“Target Number One” หนังนักข่าว อาชญากรรม ที่ตีแผ่ภารกิจสุดอื้อฉาวในเมืองไทย

รีวิวหนัง Target Number One: หนังนักข่าว, อาชญากรรม ที่ตีแผ่ภารกิจสุดอื้อฉาวในเมืองไทย ที่ดูเอาสาระพอได้ แต่ในแง่ของความบันเทิงนั้นสอบตกโดยสิ้นเชิง

Target Number One คือหนังอาชญากรรม ระทึกขวัญ ผลงานการกำกับ และเขียนบทของ  เดเนียล โรบี้ (Just a Breath Away) ที่ดัดแปลงมาจากเหตุการณ์จริงของคดีอื้อฉาว ของการล่อซื้อเฮโรอีนของไทย เมื่อปี 1989
ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ วิคเตอร์ มาลาเรค (จอช ฮาร์ทเนต) นักข่าวชาวแคนาดา ที่ได้เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อทำการสัมภาษณ์ แดเนียล ลีจี (อองตวน โอลิวิเยร์ ไพลอน) ชายหนุ่มชาวแคนาดา ที่ต้องโทษในไทยข้อหาค้าเฮโรอีน
แต่ทว่าด้าน มาลาเรค ได้รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่างจากคดีนี้ ก่อนที่เขาจะพบว่าเหตุการณ์นี้เป็นการจัดฉาก เพื่อให้ แดเนียล รับผิดแทน มาลาเรค เลนต้องหาทางพิสูจน์ความจริงเพื่อคืนความยุติธรรมให้ แดเนียล

ตัวหนังใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบอาชญากรรม ผสมหนังนักข่าว ที่เน้นความสมจริงในการเล่าเรื่อง โดยหนังก็มาพร้อมการเล่าเรื่องแบบเล่นท่ายากของหนังแนวนี้ ด้วยการนำเสนอแบบสองเหตุการณ์ คนละช่วงเวลา ไปพร้อม ๆ กัน เส้นเรื่องแรกหนังจะพูดถึงการสืบหาข้อมูลของมาลาเรค

และเส้นเรื่องที่สองคือชีวิตของ แดเนียล ที่ถูกวังวนของยาเสพติดชักนำไปสู่การใส่ร้าย ดังนั้นความสนุก ความเข้มข้นของหนังจึงมีถึงสองอารมณ์คือการดูหนังนักข่าวไล่ล่าความจริง และความตื่นเต้น ระทึกของหนังอาชญากรรม

ในด้านการนำเสนอภาพประเทศไทย ทีมโปรดักชั่นเรื่องนี้สามารถสร้างสรรค์กรุงเทพฯ ในช่วงยุค 80-90 ออกมาได้สมจริง พร้อมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่หยิบด้านมืดของสังคมไทยมาถ่ายทอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิถีชีวิตที่อยู่อย่างเลวร้ายของคนในคุก ในเรือนจำ ที่หนังสามารถนำเสนอออกมาได้ชวนอึดอัด และความไม่น่าอภิรมย์ได้สมจริงมาก ๆ

แต่ปัญหาสำคัญของ Target Number One คือการที่หนังไม่สามารถผสมผสานความเป็นหนังอาชญากรรม และหนังนักข่าว ให้ออกมาสนุก น่าติดตามได้ ด้วยความที่หนังพยายามขายประเด็นของตัว แดเนียล ที่มีเรื่องราวชีวิตที่ค่อนข้างมีปมมากมาย
แต่หนังก็นำเสนอชีวิตของตัวละครแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ซึ่งพาร์ทของ แดเนียลนั้นมันก็ได้ไปขโมยซีนของ มาลาเรค ที่ควรจะเป็นเส้นเรื่องหลักของหนัง ให้ดูจืดจางลง ผลลัพธ์ที่ได้คือ มิติตัวละครที่ขาด ๆ เกิน ๆ ตัวละคร มาลาเรค ขาดน้ำหนักของการกระทำ รวมถึงการทำข่าวของตัวละครนี้ก็ขาดเสน่ห์ ความน่าเอาใจช่วยไปอย่างน่าเสียดาย

ส่วนที่น่าเสียดายอย่างยิ่งของ Target Number One คือวัตถุดิบของหนังอย่างเค้าโครงเรื่องจริง ที่เต็มไปด้วยเบื้องลึก เบื้องหลัง เหตุการณ์ที่น่าสนใจ แต่ด้วยโปรดักชั่นแบบหนังเกรดบี ที่ทำให้ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้มีน้อย
การเล่าเรื่องที่เล่นท่ายากอย่างการเล่าสองเหตุการณ์สลับไปมา แต่ทว่าทีมตัดต่อ และบทที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้หนังขาดความน่าติดตาม โดยเฉพาะในช่วงแรก และช่วงกลางที่เล่าออกมาได้น่าเบื่อ ไร้ชีวิตชีวา โชคดีที่ท้ายเรื่องหนังสามารถมีซีเควนซ์ที่ชวนตื่นเต้น  ลุ้นระทึก ทำให้หนังเรื่องนี้มีความสนุกขึ้นมาพอสมควร

โดยรวม Target Number One นับว่าเป็นอีกหนึ่งความน่าเสียดายของหนัง Based on True Story ทั้ง ๆ ที่หนังมีวัตถุดิบชั้นดี แต่ผู้สร้างกลับใช้งานมันได้อย่างไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างมิติของตัวละคร การเล่าเรื่องให้น่าติดตาม ส่วนที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้อาจเป็นการตีแผ่ให้เราได้เห็นว่าโทษของยาเสพติด และด้านมืดของเมืองไทย ที่เราพยายามซ่อนมันเอาไว้มาหลายทศวรรษ

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes

ติดตามบทความ ซีรีย์-หนัง ได้ทุกสัปดาห์ที่ news-entertainments.com

ซีรีส์ฟอร์มยักษ์ Jupiter’s Legacy เตรียมฉายบน Netflix 7 พฤษภาคมนี้

Jupiter’s Legacy

เตรียมพบการต่อสู้ของซุปเปอร์ฮีโร่สองเจเนอเรชั่น ในซีรีส์ฟอร์มยักษ์ Jupiter’s Legacy จูปิเตอร์ เลกาซี่ เตรียมฉายบน Netflix 7 พฤษภาคมนี้

เรียกได้ว่ายุคนี้เป็นยุคสมัยของหนังซุปเปอร์ฮีโร่ก็ว่าได้ เพราะในขณะที่ด้าน Disney ได้กลายเป็นค่ายที่ประสบความสำเร็จจากหนังฮีโร่จักรวาล MCU (Marvel Cinematic Universe) ด้าน DC ก็ได้มี Zack Snyder’s Justice League รวมถึง The Batman ที่กำลังจะเข้าฉายในเร็ว ๆ นี้

ด้าน Amazon Prime ก็มีซีรีส์ฮีโร่สุดดาร์คอย่าง The Boys และ Invincible ล่าสุดทาง Netflix ก็ได้เตรียมปล่อยซีรีส์ฮีโร่ของตัวเองอีกเรื่องที่มีชื่อว่า Jupiter’s Legacy ที่กำลังเตรียมเข้าฉายในเดือนพฤษภาคม ที่จะถึงนี้

โดย Jupiter’s Legacy จะว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มซุปเปอร์ฮัโร่ยุคแรกของโลกที่มีชื่อว่า Union ที่ได้รับพลังพิเศษมาตั้งแต่ช่วงปี 1930 และพวกเขาก็ได้ทำหน้าที่พิทักษ์โลกมาโดยตลอด จนกระทั่งเวลาได้ล่วงเลยผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อลูกหลานของเหล่า Union ที่เกิดมาพร้อมพลังพิเศษแบบเดียวกับพ่อแม่ของพวกเขา

แต่พวกเขากลับไม่ต้องการที่จะเป็นฮีโร่เหมือนบรรพบุรุษ แต่ทว่าเหตุการณ์วุ่น ๆ ก็เริ่มขึ้นเมื่อมีเหล่าวายร้ายที่เข้ามาหวังแย่งชิงอำนาจของเหล่าฮีโร่รุ่นก่อน ทำให้เหล่ารุ่นลูก และหลานของ Union ต้องหาทางปกป้องโลก และสานต่อไว้ซึ่งอุดมการณ์ของฮีโร่รุ่นก่อน ๆ

Jupiter’s Legacy

สำหรับ Jupiter’s Legacy เป็นผลงานคอมิคที่แต่งโดย มาร์ค มิลลาร์ ผู้แต่ง Kick Ass, Wanted และ Kingsman ซึ่งผลงานเรื่อง Jupiter’s Legacy ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็น The Lord of the Rings เวอร์ชั่นซุปเปอร์ฮีโร่

โดยเวอร์ชั่นซีรีส์ก็จะนำทีมกำกับโดย ชาร์ล็อตต์ แบรนสตรอม (ซีรีส์ Madam Secretary) / คริสโตเฟอร์ เจ ไบอัน (ซีรีส์ American Gods) / มาร์ค จอบสต์ (ซีรีส์ Daredevil /The Punisher) และ สตีเว่น เอส ดีไนท์ (Pacific Rim: Uprising) นอกจากนี้ตัวซีรีส์ก็ยังได้ตัวผู้ประพันธ์อย่าง มิลลาร์ มาร่วมเขียนบท และอำนวยการสร้างร่วมกับ เอส ดีไนท์ อีกด้วย ด้านทีมนักแสดงนำ ก็ได้เหล่านักแสดงที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี นำแสดงโดย จอช เดอเมล (Transformers) เบน แดเนียล (ซีรีส์ The Exorcist) เลสลี่ย์ บิ้บ (Iron Man) แอนดรูว์ ฮอร์ตัน (How to Talk to Girls at Parties) เอเลน่า แคมพัวริส (Before I Fall) และ เอียน ควินแลน (ซีรีส์ Gotham) ความน่าสนใจของตัวซีรีส์เรื่องนี้ คือการเล่นประเด็นของซุปเปอร์ฮีโร่ ผสมกับความเป็นหนังครอบครัว ที่ให้อารมณ์เดียวกับซีรีส์ The Umbrella Academy อีกหนึ่งซีรีส์ฮีโร่ชื่อดังของ Netflix

แต่สำหรับ Jupiter’s Legacy ได้มีการสร้างสรรค์เรื่องราวที่เคารพงานฮีโร่รุ่นพี่อย่าง DC หรือ Marvel ไม่ว่าจะเป็นความสามารถของตัวละคร รูปแบบการเล่าเรื่องที่ให้อารมณ์นังฮีโร่ มากกว่าแฟนตาซี ไซไฟ แถมยังมาพร้อมงานโปรดักชั่นฟอร์มยักษ์ระดับหนังใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์น่าจับตามาก ๆ อีกเรื่องในปีนี้ของ Netflix

โดยซีรีส์ Jupiter’s Legacy จะมีความยาวทั้งสิ้น 8 EP. เตรียมออนแอร์ให้ได้ชมทั้งซีซั่้นในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ที่ Netflix

Jupiter’s Legacy
https://youtu.be/qN6C8mENYIY
ตัวอย่าง จูปิเตอร์ เลกาซี่ Jupiter’s Legacy

#Jupiter’s Legacy #จูปิเตอร์ เลกาซี่ #Netflix #Netflix Thai #หนังซุปเปอร์ฮีโร่ #ซีรีย์ หนัง #news-entertainments.com

Cr. ภาพ : Netflix Thai

Judas and the Black Messiah หนังดราม่า ที่มาพร้อมประเด็นการเมืองสุดเข้มข้น จนเข้าชิง 6 รางวัลออสการ์ เตรียมเข้าฉายในไทย 22 เมษายนนี้

Judas and the Black Messiah

เดือนเมษายนนี้เรียกได้ว่าเป็นเดือนแห่งหนังรางวัล ก่อนไปลุ้นผลประกาศรางวัลออสการ์ก็ว่าได้ เพราะตลอดทั้งเดือนเต็มไปด้วยหนังตัวเต็งเข้าชิงรางวัล ฉายให้คอหนังได้ชมไม่ว่าจะเป็น Minari ,The Father และอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Judas and the Black Messiah ที่กำลังจะเข้าฉายปลายเดือนนี้

สำหรับ Judas and the Black Messiah เป็นหนังที่สร้างจากเหตุการณ์จริง โดยจะพูดถึงเรื่องราวของ วิลเลียม โอนีล (ลาคีธ สแตนฟีลด์) ชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยประวัติอาชญากรรม โดยเฉพาะการลักเล็กขโมยน้อย ที่วันหนึ่งเขาได้ถูกเจ้าหน้าที่ FBI จับตัว พร้อมยื่นข้อเสนอกับเขาว่า หากต้องการเป็นอิสระอีกครั้ง เขาจะต้องทำการเป็นสายให้ FBI และแฝงตัวเข้าไปในกลุ่ม แบล็ค แพนเธอร์ ปาร์ตี้ ที่ตอนนั้นมี เฟร็ด แฮมป์ตัน (แดเนียล คาลูย่า) เป็นหัวหน้ากลุ่ม โดย โอนีล นอกจากจะต้องส่งข่าวจากวงในให้ FBI แล้ว เขายังต้องวางแผนลอบสังหาร แฮมป์ตันอีกด้วย

โดย Judas and the Black Messiah เป็นผลงานการกำกับและเขียนบทของ ชาก้า คิง พร้อมได้ ไรอัน คูเกลอร์ ผู้กำกับจาก Black Panther และ Creed มารับหน้าที่อำนวยการสร้าง ซึ่งหลังจากที่หนังเรื่องนี้ได้ฉายที่อเมริกา และตามเทศกาลภาพยนตร์ก็ได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ และผู้ชมอย่างมาก จนได้คะแนนจาก Rotten Tomatoes สูงถึง 96% 

นอกจากนี้ตัวหนังก็ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ถึง 6 สาขา ได้แก่

– ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

– นักแสดงสมทบยอดเยี่ยม (แดเนียล คาลูย่า และ ลาคีธ สแตนฟีลด์)

– บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม

– เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม – กำกับภาพยอดเยี่ยม

โดยอีกหนึ่งจุดเด่นของหนังเรื่องนี้นอกจากประเด็นทางการเมืองที่เข้มข้นแบบสุด ๆ แล้ว ก็ต้องยกให้การแสดงของ แดเนียล คาลูย่า (Get Out ,Black Panther) และ ลาคีธ สแตนฟีลด์ (Get Out ,Knives Out) ที่ทั้งสองได้ประชันบทบาทกันอย่างไม่มีใครยอมใครตั้งแต่ที่เราได้เห็นในตัวอย่าง ซึ่งด้วยความที่บท โอนีล ของ ลาคีธ ต้องเป็นบทที่เครียด และเปฺนตัวแปรสำคัญของเรื่อง ทันทีหลังจากที่ถ่ายหนังเรื่องนี้เสร็จเขาถึงกับต้องเข้ารับการบำบัด เพราะในเรื่อง ลาคีธ ต้องแสดงเป็นมือลอบสังหาร แฮมป์ตัน (ที่รับบทโดยคาลูย่า) ทำให้เมื่อเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครมากขึ้นมันทำให้ ลาคีธรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังเป็นคนลงมือลอบสังหาร แฮมป์ตันจริง ๆ จนทำให้เขาเกิดอาการตื่นตระหนก และตัดสินใจเข้ารับการบำบัดหลังจากที่ถ่ายหนังเรื่องนี้จบ

สำหรับใครที่เป็นสายหนังรางวัล หรือกำลังมองหาหนังที่มีประเด็นสังคม การเมือง ประวัติศาสตร์เตรียมรอชม Judas and the Black Messiah โดยหนังจะมีกำหนดฉายในไทย 22 เมษายนนี้ทุกโรงภาพยนตร์

ภาพยนต์ตัวอย่าง Judas and the Black Messiah

#Judas and the Black Messiah #หนังดราม่า #ซีรีย์ หนัง  #news-entertainments.com

CR. Warner Bros. Thailand

Final Fantasy 7 Advent Children จะกลับมาในระบบ 4K

Final Fantasy 7

ปี 2563 ที่ผ่านมาเพื่อน ๆ หลายคนคงได้ดูหรือได้เล่นเกม Final Fantasy 7 Remake กันมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วและคงรู้สึกสนุกไปกับเนื้อเรื่องรวมถึงตัวละครที่มีความน่ารักสดใสและมีความหล่อเท่ โดยเนื้อเรื่องใน Final Fantasy 7 Remake นั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลงเนื้อหาไปมาก เพื่อจะทำภาคต่อไปนั่นเอง 

แต่สำหรับใครที่เป็นแฟนเกม Final Fantasy 7 ภาคหลักแล้ว ก็คงจะรู้ดีว่า Final Fantasy 7 นั้นมีทั้งเนื้อเรื่องที่เป็นเนื้อเรื่องก่อนภาคหลักที่มีชื่อว่า Final Fantasy 7 Crisis Core ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นใน Final Fantasy 7 ภาคหลัก และหลังจบภาคหลักก็ได้มีภาพยนตร์ Final Fantasy 7 ที่ทำด้วย CGI

โดยเนื้อหานั้นเป็นเนื้อหาที่ต่อเนื่องจาก Final Fantasy 7 ภาคหลัก เมื่อเพื่อน ๆ รู้เนื้อหาของ Final Fantasy 7 ทั้งหมด 3 ภาคนี้แล้วก็จะเป็นการจบเนื้อเรื่อง Final Fantasy 7 ที่สมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่ในอดีตเคยมีมา

เชื่อว่ามีหลายคนไม่ได้รู้จัก Final Fantasy 7 จากเกมมาก่อนแต่ได้รู้จัก Final Fantasy 7 จากภาพยนตร์ในเรื่อง Final Fantasy 7 Advent Children ที่ได้ฉายออกมาในช่วงปี 2005 สำหรับในช่วงนั้นแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีภาพที่สวยงามมากเลยทีเดียว

ผู้เขียนก็เป็นหนึ่งคนที่ไม่ได้เล่นเกม Final Fantasy 7 แต่รู้จักเกม Final Fantasy 7 จากภาพยนตร์เรื่อง Final Fantasy 7 Advent Children เช่นเดียวกัน

และนับว่าเป็นข่าวดีมากสำหรับแฟนภาพยนตร์เรื่อง Final Fantasy 7 Advent Children เพราะว่าจะมีการรีมาสเตอร์ตัวภาพยนตร์ให้มีความคมชัดมากขึ้นโดยใช้ระบบ 4K ซึ่งเป็นระบบเทคโนโลยีภาพที่ชัดมากในปัจจุบันนี้ เราจะได้เห็นภาพที่สวยมากกว่าในปี 2005 อย่างแน่นอนเลย โดยกำหนดวันที่จะออกมาสู่สายตาของแฟนเกมในช่วงวันที่ 8 มิถุนายน 2020 ซึ่งเป็นการออกมาเพื่อเรียกน้ำย่อยให้กับผู้เล่นที่รอคอยที่จะเล่นเกม Final Fantasy 7 Remake Intergrade ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องภาคต่อของ Final Fantasy 7 Remake ที่จะถูกปล่อยมาให้เล่นกันในวันที่ 10 มิถุนายน 2020 

ก็อีกไม่กี่เดือนแล้วที่เราจะได้รับรู้ถึงเรื่องราวภาคต่อของ Final Fantasy 7 Remake รวมไปถึงภาพยนตร์ที่ชวนคิดถึงอย่าง Final Fantasy 7 Advent Children อย่าลืมมาติดตามเรื่องราวสุดมันกันนะในช่วงเดือนมิถุนายน รวมไปถึงดาวน์โหลดเกม Final Fantasy 7 Remake ทุก ๆ ภาคมาเล่นเพื่อที่จะได้รู้สึกอินไปกับเนื้อหาด้วยนะ

#FinalFantasy7 #FinalFantasy7Remake #FinalFantasy7AdventChildren #FFVII #ซีรีย์ หนัง  #news-entertainments.com

ข้อมูลจาก The Verge

Cr.Wallpaperaccess

เตรียมพบกับสงครามของเหล่าผู้มีพลังพิเศษ ที่มีความสงบสุขของโลกเป็นเดิมพันใน Shadow and Bone ซีรีส์แอคชั่น แฟนตาซีฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดของ Netflix

Shadow and Bone

Shadow and Bone คือซีรีส์ฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดของ Netflix ที่น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวขายสำคัญของสตรีมนี้เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยความเป็นซีรีส์แอคชั่น ผจญภัย แนวพีเรียท ที่จัดเต็มทั้งความแฟนตาซี และฉากสงคราม ตั้งแต่ซีซั่นแรก ใครที่คิดถึงซีรีส์แบบ Game of Thrones หรือ Viking น่าจะถูกใจไม่น้อย

เนื้อเรื่องของ Shadow and Bone จะว่าด้วยโลกที่เต็มไปด้วยสงคราม โดยเหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อ อาริน่า สตาร์คอฟ (เจสซี่ย์ เมย์ ลี) หญิงสาวกำพร้า และทหารผู้ต่ำต้อย ที่เธอได้ปลดปล่อยพลังพิเศษของตัวเองออกมา เพื่อปลดปล่อยอิสรภาพให้กับประเทศของเธอ จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ อาริน่า ต้องพลัดพรากจากเพื่อนพ้อง และคนที่เธอรู้จัก จากนั้น อาริน่าก็ได้รับการเข้าร่วมฝึกวิชา กับเหล่าทหารระดับสูงที่มีพลังพิเศษ ที่รู้จักกันในนาม กรีชา แต่ทว่าเมื่อได้เรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมใหม่ อาริน่า ก็ค่อย ๆ พบว่าบางที คนที่เป็นศัตรู มิตรนั้นอาจเป็นคน ๆ เดียวกัน

โดย Shadow and Bone ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อเดียวกันของ ลีห์ บาร์ดูโก ซึ่งฉบับซีรีส์เป็นผลงานการสร้างของ ไอริค ไฮส์เซอเรอร์ มือเขียนบทจาก Arival และ Bird Box ที่มารับหน้าที่กำกับ เขียนบท และร่วมอำนวยการสร้าง พร้อมทั้งหนังยังได้ทีมผู้กำกับซีรีส์ฝีมือดีมาร่วมกำกับให้แต่ละ Ep.

ไม่ว่าจะเป็น แมร์ซี อัลมาส (Jessica Jones และ Outlander), ลี โทแลนด์ ครีเกอร์ (You และ Deadly Class), แดน เลวิน (The Walking Dead และ Fear The Walking Dead) และ เจเรมี่ เวบบ์ (Legion และ The Umbrella Academy) ส่วนด้านทีมนักแสดง Shadow and Bone นั้นนำทีมโดย เจสซี่ เมย์ ลี (Last Night in Soho), อาร์ชี่ย์ เรโนซ (Voyagers), เฟรดดี้ คาร์เตอร์ (Pennyworth), อมิตา ซูมาน (Doctor Who) และ เบน บาร์นส์ (Westworld)

ซึ่งด้าน ไอริค ไฮส์เซอเรอร์ ผู้กุมบังเหียนของโปรเจกต์นี้ก็ได้ออกมาเผยว่า ความน่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้ คือการพาคนดูไปร่วมผจญภัยในโลกแฟนตาซีที่ต่างจากซีรีส์แนวเดียวกันเรื่องอื่น ๆ ที่เคยมีมา เพราะมันคือการผสมผสานสองโลกไว้ด้วยกัน คนดูจะได้เห็นบรรยากาศของสงคราม และปราสาทสุดหรู รวมถึงบรรยากาศของเมืองแคตเทอดัม ที่เต็มไปด้วยความน่าทึ่ง นอกจากนี้ภายในซีรีส์ก็จะเต็มไปด้วยเรื่องรางของผู้มีพลังพิเศษ, การเมืองในราชสำนักที่เต็มไปด้วยกลอุบาย และการดิ้นรนต่อสู้ของคนที่ต่ำต้อย และถูกมองข้าม

โดย Shadow and Bone จะมีกำหนดฉาย 23 เมษายนนี้ที่ Netflix ซึ่งจะพร้อมออนแอร์ทั้งหมด 8 Ep. ใครที่เป็นแฟนซีรีส์แฟนตาซี ผจญภัย ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

ภาพยนตร์ตัวอย่าง Shadow and Bone

#Shadow and Bone #ซีรีส์แอคชั่น แฟนตาซี #Netflix #ซีรีย์ หนัง  #news-entertainments.com

Cr. Netflix Thai