หนังสืบสวนสอบสวนเรื่องเยี่ยม

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าชื่นชมคือการที่หนังสามารถดัดแปลงเนื้อหาจากนิยายซึ่งเป็นเล่มที่ไม่ได้โดดเด่น หรือหวือหวาพอที่จะเป็นหนังสืบสวนที่สนุก แต่หนังกลับปรับเปลี่ยนเนื้อหาใหม่เกือบทั้งหมดจนได้เป็นผลงานใหม่ ที่สร้างความแปลกใหม่ คาดเดาไม่ได้แม้แต่คนที่อ่านนิยายมาแล้วก็ตาม เรียกได้ว่าเป็นงานดัดแปลงที่น่าชื่นชมมากที่สุดเรื่องหนึ่งก็ว่าได้

รีวิวหนังAHaunting in Veniceหนังสืบสวนสอบสวนเรื่องเยี่ยม

ด้วยความที่หนังปรับเปลี่ยนเนื้อหานี้เอง ที่ทำให้การเล่าเรื่องของหนัง A Haunting in Venice เป็นไปอย่างสนุก น่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ หนังสามารถค่อยๆ ไต่ระดับความน่าตื่นเต้น ด้วยการเล่นประเด็นเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ สลับกับการสืบสวน และคดีฆาตกรรม ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ A Haunting in Venice จะเป็นงานที่สนุกที่สุดในหนังทั้ง 3 ภาค

โดยรวม A Haunting in Venice คืออีกหนึ่งหนังสืบสวนสอบสวนที่โดดเด่น ทั้งธีมฮาโลวีน และการเล่าเรื่องในที่ปิดตาย ที่ผสมผสานกันได้อย่างเหมาะสมลงตัว เป็น 100 นาทีที่ดูแล้วนั่งไม่ติดเก้าอี้ คาดเดาไม่ได้เลยว่าใครคือคนร้ายตัวจริง

สามารถรับชม A Haunting in Venice ได้แล้ววันนี้ที่ Disney+ Hotstar

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/yEddsSwweyE

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Leave the World Behind

รีวิวหนัง Leave the World Behind หนังไซไฟ ระทึกขวัญ

รีวิวหนัง Leave the World Behind หนังวันสิ้นโลกที่มาพร้อมการเล่าเรื่องไม่ซ้ำใคร หนังสร้างบรรยากาศที่ชวนอึดอัดได้ตลอดทั้งเรื่อง ทุกตัวละครมีความลึกลับ ดำมืด จนไม่สามารถไว้ใจตัวละครตัวไหนได้เลย 

รีวิวหนัง Leave the World Behind อีกหนึ่งหนังไซไฟ ระทึกขวัญ ส่งท้ายปีจาก Netflix ที่รวมทีมดารา และทีมสร้างมากฝีมือมาไว้ด้วยกัน โดยหนังเป็นผลงานกำกับของ แซม เอสเมล (ซีรีส์ Secret Invasion) พร้อมได้ดารารุ่นใหญ่อย่าง อีธาน ฮอว์ค (Black Phone), จูเลีย โรเบิร์ต (Ticket to Paradise), มาเฮอร์ชาลา อาลี (Green Book) และ เควิน เบคอน (Cop Car) มาร่วมแสดงนำ 

รีวิวหนัง Leave the World Behind หนังไซไฟ ระทึกขวัญ

Leave the World Behind จะเล่าเรื่องราวของครอบครัวแซนด์ฟอร์ด ที่ประกอบไปด้วย เคลย์ (อีธาน ฮอว์ค) ผู้เป็นสามี อแมนดา (จูเลีย โรเบิร์ต) ภรรยา และลูกอีกสองคนที่ได้เดินทางมาพักร้อนในบ้านหรูหลังหนึ่ง แต่ทว่าในคืนแรกที่พวกเขาได้พัก ก็ได้มีชายหญิงแปลกหน้า ที่อ้างว่าตนนั้นคือเจ้าของบ้านหลังนี้และต้องการมาขออาศัยร่วมกับพวกเขาชั่วคราว เนื่องจากในเมืองเกิดไฟดับ 

รีวิวหนัง Leave the World Behind หนังไซไฟ ระทึกขวัญ

ท่ามกลางสภานการณ์อันน่าอึดอัดของทั้งสองครอบครัวที่ต้องมาเจอกัน โลกภายนอกก็ได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดมากมาย ทั้งผู้คนที่ล้มตายอย่างปริศนา ถนนและสัญญาณอินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ ทำให้ทั้งสองครอบครัวต้องร่วมมือกันเพื่อผ่านเหตุการณ์นี้ไป

แม้ว่าพลอตของ Leave the World Behind จะค่อนข้างมาตามสูตรของหนังวันสิ้นโลกส่วนใหญ่ แต่ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือการเล่นกับบรรยากาศที่ต่างออกไป หนังไม่ได้เน้นไปที่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกบ้าง แต่หนังโฟกัสที่สองครอบครัวแปลกหน้าที่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันในสถานการณ์เอาชีวิตรอดนี้ 

รีวิวหนังLeave the WorldBehind หนังไซไฟ ระทึกขวัญ

ความสนุกของหนังคือการเล่นกับความลึกลับ คาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งหนังก็ค่อนข้างมีลูกเล่นเกี่ยวกับภัยพิบัติ วันสิ้นโลกที่น่าสนใจ ด้วยความลึกลับน่าค้นหานี้เองที่ทำให้ตลอดทั้งเรื่องหนังเต็มไปด้วยทฤษฎีสมคบคิดมากมายให้คนดูได้คาดเดาร่วมไปกับตัวละคร 

นอกจากการสร้างสรรค์วันสิ้นโลกได้แปลกใหม่แล้ว หนังยังมีบทที่เล่าเรื่องได้มีชั้นเชิง ด้วยการสร้างคาแรคเตอร์ของแต่ละตัวละครให้มีจุดเด่นที่น่าสนใจ และใช้คาแรคเตอร์นั้นในการสร้างสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ ตลอดทั้งเรื่องคนดูจะรู้สึกถึงความอึดอัดตึงเครียดของทั้งสองครอบครัวที่พร้อมหักหลังกันทุกเมื่อ

รีวิวหนัง Leavethe World Behind หนังไซไฟ ระทึกขวัญ

ด้านทีมนักแสดงนำแต่ละคนต่างก็ถ่ายทอดบทบาทได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ จูเลีย โรเบิร์ต ที่สลัดบทบาทจากหนังรักสู่หนังระทึกขวัญ เธอก็สามารถเข้าถึงบทบาทของแม่ที่ต้องปกป้องลูกและครอบครัวได้อย่างดีเยี่ยม ด้าน มาเฮอร์ชาลา อาลีเองก็ถ่ายทอดบทบาทได้ลึกลับน่าค้นหาสุดๆ

โดยรวม Leave the World Behind คืออีกหนึ่งหนังวันสิ้นโลกรสชาติใหม่ ที่เล่าเรื่องได้สนุกแม้ทั้งเรื่องแทบจะไม่มีฉากวินาศสันตะโรเลยก็ตาม แต่หนังสามารถถ่ายทอดเรื่องราวผ่ายบทสนทนา และสถานการณ์ต่างๆ ให้คนดูได้ร่วมลุ้น ร่วมเอาใจช่วยตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม

สามารถรับชม Leave the World Behind ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Netflix
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/NE123ydu-Ig

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Wonka

รีวิวหนัง Wonka หนังมิวสิคคัล แฟนตาซี ฟีลกู้ดส่งท้ายปี

รีวิวหนัง Wonka หนังมิวสิคคัล แฟนตาซี ฟีลกู้ดส่งท้ายปี ที่เต็มไปด้วยความสุข หนังเล่าเรื่องได้ละมุนมาก เต็มไปด้วยมุกตลกจิกกัดนายทุน และความเหลื่อมล้ำได้เจ็บแสบ ทีโมมี ชาร์ลาเมซ​เป็นวองก้าที่เปี่ยมเสน่ห์สุดๆ

รีวิวหนัง Wonka หลังจากที่เมื่อกลางปีที่ผ่านมา Warner Bros. ได้ปล่อย Barbie จนกลายเป็นกระแสหนังฟีลกู้ดยอดนิยมของปีนี้ไปแล้ว ในปลายปียังมีอีกหนึ่งหนังฟีลกู้ดจากสตูดิโอเดียวกันนี้ กับ Wonka หนังภาค Prequel ที่ดัดแปลงมาจากนิยายชุด Charlie and the Chocolate Factory ของ โรอัล ดาร์ล ซึ่งได้ พอล คิง (Paddington1-2) มารับหน้าที่กำกับ 

รีวิวหนัง Wonka หนังมิวสิคคัล แฟนตาซี ฟีลกู้ดส่งท้ายปี

เรื่องราวของ Wonka จะพาทุกคนย้อนไปยังจุดเริ่มต้นของโรงงานช็อกโกแล็ค โดยหนังจะย้อนไปยังจุดเริ่มต้นการตามความฝันของ วิลลี่ วองก้า (ทีโมที ชาร์ลาเมซ) ในวัยหนุ่มที่ออกเดินทางเพื่อเปิดร้านช็อกโกแล็ตเป็นของตนเอง แต่ทว่าเมื่อมาถึงเมืองเขากลับพบอุปสรรคมากมาย เมื่อเชานั้นได้ถูกเจ้าของโรงแรมหลอกลวงให้เข้าพักและเอาเปรียบเขา ส่วนในเมืองนั้นวองก้าก็ถูกสามเจ้าของร้านช็อกโกแล็ตเจ้าใหญ่ในเมืองใช้อำนาจของตำรวจห้ามไม่ให้เขาขายช็อกโกแล็ตภายในเมือง วองก้าเลยต้องหาทางดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้เขาได้ทำตามความฝัน โดยมีเหล่าพองเพื่อนคอยให้ความช่วยเหลือ

รีวิวหนัง Wonka หนังมิวสิคคัล แฟนตาซี ฟีลกู้ดส่งท้ายปี

Wonka ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหนังมิวสิคคัล ฟีลกู้ดสูตรสำเร็จ ที่มาพร้อมคุณสมบัติของการเป็นหนังดูช่วงสิ้นปีกับครอบครัว หนังเต็มไปด้วยบทเพลงที่ไพเราะ บรรยากาศของหนังที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข ตัวละครแทบทุกตัวมีความตลกในแบบของตัวเอง ทั้งตัวดีและตัวร้าย และการเล่าเรื่องที่ดูง่าย ย่อยง่าย เหมาะแก่ทั้งคนที่เป็นแฟนคลับ วิลลี่ วองก้า รวมถึงคนที่ไม่เคยอ่านหรือดูหนังชุดนี้มาก่อน

ตัวหนังจะพาคนดูไปโฟกัสที่การเดินตามความฝันของตัวละคร วิลลี่ วองก้า และต้องฝ่าฟันอุปสรรค โดยประเด็นของหนังจะพูดถึงการต่อสู้ของคนตัวเล็กตัวน้อยที่ต้องต่อสู้กับนายทุนผูกขาดที่พยายามกีดกันไม่ให้อีกฝ่ายได้เติบโต แต่ด้วยวิธีการเล่าเรื่องของพอล คิง ที่เลือกเล่าประเด็นหนักๆ นี้ให้ออกมาดูเบาสมอง เข้าใจง่าย เหมาะกับคนดูทุกเพศทุกวัย

รีวิวหนังWonka หนังมิวสิคคัล แฟนตาซี ฟีลกู้ดส่งท้ายปี

งานโปรดักชันของหนังสามารถทำได้อย่างโดดเด่น โดยหนังสามารถถ่ายทอดความแฟนตาซีที่เล่นกับช็อกโกแล็ตได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ราวกับพาคนดูหลุดเข้าไปอยู่ในโลกเวทมนต์แบบ Harry Potter หนังเต็มไปด้วยลูกเล่นที่มีชั้นเชิง มีงาน CGI ที่ทำออกมาได้สวยงามสุดๆ

รีวิวหนังWonkaหนังมิวสิคคัล แฟนตาซี ฟีลกู้ดส่งท้ายปี

ด้านการแสดงต้องขอชื่นชม ทีโมที ชาร์ลาเมซ ที่สามารถถ่ายทอดบท วิลลี่ วองก้า ออกมาได้มีเสน่ห์ น่ารักน่าจดจำสุดๆ ในเรื่องนี้เขาสลัดภาพคุณชายออก และรับบทเป็นชายหนุ่มผู้ใสซื่อที่เห็นแล้วอยากเอาใจช่วย ด้านตัวละครสมทบในเรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าขโมยซีนไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น ฮิวจ์ แกรนด์ ที่มาในบทคนจิ๋ว และโรแวน แอตคินสัน ในบทบาทหลวง ที่ปรากฎตัวเมื่อไหร่ ก็มาพร้อมเสียงฮาเมื่อนั้น

โดยรวม Wonka คืออีกหนึ่งหนังฟีลกู้ดส่งท้ายปีที่เปี่ยมไปด้วยบรรยากาศแห่งรอยยิ้มและความสุข การเล่าเรื่องที่สนุก เบาสมอง และมีเพลงประกอบที่เพราะติดหู ใครที่มองหาหนังสำหรับคลายเครียดช่วงปลายปีนี้ นี่คืออีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด

สามารถรับชม Wonka ได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: IMDB
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/_UXmQ4ga5EU

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Napoloen

รีวิวหนัง Napoloen หนังชีวประวัติโปรดักชันฟอร์มยักษ์

รีวิวหนัง Napoloen หนังชีวประวัติโปรดักชันฟอร์มยักษ์ ทั้งการจำลองสังคมยุคปฎิวัติฝรั่งเศส รวมถึงฉากสงครามที่ทำได้อลังการ พาร์ทโรแมนติกทำได้ดีเกินคาด หนังถ่ายทอดความรักของ นโปเลียนและโจเซฟินได้ถึงพริกถึงขิงสุดๆ

รีวิวหนัง Napoloen หลังจากที่ก่อนหน้านี้มี Oppenheimer ของคริสโตเฟอร์ โนแลน และ Killers of the Flower Moon ของ มาร์ติน สกอร์เซซิ ที่เป็นงานชีวประวัติและสร้างจากเรื่องจริงฟอร์มยักษ์จากผู้กำกับเบอร์ใหญ่ให้คอหนังได้ชมในโรงภาพยนตร์กันแล้ว ล่าสุดก็ถึงคราวของ Napoloen ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ ริดลีย์ สก้อตต์ เข้าฉายในโรงภาพยนตร์บ้าง ซึ่งนี่ก็เป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของเขาและ วาคิน ฟินิกซ์​(Joker) นับตั้งแต่ Gradiator เมื่อปี 2000

รีวิวหนัง Napoloen หนังชีวประวัติโปรดักชันฟอร์มยักษ์

เรื่องราวของ Napoloen จะพาผู้ชมย้อนไปยังช่วงปฎิวัติฝรั่งเศส เมื่อนายทหารนโปเลียน (วาคิน ฟินิกซ์) ได้เป็นผู้นำในการเอาชนะศัตรูในหลายๆ ศึก ประกอบกับความทะเยอทะยานทำให้เขาได้ค่อยๆ ไต่เต้าจนกลายเป็นจักรพรรดิ นอกจากนี้ในระหว่างนั้นเขาก็ได้พบรักกับ โจเซฟิน (วาเนสซา เคอร์บี้) หญิงสาวที่เขาหลงรักตั้งแต่แรกเจอ แต่เมื่ออยู่เป็นสามีภรรยา พวกเขากลับพบอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะการที่ โจเซฟิน ไม่สามารถให้ทายาทกับเขาได้ 

รีวิวหนัง Napoloen หนังชีวประวัติโปรดักชันฟอร์มยักษ์

Napoloen ถือว่าเป็นหนังชีวประวัติ/ประวัติศาสตร์​ที่เล่าเรื่องตามสูตรสำเร็จ หนังเล่าเหตุการณ์ตามไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์​เป็นเส้นตรง เริ่มตั้งแต่ยุคปฎิวัติฝรั่งเศส ช่วงเรืองรองของนโปเลียน ไปจนถึงช่วงวาระสุดท้ายของเขา ทั้งนี้เพื่อให้ดูหนังอยากได้อรรถรสมากขึ้นผู้ชมควรศึกษาประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสหรือชีวิตนโปเลียนมาบ้าง

ความโดดเด่นของหนังคืองานโปรดักชันที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดี หนังสามารถจำลองภาพประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสได้อย่างละเอียด ตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผม ไปจนถึงโลเคชัน โดยเฉพาะฉากสงครามที่ในครั้งนี้ ริดลีย์ สก้อตต์ ก็ยังถ่ายทอดฉากสู้รบได้ดุเดือด อลังการ โดยเฉพาะการถ่ายทอดความโหดร้าย เลือดเย็นของนโปเลียนในบางฉากที่ชวนสยองติดตา

รีวิวหนัง \Napoloenหนังชีวประวัติโปรดักชันฟอร์มยักษ์

อีกหนึ่งจุดที่หนังทำได้ค่อนข้างดีคือการนำเสนอพาร์ทโรแมนติก ดราม่า ระหว่างนโปเลียนและโจเซฟิน ที่มีทั้งช่วงที่ทั้งสองตกหลุมรักกัน ไปจนถึงพาร์ทที่ความสัมพันธ์เต็มไปด้วยปัญหา หนังสามารถตีประเด็นความรักได้อย่างถึงพริกถึงขิง ทั้งนี้ต้องขอชื่นชมการแสดงของทั้ง วาคิน ฟินิกซ์ และวาเนสซา เคอร์บี้ ที่แสดงได้เข้าถึงบทบาทสุดๆ จนการแสดงของทั้งคู่เป็นเดอะแบกของหนังก็ว่าได้

รีวิวหนังNapoloe nหนังชีวประวัติโปรดักชันฟอร์มยักษ์

ข้อเสียของหนัง Napoloen คือการที่หนังค่อนข้างเล่าเรื่องตามสูตรมากเกินไป เนื้อหาของหนังค่อนข้างยึดเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์จนทำให้หนังขาดลูกเล่นที่น่าสนใจ หรือชวนหวือหวาเมื่อเทียบกับ Oppenheimer หรือ Killers of the Flower Moon ที่เต็มไปด้วยการเล่าเรื่องที่ฉีกกรอบจากประวัติศาสตร์ ทำให้ Napoloen กลายเป็นงานที่ไม่ได้โดดเด่นมากนักเมื่อเทียบกับงานก่อนๆ ของ ริดลีย์ สก้อตต์

โดยรวม Napoloen คือหนังชีวประวัติที่ทำได้สนุกครบรสอีกเรื่อง หนังมีทั้งฉากสู้รบที่อลังการ พาร์ทโรแมนติกที่ชวนติดตาม และการสะท้อนภาพนโปเลียนทั้งตอนที่เข้มเข็งและเปราะบาง แม้จะไม่ได้แปลกใหม่หวือหวา แต่ก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องที่คอหนังประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาด

สามารถรับชม Napoloen ได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/S7oPzS-efK0

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Thanksgiving

รีวิวหนัง Thanksgiving หนังไล่เชือดผสมสืบสวนสไตล์ Scream

รีวิวหนัง Thanksgiving หนังไล่เชือดผสมสืบสวนสไตล์ Scream ที่เล่าเรื่องได้อย่างชวนติดตาม หนังอัดแน่นด้วยความโหด สยดสยอง และตลกร้ายแบบอีไล ร็อธ ช่วงท้ายเต็มไปด้วยความระทึก หักมุมแบบที่คาดเดาไม่ได้

รีวิวหนัง Thanksgiving ผลงานการกลับมาทำหนังสยองขวัญอีกครั้งของผู้กำกับสายโหดอย่าง อีไล ร็อธ​ (Hostel) ที่ครั้งนี้เขามาในพลอตที่เล่นกับธีมของวันขอบคุณพระเจ้า โดยเนื้อหาของหนังจะว่าด้วยเมืองเล็กๆ ในวันคืนขอบคุณพระเจ้าคืนหนึ่งที่ตรงกับวัน Black Friday ซุปเปอร์มาร์เก้ตประจำเมืองเลยได้จัดโปรโมชันลดราคาพิเศษในคืนนั้น แต่เทศกาลความสุขก็กลายเป็นความสยองเมื่อคืนนั้นได้เกิดจลาจลที่ทำให้ผู้คนเข่นฆ่ากันเพื่อขิงของถูก

รีวิวหนัง Thanksgiving หนังไล่เชือดผสมสืบสวนสไตล์ Scream

หลังจากคืนดังกล่าวผ่านไป 1 ปี เหล่าวัยรุ่นที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นที่กำลังเตรียมตัวกับเทศกาลขอบคุณพระเจ้าอีกครั้ง แม้จะมีบาดแผลในอดีตคอยติดตาม แต่ทว่าเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อได้มีฆาตกรต่อเนื่องสวมหน้ากากไล่ฆ่าคนที่อยู่ในเหตุจลาจลปีที่แล้ว ทำให้เหล่าวัยรุ่นที่รอดชีวิตและตำรวจต้องตามหาตัวคนร้ายก่อนที่คนร้ายจะเล่นงานมาถึงตน 

รีวิวหนัง Thanksgiving หนังไล่เชือดผสมสืบสวนสไตล์ Scream

แม้จะเรียกได้ว่าเป็นหนังไล่เชือด แต่บริบทของ Thanksgiving ค่อนข้างมีความฉีกแนว และเป็นตัวของตัวเอง ทั้งนี้เพราะลายเซ็นการกำกับของ อีไล ร็อธ ที่มีความชัดเจน ตั้งแต่ความกวน ความตลกร้ายในฉากเปิด ที่มีทั้งความโหด ความตลก และเป็นการเปิดเรื่องที่ไม่เหมือนหนังสยองขวัญเรื่องไหนๆ 

รีวิวหนังThanksgiving หนังไล่เชือดผสมสืบสวนสไตล์ Scream

ตัวหนังจะเล่าแบบหนังไล่ฆ่า ผสมสืบสวนสอบสวน ที่ให้บริบทชวนนึกถึง Scream ที่ตัวละครหลักทั้งหมดจะต้องร่วมกันเอาชีวิตรอดและตามหาคนร้าย โดยหารู้ไม่ว่าฆาตกรแฝงอยู่ในกลุ่ม ความสนุกของหนังจึงไม่ใช่แค่การลุ้นไปกับวิธีการฆ่า แต่ยังรวมไปถึงการหาตัวคนร้ายและการสับขาหลอกของหนังที่ทำได้อย่างเหนือชั้น

รีวิวหนังThanksgivingหนังไล่เชือดผสมสืบสวนสไตล์ Scream

ในด้านความสยดสยอง ความระทึกหนังทำออกมาได้ค่อนข้างดี แม้จะไม่ได้เป็นหนังที่เน้นจังหวะโบ๊ะบ๊ะตลอดทั้งเรื่อง แต่เมื่อถึงฉากที่ตัวละครต้องเผชิญหน้าฆาตกร ก็สามารถบีบอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะฉากการฆ่าในหนังที่มีความโหดร้ายขั้นสุด ทั้งการตัดคอ หรือมีฉากไส้ทะลัก ที่ชวนขนลุก โดยเฉพาะในองก์3 ของหนังที่ทำได้อย่างลุ้นระทึกดีเยี่ยม

โดยรวม Thanksgiving คืออีกหนึ่งหนังสยองขวัญน้ำดีแห่งปี 2023 หนังมีองค์ประกอบที่หนังไล่เชือดที่ดีควรมี เดินเรื่องได้สนุก เต็มไปด้วยลูกบ้าและความกวนที่ชวนขำแบบไม่ซ้ำใคร ที่สำคัญนี่คืออีกหนึ่งงานที่พร้อมประกาศตัวเองสู่ความเป็นแฟรนไชส์หนังสยองขวัญชุดใหม่ในอนาคตอย่างแน่นอน

สามารถรับชม Thanksgiving วันนี้ในโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/KbU50SdL8zA

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง