Target Number One คือหนังอาชญากรรม ระทึกขวัญ ผลงานการกำกับ และเขียนบทของ เดเนียล โรบี้ (Just a Breath Away) ที่ดัดแปลงมาจากเหตุการณ์จริงของคดีอื้อฉาว ของการล่อซื้อเฮโรอีนของไทย เมื่อปี 1989
ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ วิคเตอร์ มาลาเรค (จอช ฮาร์ทเนต) นักข่าวชาวแคนาดา ที่ได้เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อทำการสัมภาษณ์ แดเนียล ลีจี (อองตวน โอลิวิเยร์ ไพลอน) ชายหนุ่มชาวแคนาดา ที่ต้องโทษในไทยข้อหาค้าเฮโรอีน
แต่ทว่าด้าน มาลาเรค ได้รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่างจากคดีนี้ ก่อนที่เขาจะพบว่าเหตุการณ์นี้เป็นการจัดฉาก เพื่อให้ แดเนียล รับผิดแทน มาลาเรค เลนต้องหาทางพิสูจน์ความจริงเพื่อคืนความยุติธรรมให้ แดเนียล
ตัวหนังใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบอาชญากรรม ผสมหนังนักข่าว ที่เน้นความสมจริงในการเล่าเรื่อง โดยหนังก็มาพร้อมการเล่าเรื่องแบบเล่นท่ายากของหนังแนวนี้ ด้วยการนำเสนอแบบสองเหตุการณ์ คนละช่วงเวลา ไปพร้อม ๆ กัน เส้นเรื่องแรกหนังจะพูดถึงการสืบหาข้อมูลของมาลาเรค
และเส้นเรื่องที่สองคือชีวิตของ แดเนียล ที่ถูกวังวนของยาเสพติดชักนำไปสู่การใส่ร้าย ดังนั้นความสนุก ความเข้มข้นของหนังจึงมีถึงสองอารมณ์คือการดูหนังนักข่าวไล่ล่าความจริง และความตื่นเต้น ระทึกของหนังอาชญากรรม
ในด้านการนำเสนอภาพประเทศไทย ทีมโปรดักชั่นเรื่องนี้สามารถสร้างสรรค์กรุงเทพฯ ในช่วงยุค 80-90 ออกมาได้สมจริง พร้อมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่หยิบด้านมืดของสังคมไทยมาถ่ายทอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิถีชีวิตที่อยู่อย่างเลวร้ายของคนในคุก ในเรือนจำ ที่หนังสามารถนำเสนอออกมาได้ชวนอึดอัด และความไม่น่าอภิรมย์ได้สมจริงมาก ๆ
แต่ปัญหาสำคัญของ Target Number One คือการที่หนังไม่สามารถผสมผสานความเป็นหนังอาชญากรรม และหนังนักข่าว ให้ออกมาสนุก น่าติดตามได้ ด้วยความที่หนังพยายามขายประเด็นของตัว แดเนียล ที่มีเรื่องราวชีวิตที่ค่อนข้างมีปมมากมาย
แต่หนังก็นำเสนอชีวิตของตัวละครแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ซึ่งพาร์ทของ แดเนียลนั้นมันก็ได้ไปขโมยซีนของ มาลาเรค ที่ควรจะเป็นเส้นเรื่องหลักของหนัง ให้ดูจืดจางลง ผลลัพธ์ที่ได้คือ มิติตัวละครที่ขาด ๆ เกิน ๆ ตัวละคร มาลาเรค ขาดน้ำหนักของการกระทำ รวมถึงการทำข่าวของตัวละครนี้ก็ขาดเสน่ห์ ความน่าเอาใจช่วยไปอย่างน่าเสียดาย
ส่วนที่น่าเสียดายอย่างยิ่งของ Target Number One คือวัตถุดิบของหนังอย่างเค้าโครงเรื่องจริง ที่เต็มไปด้วยเบื้องลึก เบื้องหลัง เหตุการณ์ที่น่าสนใจ แต่ด้วยโปรดักชั่นแบบหนังเกรดบี ที่ทำให้ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้มีน้อย
การเล่าเรื่องที่เล่นท่ายากอย่างการเล่าสองเหตุการณ์สลับไปมา แต่ทว่าทีมตัดต่อ และบทที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้หนังขาดความน่าติดตาม โดยเฉพาะในช่วงแรก และช่วงกลางที่เล่าออกมาได้น่าเบื่อ ไร้ชีวิตชีวา โชคดีที่ท้ายเรื่องหนังสามารถมีซีเควนซ์ที่ชวนตื่นเต้น ลุ้นระทึก ทำให้หนังเรื่องนี้มีความสนุกขึ้นมาพอสมควร
โดยรวม Target Number One นับว่าเป็นอีกหนึ่งความน่าเสียดายของหนัง Based on True Story ทั้ง ๆ ที่หนังมีวัตถุดิบชั้นดี แต่ผู้สร้างกลับใช้งานมันได้อย่างไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างมิติของตัวละคร การเล่าเรื่องให้น่าติดตาม ส่วนที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้อาจเป็นการตีแผ่ให้เราได้เห็นว่าโทษของยาเสพติด และด้านมืดของเมืองไทย ที่เราพยายามซ่อนมันเอาไว้มาหลายทศวรรษ
Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ติดตามบทความ ซีรีย์-หนัง ได้ทุกสัปดาห์ที่ news-entertainments.com