รีวิวหนัง Doi Boy

รีวิวหนัง Doi Boy หนังอินดี้ที่สะท้อนภาพการดิ้นรนต่อสู้ของชาวไทใหญ่

รีวิวหนัง Doi Boy อีกหนึ่งหนังไทยรสชาติแปลกใหม่ เป็นหนังอินดี้ที่ดูง่าย สามารถสะท้อนภาพการดิ้นรนต่อสู้ของชาวไทใหญ่ พร้อมทั้งวิพากษ์สังคมได้อย่างเฉียบคม การแสดงของ อัด อวัช ทำได้โดดเด่นและน่าจดจำสุดๆ

รีวิวหนัง Doi Boy คือหนังไทยผลงานจากค่าย เนรมิตรหนังฟิล์ม ที่กำกับโดย นนทวัฒน์ นำเบญจพล ผู้กำกับสารคดีที่ผันตัวมากำกับหนัง Fiction เป็นครั้งแรก ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้ถูกนำไปจัดฉายในเทศกาลหนัง นานาชาติปูซาน (BUSAN International Film Festival) มาแล้ว ส่วนในไทยได้ทางสตรีมดังอย่าง Netflix ซื้อเข้ามาฉาย

รีวิวหนัง Doi Boy หนังอินดี้ที่สะท้อนภาพการดิ้นรนต่อสู้ของชาวไทใหญ่

เรื่องราวของ Doi Boy จะว่าด้วย ศร (อัด อวัช) เด็กหนุ่มชาวไทใหญ่ที่อพยพมาทำงานในไทยอย่างผิดกฎหมาย และต้องทำงานค้าประเวณีในบาร์เกย์ จนกระทั่งเมื่อช่วงที่เกิดโรคโควิด-19 ระบาด ทำให้บาร์เกย์ต้องปิดตัว ศร ที่ได้รับผลกระทบเพราะไม่มีงานทำต้องหาช่องทางทำงานใหม่ โดยเขาได้รับคำแนะนำจาก จิ (เป้ อารักษ์) นายตำรวจที่คอยตามล่าคนนักกิจกรรมทางการเมือง ที่มอบหมายให้ ศร ทำภารกิจส่งตัว วุฒิ (เอม ภูมิภัทร) นักกิจกรรมที่โดยทางการหมายหัว ไปยังดินแดนไทใหญ่

รีวิวหนัง Doi Boy หนังอินดี้ที่สะท้อนภาพการดิ้นรนต่อสู้ของชาวไทใหญ่

หากพูดถึงรูปแบบการเล่าเรื่องของ Doi Boy เรียกได้ว่าเป็นหนังแนวสะท้อนสังคมแบบเดียวกับ Red Life ที่พูดถึงชีวิตของคนชายขอบที่ต้องใช้ชีวิตแบบปากกัดตีนถีบ โดยในเรื่อง Doi Boy นั้นจะเป็นการหยิบชีวิตของชาวไทใหญ่ ที่อพยพมาทำงานในไทยอย่างผิดกฎหมาย และไม่ได้รับสิทธิ์สวัสดิการต่างๆ อย่างที่ควรเป็น จนนำมาสู่เหตุการณ์ชวนระทึกต่างๆ มากมายภายในเรื่อง

แม้จะเป็นหนังอินดี้ แต่ Doi Boy กลับสามารถเล่าเรื่องได้สนุก ชวนติดตาม และมีเนื้อหาที่เข้าใจง่าย โดยภาพรวมของหนังจะเน้นไปโทนดราม่าอาชญากรรม ที่พูดถึงตำรวจเลวและคนที่ต้องใช้ชีวิตอย่างผิดกฎหมาย หนังสามารถผูกโยงเรื่องราว พร้อมค่อยๆ ไต่ระดับความเข้มข้นได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะองก์ 2 ที่ถือว่าเป็นช่วงที่พีคที่สุดในหนัง

รีวิวหนังDoi Boy หนังอินดี้ที่สะท้อนภาพการดิ้นรนต่อสู้ของชาวไทใหญ่

อีกสิ่งที่น่าชื่นชมของ Doi Boy คือการที่หนังกล้าที่จะหยิบประเด็นละเอียดอ่อนมาเล่าในหนังได้อย่างตรงไปตรงมา และทรงพลัง ไม่ว่าจะเป็นการสะท้อนภาพคนต่างเมืองที่ต้องทำงานผิดกฎหมาย การขูดรีดจากทางตำรวจ รวมถึงการใช้อำนาจรัฐปิดปากคนที่เห็นต่างหรือเรียกร้อง หลายฉากหนังสะท้อนภาพได้อย่างดีเยี่ยม จนไม่แปลกใจที่หนังเรื่องนี้จะหลุดจากการฉายโรงและมาฉายบนสตรีมแทน

รีวิวหนังDoi Boy หนังอินดี้ที่สะท้อนภาพการดิ้นรนต่อสู้ของชาวไทใหญ่

ด้านการแสดงต้องขอชื่นชม 3 นักแสดงหลักของเรื่อง โดยเฉพาะ อัด อวัช ที่ประเดิมงานแสดงนำครั้งแรกได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถเข้าถึงบทบาทของศรในตลอดทั้งเรื่องของหนัง ในส่วน เป้ อารักษ์ที่รับบทสุดดาร์ก ที่ถ่ายทอดอารมณ์นิ่งๆ ผ่านสายตา เรียกได้ว่าสลัดภาพงานแสดงที่ผ่านๆ มาของเขาก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมี เอม ภูมิภัทร ที่เป็นตัวละครสมทบที่เข้ามาเพิ่มพลังให้ประเด็นของหนังมีพลังมากยิ่งขึ้น

โดยรวม Doi Boy คืออีกหนึ่งหนังไทยรสชาติแปลก ที่นานทีจะมีให้เห็น เป็นอีกเรื่องที่สะท้อนภาพของคนชายขอบได้อย่างสมจริง พร้อมทั้งมีการเล่าเรื่องแบบดราม่า อาชญากรรมที่สนุก ชวนติดตาม ไม่เข้าใจยาก เป็นอีกหนึ่งหนังไทยปีนี้ที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้ดูกัน

สามารถรับชม Doi Boy ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Netflix
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/cJKt1Ni-3kk

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง She Said

รีวิวหนัง She Said หนังดราม่าพลังหญิง ถ่ายทอดในรูปแบบหนังนักข่าว

รีวิวหนัง She Said หนังดราม่าพลังหญิง ที่หยิบเหตุการณ์จุดเริ่มต้นของ #Metoo มาถ่ายทอดในรูปแบบหนังนักข่าวได้อย่างชวนติดตาม เป็น 2 ชั่วโมงที่ยิ่งดูยิ่งลุ้น พร้อมทั้งสะท้อนความดำมืดของฮอลีวูดได้อย่างน่าขนลุก

