รีวิวหนัง Black Widow : หนังเดี่ยวของ แบล็ค วิโดว

blackwidow

ที่ทำออกมาเพื่อส่งท้ายตัวละครนี้ได้อย่างงดงาม จัดเต็มด้วยฉากแอคชั่นแบบหนังสายลับ การแสดงของ สการ์เล็ต โจฮันสัน และฟลอเรนซ์ พิวจ์

คือสิ่งที่แบกหนังเรื่องนี้ได้อย่างดีเยี่ยม ผลงานหนังเดี่ยวของตัวละคร Black Widow ที่ทำมาเพื่อส่งท้ายตัวละครตัวนี้ และสการ์เล็ต โจฮันสัน ที่กำลังจะลาบทบทนี้ไป ซึ่งเดิมทีแล้วหนังเรื่องนี้มีกำหนดฉายตั้งแต่ปี 2020 แต่ด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้หนังถูกเลื่อนมาเป็นปี 2021 โดยในไทยหนังก็ได้ลงฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา และลงสตรีม Disney+ Hotstar ในวันที่ 6 ตุลาคม ถือว่าเป็นหนังเรื่องแรกที่ฉายทั้งโรงภาพยนตร์ และสตรีมพร้อม ๆ กันในไทย

สำหรับ Black Widow จะว่าด้วยเหตุการณ์ในช่วงหลังจาก Captain America: Civil War เมื่อทีมอเวนเจอร์ได้แตกเป็นสองฝ่าย ทำให้ด้าน นาตาชา โรมานอฟ หรือ แบล็ค วิโดว (สการ์เล็ต โจฮันสัน) ได้ใช้เวลานี้ทำภารกิจลุยเดี่ยว โดยเธอได้กลับไปพบกับ เยเรน่า (ฟลอเรนซ์ พิวจ์) น้องสาวที่เติบโตมาในครอบครัวเดียวกัน โดยทั้งคู่ได้ถูกเล่นงานจากองค์กรนักฆ่าที่มีชื่อว่า “เรดรูม” ทำให้ทั้งสองต้องเอาชีวิตรอด และหาทางล้างแค้นองค์กรนี้ ซึ่ง นาตาชา ต้องกลับไปขอความช่วยเหลือจาก อเล็กซี่ (เดวิด ฮาเบอร์) และ เมรินา (ราเชล ไวส์) ผู้ที่เป็นเสมือนพ่อ และแม่ของพวกเธอ โดยทั้ง 4 จะต้องกลับมาสะสางกับปมในอดีตอันแสนเลวร้ายนี้

ความโดดเด่นของ Black Widow ที่ต่างจากหนังจักรวาล MCU เรื่องอื่น ๆ คือหนังมาพร้อมลีลา โทนการเล่าเรื่องแบบหนังสายลับ ที่ให้อารมณ์แบบ Mission Impossible หนังจะเล่นกับฉากแอคชั่น ไล่ล่า การตามหาความจริง และภารกิจสุดท้าทายมากมายระหว่างเรื่อง พร้อมทั้งหนังยังพาคนดูไปสำรวจด้านที่ไม่เคยเห็นของตัว แบล็ค วิโดว ที่จะทำให้ได้เห็นบาดแผล และชีวิตอีกด้านของเธอมากยิ่งขึ้น ใครที่เคยหลงรักตัวละครนี้จากหนัง MCU ที่ผ่าน ๆ มา เรื่องนี้คุณอาจหลงรักเธอมากขึ้นไปอีก

ตัวงานโปรดักชั่น ยังคงมาตามสไตล์ Marvel Studios ที่เน้นเล่นใหญ่ อลังการไว้ก่อน แน่นอนว่าในเรื่องนี้ก็ยังจัดเต็มด้วยฉากแอคชั่นฟอร์มยักษ์ ที่มาพร้อมลีลาการบู๊ ที่เวอร์วังจนไม่สนใจหลักฟิสิกส์แต่อย่างใด โดยในเรื่องนี้หนังจะมาพร้อมฉากแอคชั่นเท่ ๆ แบบหนังสายลับ ไม่ว่าจะเป็นฉากขับรถไล่ล่ากันกลางเมือง ฉากยิงกันที่ทำออกมาตื่นเต้นชวนลุ้น และฉากต่อสู้แบบประชิดสไตล์ แบล็ค วิโดว ที่ในเรื่องนี้ยังพลิ้วไหว และงดงามเหมือนเดิม เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ทำมาเพื่อขายงานแอคชั่นมันส์ ๆ ที่ดูง่ายเบาสมองอีกเรื่องก็ว่าได้

การแสดงของหนังยังต้องขอชื่นชม สการ์เล็ต โจฮันสัน ที่ในเรื่องนี้เธอได้ส่งท้ายบท แบล็ค วิโดว ออกมาได้อย่างงดงาม ในเรื่องนี้เธอได้แสดงให้เราได้เห็นถึงบริบทอื่น ๆ ของ แบล็ค วิโดว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคมีของ เธอและ ฟลอเรนซ์ พิวจ์ เจ้าของบท เยเรน่า ที่ต่างรับส่งบทกันได้อย่างยอดเยี่ยม จนสามารถทำให้คนดูเชื่อในความสัมพันธ์แบบพี่น้องของทั้งคู่ได้สนิทใจ

อย่างไรก็ตาม Black Widow ก็ยังเป็นหนังที่ยังเต็มไปด้วยข้อด้อยตามสไตล์ของDisney และ Marvel โดยหนังพยายามที่จะขายฉากแอคชั่นจนเกินไป จนทำให้หนังขาดบทที่ดี มีน้ำหนัก ในบางช่วงหนังสามารถกระชับเนื้อหา หรือสร้างสรรค์ให้ฉากต่อสู้มีความสมจริง แต่ผู้สร้างกลับเลือกที่จะใส่จังหวะการเล่าเรื่องที่ไม่จำเป็น เพื่อนำมาสู่ฉากฟอร์มยักษ์ ที่อลังการ แต่กลับขาดความสมเหตุสมผลโดยสิ้นเชิง จนทำให้ภาพรวมของหนังเรื่องนี้แทนที่จะเป็นหนังสายลับสนุก ๆ มันกลับออกมาเป็นหนังการ์ตูนเวอร์ ๆ เรื่องหนึ่งแทน

นอกจากนี้ตัวหนังก็ยังประสบปัญหาไม่ต่างจากหนัง MCU หลาย ๆ เรื่องเคยเผชิญ คือการนำดารามากความสามารถ มาใช้งานได้อย่างไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะบทราเชล ไวส์ ที่แทบจะมาเป็นดารารับเชิญให้กับหนัง ที่แทบไม่ได้มีบทบาทใด ๆ ให้น่าจดจำ รวมทั้งบทของ เดวิด ฮาเบอร์ ที่มาในบทที่เน้นขายความตลก และแทบไม่มีมิติอื่น ๆ ให้น่าจดจำเท่าที่ควร

โดยรวม Black Widow ถือว่าเป็นหนังเดี่ยวเรื่องแรก และเรื่องสุดท้ายของตัวละครนี้ ที่ทำออกมาได้ดีสมการรอคอย หนังได้พาคนดูไปเห็นมุมที่ไม่เคยเห็นของตัวละครนี้ พร้อมทั้งจัดเต็มด้วยฉากแอคชั่น มันส์ ๆ ตลอดทั้งเรื่อง แม้ว่าหนังอาจค่อนข้างมีปัญหาไม่ต่างจากหนัง MCU เรื่องอื่น ๆ แต่ก็นับว่าเป็นงานหนังฟอร์มยักษ์จาก MCU ที่ทำให้คนไทยหายคิดถึงได้ไม่น้อย

สามารถรับชม Black Widow ได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ และ Disney+ Hotstar

ติดตามบทความ ซีรีส์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง