รีวิวหนัง “Big Time Adolescence” : หนัง Coming-of-Age ที่พูดถึงการค้นหาตัวเอง

Big Time Adolescence

Big Time Adolescence เป็นอีกหนึ่งหนัง Coming-of-Age ขวัญใจคนดู และนักวิจารณ์ เมื่อปี 2019 ผลงานการกำกับ และเขียนบทครั้งแรก เจสัน โอลีย์ เนื้อเรื่องของหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ มอนโร (กริฟฟิน กลัค) เด็กหนุ่มวัย 16 ที่มีเพื่อนสนิทคือ เซค (พีท เดวิดสัน) รุ่นพี่ที่โตกว่าเขาถึง 7 ปี ผู้ชีวิตประสบความล้มเหลว โดยทั้งคู่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่มอนโร ยังเด็ก ด้วยความที่ตัว มอนโร มีเพื่อนที่โตกว่าทำให้เขาได้ใช้ชีวิตที่โตเร็วกว่าเพื่อน ๆ วัยเดียวกัน เขาได้ลองสูบกัญชา ดื่มเหล้า ปาร์ตี้สังสรรค์ แบบ 18+

แต่ด้วยความที่ เซคเป็นคนที่ล้มเหลว และมักจะพา มอนโรไปทำเรื่องไม่ดีนี่เอง มันก็ทำให้ตัว เซคเป็นที่ไม่ชอบของคนรอยข้างมอนโร โดยเฉพาะครอบครัว ส่วน มอนโรเองก็เริ่มรู้สึกสูญเสียความเป็นตัวเอง เพราะเชื่อฟังเซค มากเกินไป จนมันนำไปสู่เรื่องวุ่น ๆ ของวัยรุ่นที่ต้องลงเอยด้วยบทเรียนครั้งสำคัญของชีวิต

Big Time Adolescence ถือว่าเป็นหนังวัยรุ่นอีกเรื่องที่ดูสนุก และดูง่ายกว่าที่คิดไว้มาก หนังสามารถถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิตวัยรุ่นออกมาได้อย่างชวนติดตาม ตลอดทั้งเรื่องจะเต็มไปด้วยฉากปาร์ตี้สุดโลดโผน และบทที่มีความเนิร์ด ความเป็นธรรมชาติอย่างเต็มเปี่ยม หนังสอดแทรกทุกอารมณ์ของหนังวัยรุ่นเอาไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ครอบครัว และสังคมเพื่อนฝูง

ความสนุกของหนังคือการได้ติดตามความสัมพันธ์ของ มอนโร และเซค ที่เราจะได้เห็นมิติ ต่าง ๆ ของสองตัวละครชัดเจนมากยิ่งขึ้น พร้อมยังได้ติดตามว่าสองเพื่อนรักจะสร้างวีรกรรมแสบ ๆ อะไรอีก แต่นอกเหนือจากความสนุกของความสัมพันธ์ของสองตัวเอกแล้ว หนังยังได้ทิ้งคำถาม และแง่คิดให้กับคนดูถึงความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ยึดติดกับสังคม หรือเพื่อนฝูงมากเกินไป แต่กระนั้นหนังก็ยังสอนให้เราใส่ใจในมิตรภาพในระดับที่พอดิบพอดี ไม่ยึดติดเกินไปด้วยเช่นกัน

นอกจากเรื่องของการค้นหาตัวเองแล้ว หนังก็ยังสอดแทรกเรื่องของการถูกเมินจากสังคม ของตัวละคร เซค ที่เพราะความล้มเหลวในชีวิต ทำให้เขาถูกสังคมตีค่าในรูปแบบที่ต่างจากคนทั่วไป หนังได้สะท้อนภาพของสายตาคนในสังคม และทัศนคติต่อคนแบบ เซค ออกมาได้อย่างน่าสะเทือนใจ

การแสดงของ กริฟฟิน กลัค และพีท เดวิดสัน เป็นสิ่งที่แบกหนังเรื่องนี้ตลอดทั้งเรื่องไว้ ทั้งสองมีเคมีการแสดงรับส่งที่เข้ากันได้อย่างลงตัว จนทำให้คนดูสามารถรู้สึกร่วมไปกับมิตรภาพระหว่าง มอนโร และเซค ว่าทั้งสองคือเพื่อนกันจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงของ เดวิดสัน ที่เป็นอีกบทบาทที่น่าจดจำของเขาไม่แพ้ การแสดงของเขาใน The King of Staten Island ของปี 2020 นี้เลย

ข้อเสียของ Big Time Adolescence คือการที่หนังค่อนข้างสั้นเกินไป ทำให้มิติของบางตัวละคร หรือความสัมพันธ์บางตัวละครในเรื่องต้องถูกเล่าแบบกระชับ รวบรัด ทำให้บางพาร์ทของหนังถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้ไม่สุดไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตามสำหรับ Big Time Adolescence ก็ถือว่าเป็นหนังวัยรุ่นน้ำดีอีกเรื่องที่แฟนหนัง Coming-of-Age ห้ามพลาดอย่างยิ่ง หนังยังจัดเต็มด้วยความฟีลกู้ด การเล่าเรื่องที่ถ่ายทอดออกมาได้เป็นธรรมชาติ พร้อมแง่คิดดี ๆ ในช่วงท้ายเรื่องที่สะท้อนออกมาได้ดีมาก ๆ

สามารถรับชม Big Time Adolescence ได้แล้ววันนี้ที่ HBO GO

Cr.ภาพ : Rotten Tomatoes

ติดตามบทความ ซีรีส์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com