รีวิวหนัง She Said หลังจากที่ช่วงที่ผ่านมามีหนังและซีรีส์ที่อิงกระแส #Metoo มาถ่ายทอดจนได้รับกระแสตอบรับที่ดีไม่ว่าจะเป็น หนัง Bombshell และซีรีส์ The Morning Show เมื่อปี 2019 ในปี 2022 ที่ผ่านมาได้มีอีกหนึ่งหนังดราม่าพลังหญิง ที่ถือว่าเป็นการหยิบจุดเริ่มต้นของกระแส #Metoo มาถ่ายทอดในเรื่อง She Said

รีวิวหนัง She Said หนังดราม่าพลังหญิง ถ่ายทอดในรูปแบบหนังนักข่าว

She Said เป็นผลงานการกำกับโดย มาเรีย ชเรเดอร์ (ซีรีส์ Unorthodox) ที่จะว่าด้วยเรื่องราวในช่วงปี 2016 เมื่อสองนักข่าวสาวจาก เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ อย่าง โจดี้ (โซอี้ คาซาน) และ เมแกน (แครี่ มัลลิแกน) ที่ได้รับข้อมูลถึงเรื่องดำมืดในวงการฮอลีวูด ถึงการล่วงละเมิดทางเพศของ ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน ผู้บริหารค่ายหนัง Miramax ในตอนนั้น แต่เมื่อทั้งสองได้ลงมือสืบหาข่าวพวกเธอก็ได้พบว่า ไวน์สตีน ได้ใช้อำนาจเงินในการปิดปากหญิงที่ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ทั้ง โจดี้ และเมแกน เลยต้องทำทุกอย่างเพื่อหาความจริง และหลักฐานเพื่อเปิดโปงข่าวฉาวที่จะเปลี่ยนแปลงวงการฮอลีวูด ไปตลอดกาล

รีวิวหนัง She Said หนังดราม่าพลังหญิง ถ่ายทอดในรูปแบบหนังนักข่าว

เรียกได้ว่า She Said มาพร้อมสไตล์การเล่าเรื่องแบบเดียวกับ Bombshell และ The Morning Show ตรงที่เป็นหนังนักข่าว ที่สะท้อนภาพการทำงานวงการสื่อของตัวละครหญิงสาว ที่ต้องกระเสือกกระสน และหาทางต่อสู้ดิ้นรนเพื่อการงานวิชาชีพของตัวเอง 

ตัวหนังเดินเรื่องได้อย่างสนุก น่าติดตาม ตั้งแต่นาทีแรก จนนาทีสุดท้ายของหนังแทบไม่มีจังหวะที่เนิบช้า น่าเบื่อ หนังใส่เหตุการณ์ที่ท้าทายตัวละครตลอดเวลา ทั้งการสืบหาความจริงที่เดินเรื่องได้อย่างเข้มข้น และยังมีอุปสรรคอย่างอำนาจมืดที่คอยกดดันเหล่าเหยื่อ รวมถึงพยานในเหตุการณ์ ที่เพิ่มความรู้สึกไม่น่าไว้วางใจตลอดทั้งเรื่อง 

รีวิวหนังShe Said หนังดราม่าพลังหญิง ถ่ายทอดในรูปแบบหนังนักข่าว

ด้านบทหนังทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม หนังสามารถสะท้อนคาแรคเตอร์ของ 2 นักข่าว รวมถึงตัวละครที่เป็นเหยื่อ ได้อย่างมีมิติ น่าค้นหา โดยเฉพาะตัวละครเหยื่อที่หนังสะท้อนภาพพวกเธอที่หวาดกลัวต่อตัว ไวน์สตีน ได้อย่างสมจริง หลายฉากหนังมีบทบรรยายถึงเหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศ ที่ตรงไปตรงมา จนชวนสะเทือนอารมณ์ 

รีวิวหนังShe Said หนังดราม่าพลังหญิง ถ่ายทอดในรูปแบบหนังนักข่าว

ด้านการแสดงต้องขอชื่นชมเคมีระหว่าง แครี่ มัลลิแกน และโซอี้ คาซาน ที่ต่างถ่ายทอดบทบาทนักข่าวสาวที่มีเสน่ห์ และน่าจดจำสุดๆ ทั้งสองสามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้คนดูอยากตามติดเอาใจช่วยพวกเธอไปจนจบเรื่อง

โดยรวม She Said คืออีกหนึ่งนักนักข่าวน้ำดีประจำปี 2022 ที่ผ่านมา หนังเล่าเรื่องได้สนุก ชวนติดตาม พร้อมทั้งยังสะท้อนด้านมืดของวงการฮอลีวูดได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นหนังที่ดูจบแล้วเห็นถึงปัญหา และความน่ากลัวการล่วงละเมิดทางเพศ และยังสะท้อนเสียงของผู้หญิงในการต่อสู้เรื่องนี้ได้อย่างทรงพลัง

สามารถรับชม She Said ได้แล้ววันนี้ที่ HBO Go

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/i5pxUQecM3Y

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิว 4Kings 2

รีวิว 4Kings 2 ผลงานผู้กำกับ พุฒิพงษ์ นาคทอง จากภาคแรก

รีวิว 4Kings 2 : ภาคต่อที่ยกระดับคุณจากภาคแรกทุกด้าน ดาร์กขึ้น แอ็คชันทำได้เดือดกว่าเดิม พาร์ทดราม่ากลมกล่อมลงตัว ช่วงท้ายของเรื่องทำได้หนักหน่วงขั้นสุด บิ๊ก ดีเจอร์ราร์ดเป็นเด็กบ้านที่สมจริงจน่าขนลุก

รีวิว 4Kings 2 ผลงานภาคต่อของหนังไทยที่ประสบความสำเร็จเมื่อปี 2564 ที่ทำรายได้ทั่วประเทศไปถึง 170 ล้านบาท ซึ่งในครั้งนี้ยังได้ผู้กำกับ พุฒิพงษ์ นาคทอง จากภาคแรกกลับมารับหน้าที่เดิมอีกครั้ง พร้อมได้ทีมนักแสดงนำไม่ว่าจะเป็น แหลม สมพล, จี๋ สุทธิรักษ์, เบนจามิน โจเซฟ วาร์นี และยังได้ บิ๊ก ดีเจอร์ราร์ด และทู สิราษฎษร์ จากภาคแรกกลับมารับบทเดิมอีกครั้ง

รีวิว 4Kings 2 ผลงานผู้กำกับ พุฒิพงษ์ นาคทอง จากภาคแรก

เรื่องราวของ 4Kings 2 จะว่าด้วยสงครามระหว่าง กนกอาชีวะ ที่นำโดย บ่าง (แหลม สมพล) และช่างกลบูรณพนธ์ ที่นำโดย รก (จี๋ สุทธิรักษ์) ที่มักตีกันในช่วงเวลารอบดึก นอกจากนี้พวกเขายังต้องรับมือกับ ยาท เด็กบ้าน (บิ๊ก ดีเจอร์ราร์ด) เด็กสลัมขายยา อดีตเพื่อนในวัยเด็กของบ่าง ที่มีความแค้นกับเด็กช่าง 

เนื้อหาในภาคนี้ ค่อนข้างมีความยกระดับจากภาคแรกในแทบทุกๆ ด้าน ตั้งแต่บทหนัง งานโปรดักชัน ไปจนถึงการแสดง โดยในภาคนี้หนังจะเปลี่ยนโทนจากที่ตีกันในช่วงกลางวัน มาเน้นเป็นการตีกันในช่วงกลางคืน พร้อมทั้งพาคนดูไปสำรวจชีวิตอีกด้านของเด็กช่างและเด็กบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะการพาคนดูไปสำรวจชีวิตของคนในสลัมหรือชายขอบของสังคมแบบที่หนัง Red Life นำเสนอไปก่อนหน้านี้

รีวิว 4Kings 2 ผลงานผู้กำกับ พุฒิพงษ์ นาคทอง จากภาคแรก

ด้านพาร์ทแอ็คชันในภาคนี้ค่อนข้างมีเยอะขึ้นกว่าเดิม มีซีเควนซ์ที่ชวนลุ้น ชวนติดตาม และเล่นใหญ่ขึ้น ทั้งการใช้มีด ปืน ระเบิด แต่ถึงแม้เทียบสัดส่วนแล้ว หน้งจะไม่ได้ถือว่าเป็นหนังบู๊ แต่ในภาคนี้ก็ทำได้ค่อนข้างครบรสขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากเปิดเรื่องที่ทำได้โหด ดิบ และสร้างอารมณ์ชวนระทึกได้ดีมากๆ 

รีวิว 4Kings2 ผลงานผู้กำกับ พุฒิพงษ์ นาคทอง จากภาคแรก

พาร์ทดราม่าในภาคนี้หนังสามารถทำได้กลมกล่อมลงตัวมากขึ้น หนังไม่ได้เน้นขายมิตรภาพหรือความรักแบบวัยรุ่นแบบภาคแรก แต่กลับพาคนดูไปเจาะลึกถึงความคิด ความรู้สึกของตัวละครมากขึ้น มีการบาลานซ์บทให้ลงตัวกว่าเดิม ทำให้ทั้งสามตัวละครหลักมีความน่าจดจำเท่าๆ กัน ในขณะที่พาร์ทครอบครัวก็เล่าได้อย่างทรงพลัง หนักหน่วงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

รีวิว 4Kings2 ผลงานผู้กำกับ พุฒิพงษ์ นาคทอง จากภาคแรก

ส่วนที่น่าชื่นชมขั้นสุดของหนังคือการแสดงของ บิ๊ก ดีเจอร์ราร์ด ที่สามารถถ่ายทอดบท ยาทเด็กบ้านออกมาได้ถึงอารมณ์มาก เป็นบทที่เมื่อปรากฎตัวแล้วสามารถตรึงสายตาคนดูได้อยู่หมัด เป็นบทที่มีความโรคจิตแบบโจ๊กเกอร์ แต่ในขณะเดียวกันก็มีพาร์ทที่น่าสงสารจนชวนเสียน้ำตา นอกจากนี้แหลม สมพล ที่ประเดิมงานแสดงนำครั้งแรก ก็ถ่ายทอดบทบ่างกนก ได้ดุดัน หนักแน่น และเท่สุดๆ จนเชื่อได้ว่าทั้งสองจะมีงานแสดงที่น่าจับตาในอนาคตอย่างแน่นอน

โดยรวม 4Kings 2 คืออีกหนึ่งหนังไทยคุณภาพจากปี 2023 ที่ยกระดับคุณภาพจากภาคแรกได้ดีงามทุกด้าน เป็นหนังที่มีดีมากกว่าแค่ประเด็นวัยรุ่นตีกัน แต่กลับเป็นหนังที่สะท้อนภาพปัญหาสังคมที่ทำออกมาได้ถึงพริกถึงขิง

สามารถรับชม 4kings 2 ได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: เนรมิตหนังฟิล์ม
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/Kv2rtntu_oQ

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Talk to Me

รีวิวหนัง Talk to Me หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก

รีวิวหนัง Talk to Me : หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก แต่เปี่ยมไปด้วยลูกเล่นที่มีชั้นเชิง พาร์ทน่ากลัวทำได้น่าขนลุก ชวนหลอนสุดๆ ผสมผสานกับพาร์ทดราม่าที่เล่าควบคู่กันได้เป็นอย่างดี พร้อมองก์ 3 ที่เล่าได้ทรงพลังเกินคาด

รีวิวหนัง Talk to Me คือหนึ่งในงานสยองขวัญฟอร์มเล็กสัญชาติออสเตรเลีย ผลงานการกำกับโดย ไมเคิล ฟิลลิปโป และ แดนนี่ ฟิลลิปโป ที่ประเดิมงานกำกับหนังยาวเป็นเรื่องแรก โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ มีอา (โซฟี ไวล์ด) หญิงสาวที่พึ่งสูญเสียแม่ของเธอไปจากการกินยาเกินขนาด ทำให้เธอมักไปใช้ชีวิตอยู่กับ เจด (อเลกซานดรา เจนเซน) เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ 

รีวิวหนัง Talk to Me หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก

แต่เรื่องหลอนๆ ก็เริ่มขึ้น เมื่อ มีอา และเจด ได้ไปร่วมงานปาร์ตี้ที่ได้มีการละเล่นท้าผีด้วยการให้แต่ละคนนำมือไปจับกับมือรูปปั้น ที่เชื่อว่าเป็นพิธีกรรมที่เห็นวิญญาณ ซึ่งมีอาก็ได้ร่วมเล่นเกมนี้จนทำให้เธอพบกับเรื่องเหนือธรรมชาติมากมายที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอ และคนรอบข้างไปตลอดกาล

รีวิวหนัง Talk to Me หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก

Talk to Me เรียกได้ว่าเป็นหนังสยองขวัญ แนวคำสาป เน้นขายพลอต ที่มาธีมเดียวกับ Blumhouse Productions ตัวหนังสามารถเล่นกับเงื่อนไขการเจอผีในเรื่องได้อย่างสนุก เต็มไปด้วยลูกเล่นที่ทั้งชวนสยดสยอง และมีอะไรให้เซอร์ไพรส์คอหนังผีตลอดเวลา พร้อมทั้งมีเส้นเรื่องที่ปูทางเรื่องราวไปสู่เหตุการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

รีวิวหนัง Talk toMe หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก

ด้านพาร์ทสยองขวัญ หนังอาจไม่ได้มาพร้อมฉากตุ้งแช่มากนัก แต่ความน่ากลัวของหนังกลับทำได้เหนือชั้นกว่านั้น หนังมีการนำเสนอฉากผีหลอกที่เรียบง่าย แต่สร้างอิมแพคได้อย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยจังหวะการปรากฎตัวของผีที่เหมาะสม และเมคอัพผีที่สยองติดตา ทำให้สามารถสร้างความหวาดกลัวกับคนดูได้โดยไม่ต้องพึ่งจังหวะตกใจ นอกจากนี้หนังยังมาพร้อมฉากสยดสยอง ที่ขายเลือด ขายความโหดพอให้ได้หวาดเสียวอยู่บ้าง

รีวิวหนัง Talkto Me หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก

นอกจากพาร์ทสยองแล้ว สิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราว และเพิ่มหัวจิตหัวใจให้หนังเรื่องนี้คือพาร์ทดราม่า ที่หนังสามารถถ่ายทอดความสัมพันธ์ต่างๆ ของตัวละคร รวมถึงเหตุและผลของการกระทำได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะตัวละคร มีอา ที่เป็นคาแรคเตอร์ที่นอกจากจะน่าสงสารแล้ว เธอยังเป็นตัวละครที่น่าหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน แต่ถึงกระนั้นบทมีอา ก็เป็นสิ่งที่แบกหนังเรื่องนี้ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

Talk to Me คือหนังไม่ได้ขายผี หรือความสยดสยอง เลือดสาดเหมือนหนังสยองขวัญเรื่องอื่นมากนัก แต่ในด้านการมอบประสบการณ์หลอนๆ ความน่ากลัว หนังเรื่องนี้สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นหนังผีที่มอบรสชาติใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนใคร ที่คอหนังสยองขวัญควรไปลองสัมผัสด้วยตนเอง

Talk to Me ฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: IMDB
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/aLAKJu9aJys

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Bodies Bodies Bodies

รีวิวหนัง Bodies Bodies Bodies หนังสยองขวัญ เนื้อหาสุดปั่นจาก A24

รีวิวหนัง Bodies Bodies Bodies :  หนังสยองขวัญ เนื้อหาสุดปั่นจาก A24 ที่มาพร้อมเนื้อหาที่ดูง่าย ย่อยง่าย เนื้อหาชวนลุ้นระทึก ชวนติดตามการเอาชีวิตรอดของเหล่าตัวละคร และร่วมสนุกกับการหาตัวคนร้ายที่ทำออกมาได้ปั่นเกินคาด

รีวิวหนัง Bodies Bodies Bodies ผลงานหนังสยองขวัญแนว Slasher จากค่าย A24 ที่กำกับโดย ฮาลินา เรจิน (Instinct) ที่ได้รวมทีมดาราวัยรุ่นมาไว้ในเรื่องนี้อย่างคับจอ นำทีมโดย พีท เดวิดสัน (The Suicide Squad), อแมนด์ลา สแตนเบิร์ก (I Hate U Give), มาเรีย บาคาโลวา (Borat Subsequent Moviefilm) และ ลี เพซ (ซีรีส์ Foundation)

รีวิวหนัง Bodies Bodies Bodies หนังสยองขวัญ เนื้อหาสุดปั่นจาก A24

เรื่องราวของ Bodies Bodies Bodies จะว่าด้วยงานปาร์ตี้ที่เป็นการกลับมาเจอกันของกลุ่มเพื่อที่ไม่ได้เจอกันมาเนิ่นนาน ซึ่งพวกเขาและเธอทั้งหมดก็ได้พากันเล่นเกมตามล่าหาตัวฆาตกร แต่ทว่าจากการละเล่นสนุก ๆ กลับปรากฏว่าคืนนั้นมีการฆาตกรรมกันจริง ๆ จนนำมาสู่ค่ำคืนวายป่วง แห่งการเอาชีวิตรอด และหาตัวตนที่แท้จริงของคนร้ายว่าคือใคร?

รีวิวหนัง Bodies Bodies Bodies หนังสยองขวัญ เนื้อหาสุดปั่นจาก A24

จากพลอตของหนัง เรียกได้ว่ามีความเป็น Glass Onions ในเวอร์ชั่นของหนังสยองขวัญ/ระทึกขวัญ ด้วยความที่หนังถูกสร้างภายใต้สตูดิโอสุดติสท์อย่าง A24 ทำให้ Bodies Bodies Bodies เป็นมากกว่าหนังไล่เชื่อดทั่ว ๆ ไป แต่เป็นหนังที่เต็มไปด้วยเรื่องราว บทสนทนา และตัวละครสุดปั่น พร้อมทั้งมีรูปแบบการเล่าเรื่องที่โดดเด่น เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร

สิ่งที่ทำให้ Bodies Bodies Bodies โดดเด่น และชวนติดตาม คือการที่หนังใช้ประโยชน์จากพลอตหนัง และตัวละครทุกตัวในเรื่องได้อย่างคุ้มค่า หนังสร้างความขัดแย้งของเนื้อเรื่องจากเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่นำมาสู่เหตุการณ์ใหญ่ ๆ ทุกตัวละครต่างมีความน่าสงสัย และมีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่น ชวนให้คนดูอยากติดตามว่าใครคือคนร้าย และใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป

รีวิวหนังBodies Bodies Bodies หนังสยองขวัญ เนื้อหาสุดปั่นจาก A24

แม้ในด้านความโหดของหนังเรื่องนี้จะไม้ได้จัดหนัก จัดเต็มมาก แต่ด้วยตลอดระยะเวลา 90 นาทีของหนังที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ชวนเซอร์ไพรส์ ชวนระทึก ทำให้ Bodies Bodies Bodies เป็นหนังสยองขวัญ/ระทึกขวัญ ที่เล่าได้กลมกล่อมลงตัวมาก ๆ เรื่องหนึ่ง

รีวิวหนังBodiesBodiesBodies หนังสยองขวัญ เนื้อหาสุดปั่นจาก A24

ด้านการแสดง ทีมนักแสดงนำในเรื่องต่างถ่ายทอดบทบาทได้เป็นอย่างดี ทุกตัวละครในเรื่องมีความปั่น ความตลก หนึ่งในบทบาทขโมยซีนคือบทของ พีท เดวิดสัน ที่แม้ว่าบทบาทของเขาในเรื่องนี้จะไม่ได้มีบทเยอะมาก แต่ทุกครั้งที่เขาปรากฎตัวก็สามารถขโมยซีนคนดูได้อย่างอยู่หมัด โดยเฉพาะฉากสุดท้ายของหนังที่ทำเอาคนดูลืมไม่ลงอย่างแน่นอน

โดยรวม Bodies Bodies Bodies เป็นหนังสยองขวัญ/ระทึกขวัญ คุณภาพจาก A24 ที่นอกจากจะเป็นงานที่สนุก ชวนลุ้น ชวนติดตามทุกนาทีแล้ว หนังยังเต็มไปด้วยบท และการแสดงที่มีชั้นเชิง แถมยังดูง่าย ย่อยง่าย ที่คอหนังแนวนี้น่าจะชื่นชอบไม่น้อย
สามารถรับชม Bodies Bodies Bodies ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: IMDB
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/cTzGKsZjBOY

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง The Nun 2

รีวิวหนัง The Nun 2 ภาคต่อตำนานผีแม่ชี

รีวิวหนัง The Nun 2 : ภาคต่อของผีแม่ชีที่ยังคงรักษามาตรฐานความน่ากลัวไว้ได้ดี เพิ่มเติมคือการเล่นใหญ่กว่าเดิม จังหวะการหลอกอาจไม่แปลกใหม่มาก แต่ก็พอได้ตื่นตาตื่นใจ กับฉากแอ็คชัน ระทึกขวัญ ที่เล่นใหญ่ขั้นสุด

รีวิวหนัง The Nun 2 หนังภาคต่อของตำนานผีแม่ชีสุดโด่งดังจาก The Conjuring ที่เว้นช่วงจากภาคแรกไปนานถึง 5 ปี โดยครั้งนี้ยังได้ ไมเคิล ชาเวซ (The Conjuring: The Devil Made Me Do It) มารับหน้าที่กำกับ แทนที่ โคริน ฮาร์ดี้ (The Hallow) ที่กำกับในภาคแรก พร้อมได้ เทสซ่า ฟาร์มิก้า (ซีรีส์ American Horror Story) กลับมารับบทนำอีกครั้ง

รีวิวหนัง The Nun 2 ภาคต่อตำนานผีแม่ชี

เรื่องราวของ The Nun 2 จะว่าด้วยเหตุการณ์หลังจากภาคแรก เมื่อได้เกิดเหตุฆาตกรรมปริศนาของเหล่านักบวชตามโบสถ์ต่างๆ ทั่วยุโรป ทำให้สำนักวาติกันคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของ วาราค (บอนนี่ แอร่อน) ปีศาจร้ายในร่างแม่ชี พวกเขาเลยได้ติดต่อขอให้ ซิสเตอร์ ไอรีน (เทสซ่า ฟาร์มิก้า) ที่เคยเอาชีวิตรอดจากปีศาจร้ายตนนี้ได้ ให้ทำหน้าที่สืบหาความจริง และหยุดยั้งปีศาจตนนี้อีกครั้ง โดยครั้งนี้เธอได้ เดบรา (สตอร์ม รีด) แม่ชีรุ่นน้องที่อาสาเข้ามาช่วยเหลือเธอในภารกิจครั้งนี้

รีวิวหนัง The Nun 2 ภาคต่อตำนานผีแม่ชี

ในภาคนี้หนังยังมาพร้อมการเล่าเรื่องที่รักษามาตรฐานของหนังสยองขวัญจักรวาล The Conjuring ที่เน้นขายจังหวะ Jump Scare และบรรยากาศหลอนๆ เป็นจุดขาย โดยในภาคนี้หนังยังเล่นกับบรรยากาศความน่าขนลุก ลึกลับในโบสถ์ได้เป็นอย่างดี เพิ่มเติมคือการพยายามยกระดับสเกลหนังให้ให้เล่นใหญ่มากยิ่งขึ้น

ด้านความน่ากลัว หนังอาจไม่ได้ขายความหลอน น่าขนลุกได้เท่ากับภาคแรกนัก ตัวหนังค่อนข้างพยายามขายความเป็นดาร์คแฟนตาซีมากกว่า จนทำให้ฉากการหลอกของผีในภาคนี้ให้อารมณ์เหมือน It ที่เน้นความโฉ่งฉ่าง และขายโปรดักชันความอลังการ แต่จุดเด่นของหนังชุดนี้ยังเป็นความโหดของหนังที่ถ่ายทอดการตายได้สยดสยองไม่แพ้ภาคแรก

รีวิวหนัง The Nun2 ภาคต่อตำนานผีแม่ชี

ส่วนที่เป็นไฮไลท์ในภาตนี้คือการที่หนังค่อนข้างเพิ่มเติมฉากแอ็คชัน แฟนตาซี เข้าไปในเรื่อง ช่วงท้ายหนังมีการเล่นกับซีเควนซ์ชวนระทึก ที่ให้อารมณ์เหมือนผู้ชมกำลังเล่นสวนสนุก ทีมีเสียงกรี๊ดของตัวละคร และฉากเอาชีวิตรอดที่ชวนหวาดเสียว นั่งไม่ติดเก้าอี้

รีวิวหนัง The Nun2 ภาคต่อตำนานผีแม่ชี

ด้านการเล่าเรื่องในภาคนี้หนังจะแบ่งออกเป็น 2 เส้นเรื่อง คือเส้นเรื่องของซิสเตอร์ไอรีน และเส้นเรื่องของโรงเรียนประจำ ที่ค่อยๆ เดินเรื่องไปพร้อมๆ กัน แต่ทั้งนี้ด้วยความที่หนังต้องแบ่งเป็น 2 เหตุการณ์นี้เองทำให้ความเข้มข้นของหนังไม่เท่าภาคแรก เพราะหนังต้องพยายามกระจายบทบาทให้ทุกตัวละคร ในขณะที่พาร์ทสืบสวน หรือพาร์ทสยองขวัญกลับเล่าเรื่องได้เบาบางลง

โดยรวม The Nun 2 คืองานจากจักรวาล The Conjuring ที่รักษามาตรฐานตัวเองไว้ได้ดี แม้ว่าหนังอาจไม่ได้คืนฟอร์มจนสร้างปรากฎการณ์แบบเมื่อครั้งภาคแรก แต่หนังก็เต็มไปด้วยบรรยากาศอันน่าขนลุก มีจังหวะหลอกที่ชวนสะดุ้ง และสเกลเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ใส่เต็มยิ่งขึ้น

สามารถรับชม The Nun 2 ได้แล้ววันนี้ที่ HBO Go

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/QF-oyCwaArU

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Wind River

รีวิวหนัง Wind River หนังอาชญากรรม ระทึกขวัญ โดยเทย์เลอร์ เชอร์ริแดน

รีวิวหนัง Wind River : หนังฟิล์มนัวร์ เนื้อหาเข้มข้น พาร์ทสืบสวนทำได้ดีมาก แม้จะเดินเรื่องช้า แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น และบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจ พาร์ทแอ็คชั้นท้ายเรื่องเป็นหนึ่งในฉากดวลปืนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของยุคนี้

รีวิวหนัง Wind River ผลงานหนังอาชญากรรม ระทึกขวัญ โดยเจ้าพ่อหนังตะวันตกยุคใหม่อย่าง เทย์เลอร์ เชอร์ริแดน (Those Who Wish Me Dead) ที่ในครั้งนี้เขาได้หยิบแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริงของความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อชาวพื้นเมืองอเมริกา ซึ่งหนังได้สองนักแสดงมากฝีมืออย่าง เจเรมี เรนเนอร์ และ อลิซาเบธ โอลเซน จาก Avengers: Endgame มารับบทนำ

รีวิวหนัง Wind River หนังอาชญากรรม ระทึกขวัญ โดยเทย์เลอร์ เชอร์ริแดน

เรื่องราวของ Wind River จะว่าด้วยคดีฆาตกรรมปริศนาของหญิงสาวชนพื้นเมืองอเมริการายหนึ่ง ที่พบว่าเธอนั้นถูกข่มขืน และถูกทิ้งให้ตายบนกองหิมะอย่างเลือดเย็น ซึ่งคดีนี้ก็ได้ เจน (อลิซาเบธ โอลเซน) เจ้าหน้าที่ FBI เข้ามาดูแลคดีนี้ ร่วมกับ คอรี่ (เจเรมี่ เรนเนอร์) เจ้าหน้าที่ประมง และสัตว์ป่า ผู้เป็นคนพบศพหญิงสาว เมื่อทั้งสองเริ่มสืบสวน ก็ได้พบกับความรุนแรง โหดร้ายมากมาย ที่ชนเผ่าพื้นเมืองต้องเผชิญ

รีวิวหนัง Wind River หนังอาชญากรรม ระทึกขวัญ โดยเทย์เลอร์ เชอร์ริแดน

Wind River เป็นงานที่ขายความเป็น เทย์เลอร์ เชอร์ริแดน ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นโลเคชันในหนังที่ยังเป็นโซนตะวันตกของอเมริกา, คาแรคเตอร์ของตัวเอกที่มีการแต่งตัวแบบคาวบอย และการสะท้อนภาพอาชญากรรม ความรุนแรง ซึ่งในเรื่องนี้เขาเลือกที่จะโฟกัสที่ชนเผ่าพื้นเมือง

ตัวหนังมาพร้อมการเล่าเรื่องแบบหนังสืบสวน Slow Burn ที่จะค่อยๆ พาคนดูไปหาความจริงทีละนิดๆ ในขณะเดียวกันหนังก็ได้สะท้อนภาพความรุนแรง ความโหดร้ายต่างๆ ที่ตัวละะครเผชิญ ทั้งความโหดร้าย ทารุณ ที่ตัวละครเหยื่อในเรื่องต้องเผชิญ รวมถึงปมของตัวละคร คอรี่ ที่พึ่งสูญเสียลูกสาว ที่ชวนให้คนดูรู้สึกร่วมกับตัวละครนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม

รีวิวหนังWindRiver หนังอาชญากรรม ระทึกขวัญ โดยเทย์เลอร์ เชอร์ริแดน

แม้ว่าตลอดช่วง องก์ 1 และองก์ 2 ของหน้งจะเดินเรื่องอย่างเนิบช้า และค่อนข้างหนักดราม่า แต่ในช่วง 40 นาทีท้ายของหนังกลับทำออกมาได้อย่างเหนือชั้น หนังมีฉากเฉลยความจริงที่ดูแล้วสามารถทำเอาคนดูช็อค สะเทือนอารมณ์กับสิ่งที่เห็น รวมถึงฉากดวลปืนในตอนท้าย ที่ทำออกมาได้ดุเดือด เต็มไปด้วยความโกลาหล จนสามารถนับได้ว่าเป็นหนึ่งในฉากดวลปืนของหนังยุคนี้ที่ดีที่สุด

รีวิวหนังWindRiver หนังอาชญากรรม ระทึกขวัญ โดยเทย์เลอร์ เชอร์ริแดน

ด้านการแสดง เจเรมี่ เรนเนอร์ และ อลิซาเบธ โอลเซน ต่างมีเคมีการแสดงที่เข้ากันลงตัว ทั้งสองสามารถเป็นคู่หูนักสิบต่างเมือง ที่สร้างอารมณ์ร่วมกับคนดูได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ เรนเนอร์ ที่ในเรื่องนี้เป็นอีกงานขายดราม่าของเขาที่น่าจดจำมากๆ
โดยรวม Wind River นับว่าเป็นหนึ่งในงานมาสเตอร์พีซของ เทย์เลอร์ เชอร์ริแดน ไม่ว่าจะเป็นการขายสไตล์ของตัวเขาเองได้อย่างเต็มที่ รวมถึงความเป็นหนังฟิล์มนัวร์ ที่สะท้อนภาพอาชญากรรม และความรุนแรง ที่ทำออกมาได้อย่างสะเทือนอารมณ์ ใครที่ชอบหนังสไตล์ตะวันตก เนื้อหาเข้มข้น ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
สามารถรับชม Wind River ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/PwPz96-v5DE

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Halloween Ends

รีวิวหนัง Halloween Ends หนังภาคสุดท้ายของ Halloween Trilogy

รีวิวหนัง Halloween Ends : ภาคบทสรุปที่ไปไม่สุดสักทาง หนังพยายามสร้างเส้นเรื่องใหม่ จนเส้นเรื่องดั้งเดิมดูดรอปลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่จุดแข็งคือพาร์ทดราม่าที่ค่อนข้างทำได้ดี และครึ่งท้ายที่ปิดฉากได้อย่างลงตัว

รีวิวหนัง Halloween Ends หนังภาคสุดท้ายของ Halloween Trilogy โดย เดวิด กอร์ดอน กรีน (ซีรีส์ Dickinson) ที่ครั้งนี้ถือว่าเป็นบทสรุประหว่าง ไมเคิล ไมเยอร์​ และ ลอว์รี่ สไตรค์ (เจมี ลี เคอร์ติส) หลังจากที่ไล่ล่ากันมานานร่วม 50 ปี โดยในภาคนี้ หนังจะเล่าต่อจากเหตุการณ์ใน Halloween Kills หลังจากที่ชาวเมืองแฮดดอนฟิลด์ ได้ร่วมกันต่อสู้กับ ไมเคิล ไมเยอร์ จนล้มตายเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ ไมเคิล ก็ได้หายตัวไปอย่างปริศนา

รีวิวหนัง Halloween Ends หนังภาคสุดท้ายของ Halloween Trilogy

ด้าน ลอว์รี่ ได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับ อลิสสัน (แอนดี มาติแชค) หลานสาวของเธอ ในระหว่างนั้นเอง อลิสสัน ก็ได้ไปตกหลุมรักเข้ากับ คอรี่ (โรฮัน แคมป์เบล) ขายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยถูกจับข้อหาเป็นต้นเหตุให้เด็กชายคนหนึ่งต้องตาย หลังจากเหตุการณ์นั้นทำให้ คอรี่ ถูกรุมรังแก และถูกตัดสินจากผู้คนในเมือง จนทำให้ คอรี่ ค่อยๆ ถูกกดดันให้เข้าสู่ด้านมืดที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

รีวิวหนัง Halloween Ends หนังภาคสุดท้ายของ Halloween Trilogy

Halloween Ends เรียกได้ว่าเป็นหนังชุด Halloween ที่ฉีกจากภาคที่ผ่านๆ มาโดยสิ้นเชิง ตัวหนังไม่ได้มาในแนวไล่เชือด ที่เน้นความสยองขวัญ ระทึกขวัญ แบบหลับหูหลับตาเหมือนภาคก่อนๆ แต่หนังในภาคนี้เลือกที่จะหนักไปทางดราม่า อาชญากรรม เป็นส่วนใหญ่

ในภาคนี้หนังเลือกที่จะเล่าโดยโฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ของ อลิสสัน และ คอรี่ เป็นส่วนใหญ่ โดยจะพูดถึงความรักต้องห้าม และชีวิตของคนชายขอบ โดยเฉพาะพาร์ทของคอรี่ ที่หนังทำได้ค่อนข้างดี หนังได้สะท้อนภาพของคนที่ถูกสังคมตัดสิน และผลักไสไล่ส่ง แม้แต่ครอบครัวก็ไม่สามารถทำหน้าที่เซฟโซนได้ จนเปลี่ยนทำให้คนๆ หนึ่งกลายเป็นอาชญากรจริงๆ ความน่าติดตามของภาคนี้คือ จุดเปลี่ยนที่ทำให้คอรี่ ถึงจุดเปลี่ยนที่กลายเป็นผู้ร้าย

รีวิวหนังHalloween Endsหนังภาคสุดท้ายของ Halloween Trilogy

แต่ด้วยความที่หนังไปโฟกัสที่เส้นเรื่องของคอรี่จนเกินไป ปัญหาคือหนัง Halloween ภาคนี้ ขาดเสน่ห์ของความเป็นหนังสยองขวัญไปโดยสิ้นเชิง หนังเล่าเรื่องได้เนิบช้า น่าเบื่อในหลายจังหวะ รวมถึงการที่ไม่สามารถเชื่อมโยงเรื่องราวกับภาคที่แล้วได้ดีเท่าที่ควร ใครที่หวังจะได้เห็นไมเคิล เมเยอร์ ในภาคนี้อาจผิดหวัง เพราะเขามาในฐานะสมทบ ที่ไม่ได้มีบทเยอะเมื่อเทียบกับที่ผ่านๆ มา

รีวิวหนังHalloweenEnds หนังภาคสุดท้ายของ Halloween Trilogy

แต่ถึงแม้ว่าเกือบตลอดทั้งเรื่องของหนังจะทำได้ชวนง่วงเหงาหาวนอน ในช่วงองก์ 3 ของหนังกลับมาสามารถคืนฟอร์มได้ดีพอสมควร หนังสามารถเลือกฉากจบระหว่าง ลอว์รี่ และไมเคิล ได้อย่างชวนลุ้น จนละสายตาไม่ได้ เป็นการต่อสู้ที่ทั้งตื่นเต้น และชวนสยดสยอง จนนั่งไม่ติดเก้าอี้ แถมยังเลือกบทสรุปของตัวละคร ไมเคิล ที่ชัดเจน ไร้ข้อกังขาใดๆ ให้สร้างภาคต่อ


โดยรวม Halloween Ends คือภาคบทสรุปของหนังชุด Halloween ที่อาจไม่ได้สมบูรณ์แบบมาก เมื่อเทียบกับภาคแรก หนังยังเต็มไปด้วยจุดด้อยมากมาย แต่หนังก็สามารถทำได้ดีในพาร์ทดราม่า ที่มีเรื่องราวที่ชวนติดตาม และฉากจบที่แฟนหนังชุดนี้น่าจะชื่นชอบไม่น้อย
สามารถรับชม Halloween Ends ได้แล้ววันนี้ที่ HBO Go

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/s0vtbxLa-N8

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Ambulance

รีวิวหนัง Ambulance หนังแอ็คชันโคตรระห่ำจากไมเคิล เบย์

รีวิวหนัง Ambulance : หนังแอ็คชันโคตรระห่ำจากไมเคิล เบย์ ที่ตลอดทั้งเรื่องจัดเต็มด้วยฉากไล่ล่าสุดเข้มข้น เนื้อหาที่เล่นกับความฉิบหายวายป่วงแบบไต่ระดับความพีคทุกนาที ที่เกินเบอร์กว่าที่คาดไว้มาก

รีวิวหนัง Ambulance คือหนังแอ็คชันเรื่องล่าสุดของเจ้าพ่อหนังวินาศสันตะโรอย่าง ไมเคิล เบย์ (13 Hours) ที่ในครั้งนี้เขาได้กลับมาพร้อมกับสไตล์งานที่คุ้นเคยอย่างหนังแอ็คชัน อาชญากรรมอีกครั้ง พร้อมได้นักแสดงแถวหน้าอย่าง เจค จิลลาฮาล (Spider-Man: Far From Home) มาแสดงนำ ร่วมกับ ยาย่า อับดุล มาทีน ที่ 3 (Aquaman) และ ไอซา กอนซาเรซ (Baby Driver)

รีวิวหนัง Ambulance หนังแอ็คชันโคตรระห่ำจากไมเคิล เบย์

เรื่องราวของหนัง จะว่าด้วย วิล (ยาย่า อับดุล มาทีน ที่ 3) อดีตนายทหาร ที่กำลังเผชิญกับวิกฤ๖ทางการเงินครั้งใหญ่ ทำให้เขาต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายอย่าง แดนนี่ (เจค จิลลาฮาล) แต่ทว่าในตอนนั้นเอง แดนนี่ และพรรคพวกกำลังมีแผนการปล้นธนาคารครั้งใหญ่ ทำให้ วิล ต้องจับพลัดจับผลูกลายเป็นคนขับรถให้การปล้นครั้งนี้เพื่อแลกกับเงินมหาศาล ทว่าเหตุการณ์กลับเลวร้ายกว่าที่คาดไว้ เมื่อ วิล ได้เผลอยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจจนบาดเจ็บสาหัส ทำให้ทั้งวิล และแดนนี่ ต้องพากันปล้นรถพยาบาลที่มีตัวประกันคือ แคม (ไอซ่า กอนซาเลซ) เป็นพยาบาลประจำรถ จนนำมาสู่การไล่ล่าสุดระห่ำ ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน

รีวิวหนัง Ambulance หนังแอ็คชันโคตรระห่ำจากไมเคิล เบย์

Ambulance นับว่าเป็นอีกหนึ่งหนังบล็อคบัสเตอร์สูตรสำเร็จ และอัดแน่นไปด้วยความบันเทิงสำหรับคนรักหนังบู๊โดยแท้จริง หนังแทบไม่ได้มีบท หรือเนื้อหาที่มีความซับซ้อนเป็นพิเศษ นอกจากกลุ่มคนที่ปล้นธนาคาร จนนำมาสู่การไล่ล่าแบบตำรวจจับผู้ร้าย พร้อมการไต่ระดับความสนุก ความเล่นใหญ่ของเนื้อหาไปเรื่อย ๆ

ในเรื่องนี้ เบย์ เอาใจคนดูแบบจัดเต็ม ด้วยการเปิดฉากไล่ล่าตั้งแต่ 15 – 20 นาทีแรกของหนัง ที่เป็นการเซคอัพเนื้อเรื่อง และตัวละคร ก่อนที่จะเริ่มกระหน่ำความสนุกจากค่อย ๆ เพิ่มความวินาศสันตะโร จากภารกิจที่ผิดพลาด ความโชคร้ายต่าง ๆ ของตัวละคร ที่ใส่มาแบบจัดเต็มตลอดเวลากว่า 90 นาทีของหนังจนแทบไม่มีจังหวะให้คนดูได้พักหายใจ

รีวิวหนัง Ambulance หนังแอ็คชันโคตรระห่ำจากไมเคิล เบย์

แม้จะเป็นหนังที่ทำมาเพื่อดูเอามันส์ แต่ Ambulance ก็ยังสามารถเลือกที่จะใส่พาร์ทดราม่าเข้าไปในเรื่องได้อย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะการพูดถึงหน้าที่ของคนที่ต้องรักษาชีวิตคน ที่ถูกใช้มาเป็นเครื่องมือในการทำผิดกฎหมาย นอกจากนี้หนังก็ยังเพิ่มประเด็นของครอบครัว พี่น้อง ให้คนดูได้รู้สึกร่วมไปกับตัวละครได้

รีวิวหนังAmbulance หนังแอ็คชันโคตรระห่ำจากไมเคิล เบย์

ด้านการแสดงต้องขอชื่นชม 3 นักแสดงหลักของเรื่องอย่าง เจค จิลลาฮาล, ยาย่า อับดุล มาทีน ที่ 3 และไอซ่า กอนซาเลซ ที่ต่างสามารถส่งอารมณ์ที่ตึงเครียด กดดัน ไปตามสถานการณ์ ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะ เจค จิลลาฮาล ที่ยังงัดความสามารถด้านการแสดงมาใช้ในเรื่องนี้แบบไม่มียั้ง

แม้ว่า Ambulance จะไม่ได้เป็นงานที่แปลกใหม่เมื่อเทียบกับงานก่อน ๆ หน้าของ เบย์ อย่าง 6 Underground หรือแม้แต่กับหนังปล้นด้วยกันเองหลาย ๆ เรื่อง แต่ถึงกระนั้น หนังเรื่องนี้ก็เป็นอีกงานแอ็คชันคุณภาพของปี 2022 ที่หากใครเป็นคอหนังบู๊ล้างพลาญ จะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน
สามารถรับชม Ambulance ได้แล้ววันนี้ที่ HBO GO

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/ewkYAfnz-Dk

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Beast

รีวิวหนัง Beast หนังระทึกขวัญสูตรสำเร็จ ที่อัดแน่นด้วยความบันเทิง

รีวิวหนัง Beast : หนังระทึกขวัญสูตรสำเร็จ ที่อัดแน่นด้วยความบันเทิงเกือบตลอด 90 นาทีของหนัง ส่วนที่ดีงามที่สุดคือฉากลองเทค ที่สร้างอารมณ์ร่วมกับคนดูได้ดีเกินคาด ไอดิส เอลบา แบกหนังไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

รีวิวหนัง Beast ผลงานหนังระทึกขวัญจาก Universal Studios กำกับโดย บัลทาซาร์ คอร์มาคูร์ (2 Guns) ที่ได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง ไอดิส เอลบา (The Suicide Squad) มารับบท เนท คุณพ่อที่ได้พาลูกสาวทั้งสองคนมาเยี่ยมน้าของพวกเธอ ที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลอุทธยานสัตว์ป่าในแอฟริกา แต่ทว่าทริปการท่องเที่ยวนี้ ก็ได้กลายเป็นฝันร้าย เมื่อได้มีสิงโตตัวหนึ่งได้ออกอาละวาดเนื่องจากฝูงของมันถูกนักล่าสัตว์ผิดกฎหมายทำการฆ่าจนหมด ทำให้มันพร้อมล่ามนุษย์ทุกคนที่เข้ามาขวางทาง เนท จึงต้องปกป้องลูกสาวของเขาจากนักล่าตัวนี้

รีวิวหนัง Beast หนังระทึกขวัญสูตรสำเร็จ ที่อัดแน่นด้วยความบันเทิง

Beast คือหนังที่มาพร้อมสูตรสำเร็จของหนังระทึกขวัญธีมสัตว์นักล่าเช่นเดียวกับหนังอย่าง Black Water หรือ Anaconda เพียงแต่ในเรื่องนี้เปลี่ยนจากนักล่าครึ่งปกครึ่งน้ำ มาเป็นเล่าเหตุการณ์บนบกแทน ซึ่งความสนุกของหนังคือการสร้างสถานการณ์อันแสนโชคร้ายให้กับตัวละคร เพื่อนำมาสู่การไล่ล่า เอาชีวิตที่ชวนลุ้น ชวนติดตาม

รีวิวหนัง Beast หนังระทึกขวัญสูตรสำเร็จ ที่อัดแน่นด้วยความบันเทิง

ความโดดเด่นที่ทำให้ Beast ดูเหนือกว่าหนังแนวเดียวกันคืองานโปรดักชั่นที่ทำออกมาเป็นหนังทุนสูง มีการออกแบบสิงโต และฉากแอ็คชั่นที่ตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่หนังเลือกใช้ฉากลองเทค ในการเล่าเรื่องทำให้หนังสามารถสร้างความลุ้นระทึกให้กับคนดูมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเทคนิคการถ่ายภาพที่มีความเป็นสารคดีสัตว์โลก ที่โดยรวมดูแล้วชวนนึกถึงหนังอย่าง The Revenant ไม่น้อย

แต่ Beast ไม่ใช่หนังที่เพียงแต่เล่าแค่เรื่องการเอาชีวิตรอดจากสัตว์ป่าดุร้ายเท่านั้น หนังเรื่องนี้ยังสะท้อนภาพถึงการล่าสัตว์ผิดกฎหมาย และการลงโทษโดยธรรมชาติ ที่พร้อมไล่ล่ามนุษย์จากผลพวกที่ธรรมชาติได้รับความเสียหาย ซึ่งหนังก็ได้สะท้อนประเด็นเหล่านี้ได้อย่างยอดเยี่ยม

รีวิวหนังBeast หนังระทึกขวัญสูตรสำเร็จ ที่อัดแน่นด้วยความบันเทิง

แต่ด้วยความที่หนังค่อนข้างมาพร้อมสูตรสำเร็จ ทำให้ Beast ไมได้มีความโดดเด่นแตกต่างในด้านบท และการเล่าเรื่องเท่าไหร่นัก เนื่องจากหนังพยายามเดินตามสูตรหนังแนวนี้จนเกินไป จนคนดูสามารถเดาฉากจบได้ไม่ยาก

รีวิวหนังBeast หนังระทึกขวัญสูตรสำเร็จ ที่อัดแน่นด้วยความบันเทิง

ด้านการแสดงต้องขอชื่นชม ไอดิส เอลบา ที่กลายเป็นส่วนที่แบกหนังทั้งเรื่องไว้ก็ว่าได้ เขาสามารถถ่ายทอดฉากไล่ล่าของคนกับสิงโตได้อย่างถึงอารมณ์ เคล้าด้วยพาร์ทดราม่าครอบครัวเล็กๆ ที่เพิ่มมิติให้หนังมีสีสันมากขึ้น โดยเฉพาะฉากต่อสู้ในองก์ 3 ที่เล่นใหญ๋ไฟกระพริบ จนคนดูลุ้นแทบไม่ได้พักหายใจ
โดยรวม Beast คืออีกหนึ่งหนังระทึกขวัญ ที่สามารถดูได้แบบเพลินๆ หนังเต็มไปด้วยฉากเอาชีวิตรอดที่ทำได้อย่างสมจริง และเต็มไปด้วยฉากลองเทคที่ชวนติดตาม แม้หนังจะเล่าสูตรสำเร็จไปบ้าง แต่ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งหนังบล็อคบัสเตอร์ที่ดูเพลินๆ ไม่ได้มีประเด็นอะไรให้ตั้งคำถาม หรือคิดต่อ
สามารถรับชม Beast ได้แล้ววันนี้ที่ HBO Go

Cr..ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/oQMc7Sq36mI

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง