Marvel Studios กำลังเตรียมพัฒนาโปรเจกต์หนัง Captain America 4 โดยได้ทีมผู้สร้างจาก The Falcon and The Winter Soldier มาร่วมเขียนบท

Marvel Studios กำลังเตรียมพัฒนาโปรเจกต์หนัง

ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับแฟน ๆ MCU (Marvel Cinematic Universe) หรือคอหนังฮีโร่ก็ว่าได้ เมื่อไม่นานมานี้ทาง Marvel Studios ก็ได้ออกมาประกาศว่ากำลังพัฒนาโปรเจกต์หนัง Captain America 4 อยู่ โดยจะได้ผู้สร้างและมือเขียนบทจากซีรีส์ The Falcon and The Winter Soldier มารับหน้าที่ดูแลโปรเจกต์นี้

จากรายงานของสื่อนอกได้เผยว่า ตอนนี้ Marvel Studios กำลังพัฒนาโปรเจกต์หนังภาคที่ 4 ของ Captain America โดยเบื้องต้นจะได้ มัลคอม สเปลแมน หัวหน้าทีมเขียนบท และผู้อำนวยการสร้างจากซีรีส์ The Falcon and The Winter Soldier มารับหน้าที่เขียนบทร่วมกับ ดาแลน มุสสัน มือเขียนบทจาก Ep. สุดท้ายของซีรีส์ชุดนี่ สำหรับผู้กำกับ ยังไม่ได้มีการวางตัวว่าใครจะได้มาทำหน้าที่นี้ รวมถึงทีมนักแสดงนำ ที่ยังไม่ได้กำหนดว่าในภาคนี้เราจะได้เห็นใครสวมชุดกัปตันอเมริกา

โดยก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่า คริส อีแวนส์ เจ้าของบท กัปตันอเมริกาคนเก่าที่หมดสัญญาไปหลังจบ Avengers: Endgame กำลังจะได้ต่อสัญญากลับมารับบทกัปตันอเมริกาอีกครั้ง แต่ท้ายที่สุดตัว เควิน ไฟกี หัวหอกของ Marvel Studios ก็ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวไป

***ย่อหน้านี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของซีรีส์ The Falcon and The Winter Soldier

แต่นอกเหนือจาก คริส อีแวนส์ แล้ว อีกคนที่มีแนวโน้มสูงว่าจะมารับบท กัปตันอเมริกาก็คือ แอนโธนี่ แมคกี้ เจ้าของบท ฟอลคอน ที่ในซีรีส์ The Falcon and The Winter Soldier ได้มีการปูทางให้ตัวละครของเขาเป็นกัปตันอเมริกาเวอร์ชั่นผิวสี ซึ่งในตอนสุดท้ายของซีรีส์ผู้ชมก็จะได้เห็นชุดใหม่ของ ฟอลคอน พร้อมมีการใช้โล่ของกัปตันอเมริกา ที่สำคัญหลังซีรีส์จบ ก็ได้มีการขึ้นชื่อเรื่องใหม่ว่า Captain America and The Winter Soldier ทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่า แอนโธนี่ ฮอปกินส์ จะกลายมาเป็น กัปตันอเมริกา แทนที่คริส อีแวนส์ ในหนัง Captain America 4 และในหนังจักรวาล MCU ในอนาคต

โดย Captain America ถือว่าเป็นหนังเดี่ยวใน MCU เรื่องที่สองที่จะมีถึง 4 ภาค ส่วนเรื่องแรกคือ Thor: Love and Thunder หนังภาคที่ 4 ของเทพเจ้าสายฟ้า ที่ได้ คริส แฮมส์เวิร์ธ กลับมารับบท ธฮร์ อีกครั้ง พร้อมได้ ไทก้า ไวทีที ผู้กำกับจาก Thor: Ragnarok และ Jojo Rabbit มารับหน้าที่กำกับ พร้อมจัดเต็มด้วยนักแสดงดังที่ตบเท้าเข้ามาร่วมแสดงสมทบอีกเพียบ ซึ่งตอนนี้หนังก็กำลังอยู่ในช่วงระหว่างการถ่ายทำ โดยมีกำหนดฉายเดือนพฤษภาคม 2022

Cr. ภาพ : เว็บไซต์ IMDB

อ้างอิง : https://www.empireonline.com/movies/news/the-falcon-and-the-winter-soldier-malcolm-spellman-co-writing-a-fourth-captain-america-film/

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Black Panther: Wakanda Forever: ภาคต่อที่สามารถสานต่อเรื่องราวแบล็คแพนเธอร์ ได้อย่างคงเส้นคงวา

รีวิวหนัง Black Panther: Wakanda Forever: ภาคต่อที่สามารถสานต่อเรื่องราวแบล็คแพนเธอร์ ได้อย่างคงเส้นคงวา

ภาคต่อของหนัง MCU ที่ผู้คนรอคอยมากที่สุดของปีนี้ สำหรับ Black Panther: Wakanda Forever ที่หลังจากก่อนหน้านี้ แชดวิก โบสแมน เจ้าของบท แบล็คแพนเธอร์ ได้เสียชีวิตอย่างกะทันหันจากโรคมะเร็งกะเพาะอาหาร ทำให้หลายคนต่างลุ้นว่าใครจะมารับบท แบล็คแพนเธอร์ คนต่อไป และทิศทางจะเป็นอย่างไร โดยในภาคนี้ยังได้ ไรอัน คูกเลอร์ ผู้กำกับจากภาคแรกกลับมารับหน้าที่เดิมอีกครั้ง พร้อมได้ทีมนักแสดงนำจากภาคแรกกลับมารับบทเดิมแบบครบทีม

เนื้อหาในภาคนี้จะว่าด้วย วากานด้า ที่ได้สูญเสีย กษัตริย์ทีชัลล่า (แชดวิก โบสแมน) ไปได้ 1 ปี ทำให้ราชินีรามอนดา (แองเจลา บาสเซต) และองค์หญิงซูริ (ลาลิเทีย ไรท์) สองผู้นำหญิงที่ต้องดูแลประเทศนี้แทน ซึ่งพวกเธอต้องเผชิญกับความขัดแย้งกับสหประชาชาติจากการมีแร่ไวเบรเนียมไว้ครอบครอง จนทำให้มีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการพยายามหาไวเบรเนียมจากที่อื่น จนทำให้เผ่าใต้น้ำ ที่มี เนมอร์ (เตนอช เวร์ตา) เกิดความเกรี้ยวกราด และได้เตรียมประกาศสงครามกับมนุษย์โลก โดยมีชาววากานด้า เป็นคนกลางในกลางสงบศึกครั้งนี้

Black Panther: Wakanda Forever ยังคงเป็นหนังที่รักษามาตรฐานจากภาคแรกไว้ได้เป็นอย่างดี หนังสามารถหยิบเอกลักษณ์ความเป็นเผ่าพันธุ์วากานด้า ที่มีความเฉพาะตัว ดนตรีประกอบที่มีเอกลักษณ์ติดหู รวมถึงสไตล์การเล่าเรื่องที่เน้นดราม่าการเมืองไว้ได้อย่างครบครัน โดยเฉพาะประเด็นการเมืองที่ในภาคนี้มีความเข้มข้น ดุดันมากกว่าในภาคแรกในแง่ของความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์ มีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงทรัพยากร ซึ่งจะไม่ได้เน้นแอ็คชั่นมาเท่าภาคแรก

ในภาคนี่หนังจะมีดราม่าที่หนักไปที่ประเด็นของการสูญเสีย ความแค้น ซึ่งจะมีการอาลัยให้กับตัวนักแสดง แชดวิก โบสแมน อยู่เป็นระยะ ๆ ทำให้ผู้ชมได้น้ำตารื้น ซึ่งทีมนักแสดงในเรื่องต่างก็ถ่ายทอดบทโศกเศร้าออกมาได้อย่างถึงอารมณ์ และทำให้นี่เป็นงานดราม่าที่มีอารมณ์หนักหน่วงกว่าหนัง MCU เรื่องที่ผ่าน ๆ มา

ฉากแอคชั่นในภาคนี้ อาจไม่ได้เยอะเท่าภาคก่อน แต่ว่าแต่ละฉากก็ทำออกมาได้อย่างจัดเต็ม สมกับสเกลเนื้อหาที่ใหญ่ขึ้น ฉากสงครามระหว่างวากานด้า และเผ่าใต้ทะเล ทำออกมาได้ดุเดือด อลังการ โดยเฉพาะพลังของเนมอร์ ที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ดุดัน จนน่าจะถูกใจหลาย ๆ คน รวมถึงการซ่อนไฮไลท์ แบล็คแพนเธอร์ตนใหม่เอาไว้ท้ายเรื่อง ที่ทำออกมาได้พีคสมการรอคอย

ในส่วนของข้อเสียของภาคนี้ เป็นปัญหาที่หนัง MCU เฟส 4 หลายเรื่องเผชิญ คือการที่หนังพยายามใส่ตัวละครใหม่ ๆ เข้าไปในเรื่องเยอะจนเกินจำเป็น อย่างในเรื่องนี้ที่หนังพยายามขาย ไอร่อนฮาร์ต รวมถึงการใส่หลาย ๆ ประเด็นเข้าไปในเรื่อง จนทำให้เนื้อหาของหนังออกมาไม่สุดเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม Black Panther: Wakanda Forever ก็นับว่าเป็นหนัง MCU ปิดท้ายปี 2022 ที่ทำออกมาได้สมการรอคอย หนังมีดราม่าที่ทำออกมาได้ดีเยี่ยมมากกว่าหนัง MCU ที่ผ่านมา ที่เป็นการอำลา แชดวิก โบสแมน อย่างสมเกียรติ เป็นงานที่แฟน Marvel ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

สามารถรับชม Black Panther: Wakanda Forever ได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: IMDB

ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/_Z3QKkl1WyM

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

Marvel ปล่อยตัวอย่างแรกจากหนัง Black Panther

Marvel ปล่อยตัวอย่างแรกจากหนัง Black Panther

ในที่สุดก็ปล่อยออกมาให้ได้ชมกันแล้ว สำหรับตัวอย่างแรกอย่างเป็นทางการของ Black Panther: Wakanda forever หนังภาคที่สองของ Black Panther ที่ตลอกช่วงที่ผ่านมาแทบจะกั้กข้อมูลการสร้างไว้เป็นความลับมาโดยตลอด โดยตัวอย่างนี้ก็เผยครั้งแรกในงาน SDCC 2022 พร้อมประกาศโปรเจกต์น่าสนใจกว่า 12 เรื่องจาก MCU ที่จะให้ได้ชมยาว ๆ จนถึงปี 2025

สำหรับ Black Panther: Wakanda Forever จะเป็นหนังที่พูดถึงเหตุการณ์ของผู้คนชาววากานด้า หลังจากที่สูญเสียกษัตริย์ ทีชาล่า (แชดวิก โบสแมน) ไป ทำให้ผู้คนมากมายต่างรำลึกถึงราชาผู้นี้ พร้อมเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็ง เพื่อเตรียมรับมือกับสงครามครั้งใหม่ จาก นามอร์ บุรุษผู้เป็นเจ้าสมุทรที่ต้องการรุกรานเมืองวากานด้า ความหวังเดียวของเมืองนี้คือ แบล็คแพนเทอร์ คนใหม่ ที่จะมารับหน้าที่นี้แทน ทีชาล่า

ความน่าสนใจของตัวอย่างที่ปล่อยออกมาให้ชมคือ การที่หนังเลือกที่จะนำเสนอในรูปแบบที่เป็นการไว้อาลัย แก่แชดวิก โบสแมน เจ้าของบท แบล็คแพนเทอร์ คนเก่า ที่เสียชีวิตไปเพราะโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร ทำให้ทาง Marvel ต้องปรับเนื้อหาของหนังชุดนี้ เพื่อสานต่อเรื่องราวของ แบล็คแพนเทอร์ ได้ต่อไปอย่างเหมาะสม หลาย ๆ ฉากในตัวอย่างเลยให้อารมณ์ของการไว้อาลัยนักแสดงหนุ่ม นอกจากนี้ก็ยังมีการเผยสองตัวละครใหม่ที่จะมีบทบาทในภาคนี้ คือ เตนอซ เฮอร์ต้า (The Forever Purge) ที่จะมาในบท นามอร์ และโดมินิค ธอร์น (Judas and the Black Messiah) ในบท ไอร่อนฮาร์ท ฮีโร่คนใหม่ที่จะมีบทบาทสำคัญในอนาคต

ตัวหนังยังได้ ไรอัน คูกเลอร์ มือกำกับจาก Black Panther กลับมากำกับ และร่วมเขียนบทอีกครั้ง พร้อมได้ทีมนักแสดงนำชุดเดิมกลับมารับบทเดิมอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ลูพิต้า ยองโก ในบท นาเกีย, เลอทิเทีย ไรท์ ในบท ซูริ, ดาไน กูริร่า ในบท โอโคเย่ และ มาร์ติน ฟรีแมน ในบท เจ้าหน้าที่ CIA เอเวอเรต เค รอส

นอกจาก Black Panther: Wakanda Forever แล้ว ในปีหน้า MCU ก็จะเริ่มต้น Phase 5 อย่างเป็นทางการ โดยมี Ant-Man and the Wasp: Quantumania มาเป็นหนังเปิด Phase ซึ่งก็เต็มไปด้วยหนัง และซีรีส์เอาใจแฟน ๆ ให้ชมตลอดปี 2023 ไม่ว่าจะเป็น The Marvels, Guardians of the Galaxy vol.3, Blade และเตรียมพบกับอีเวนต์ใหญ่ใน Phase 6 กับ Avegers The Kang Dynasty และ Avegers Secret Wars ที่จะมีให้ชมในปี 2025

สำหรับ Black Panther: Wakanda Forever จะมีกำหนดฉาย 11 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: Marvel Studios

ลิงก์ตัวอย่างหนัง: https://youtu.be/RlOB3UALvrQ

รีวิวหนัง Doctor Strange in Multiverse of Madness

Doctor Strange in Multiverse of Madness

หนังที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความสยองขวัญ และความโหดแบบที่ไม่เคยเห็นใน MCU มีการต่อยอดประเด็นมัลติเวิร์สได้อย่างสนุก และครบรส

หนังเดี่ยวเรื่องที่สองของอีกหนึ่งตัวละครสำคัญจาก MCU ในตอนนี้อย่าง ดอคเตอร์สเตรนจ์ (เบเนดิค คัมเบอร์แบตช์) และยังเป็นหนัง Marvel เรื่องแรกประจำปี 2022 นี้อีกด้วย ซึ่งตัวหนังก็ค่อนข้างเปี่ยมด้วยความคาดหวังตากคนดูทั้งการพูดถึงเรื่อง มัลติเวิร์ส อย่างจริงจัง หลังจากที่ปูใน Spider-Man: Far From Home และ No Way Home มาแล้ว พร้อมทั้งยังเป็นการกลับมาร่วมงานอีกครั้งของ แซม ไรมี่ (Evil Dead) กับ Marvel ที่ถูกจั่วหัวว่านี่เป็นหนัง Marvel ที่มีกลิ่นของความสยองขวัญมากที่สุดเท่าที่มีมา

หนังจะว่าด้วยเหตุการณ์หลังจากซีรีส์ WandaVision และ Spider-Man: No Way Home เมื่อ ดอคเตอร์สเตรนจ์ได้พบกับ อเมริกา ซาเวจ (โซชิลท์ โกเมซ) หญิงสาวที่มีพลังในการท่องมัลติเวิร์ส หรือพหุจักรวาลได้ ซึ่งเธอได้หนีการตามล่าของปีศาจร้ายมาจากอีกจักรวาลหนึ่ง จากการช่วยเหลือของ ดอคเตอร์สเตรนจ์ ทำให้เขาได้พบว่าคนที่ส่งปีศาจมาเล่นงาน ซาเวจ คือ วันด้า (อลิซาเบธ โอลเซน) ที่กลายเป็น สการ์เลต วิตช์ ผู้ต้องการใช้พลังท่องมัลติเวอร์ส ในการไปไปหาลูก ๆ ของเธอในจักรวาลอื่น จนนำมาสู่สงครามระหว่างพ่อมด และแม่มดผู้ทรงพลัง และน่ากลัวก็ได้เริ่มขึ้น

Doctor Strange in Multiverse of Madness นับว่าเป็นงานจาก Marvel Studios ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากหนังเดี่ยวเรื่องอื่น ๆ โดย แซม ไรมี่ ได้ใส่ความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเข้าไปอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะงานโปรดักชั่นแบบหนังสยองขวัญ ที่สนเรื่องนี้จะค่อนข้างเต็มไปด้วยความดิบ โหด แบบที่ Marvel ไม่เคยทำ และมีความรุนแรงแบบเท่าที่เรต PG-13 จะใส่เข้าไปได้

ซึ่งในเรื่องผู้ชมจะได้เห็นงานเรฟเฟอร์เรนซ์เก่า ๆ ของ ไรมี่ หรือการใส่ไอเดียที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสยองขวัญในตำนานมากมาย ทั้ง Evil Dead ของเขาเอง หรือแม้แต่ Carrie ของ ไบรอัน เดอ พัลมา นอกจากนี้เสน่ห์ของหนังจากภาคแรกก็ยังคงอยู่เช่นกัน โดยเฉพาะการสร้างฉากการต่อสู้ด้วยเวทมนต์ ที่ในภาคนี่ยกระดับขึ้นจากภาคที่แล้วแบบเท่าตัว ฉากการดวลเวทมนต์มีความน่าติดตาม มีความลุ้นระทึกแบบที่ไม่เหมือนใคร

ในส่วนของการเล่นกับ มัลติเวิร์ส เรียกได้ว่าทำออกมาได้น่าสนใจ และครบรสมาก หนังมีทั้งเซอร์ไพรส์แบบกำลังดี แม้ว่าจะไม่ได้เหนือกว่าที่คาดไว้มากนัก แต่การเล่นประเด็นของความหลากหลายของตัวละครในพหุจักรวาล การเล่มกับปมของดอคเตอร์สเตรนจ์ หนังสามารถตีโจทย์นี้ได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อมองโดยรวมกับเนื้อหาของหนังแล้ว นับว่าเป็นการใช้ประเด็นมัลติเวอร์สที่คุ้มค่า ลงตัวมาก ๆ

น่าเสียดายที่ในขณะที่ด้านงานโปรดักชั่นหนังทำออกมาได้ค่อนข้างโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ แต่ด้านบทหนังกลับค่อนข้างล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นการพยายามใส่บรรดาตัวละครสมทบ ที่ในเรื่องนี้แทบไม่มีความจำเป็น หรือสร้างสีสันให้หนังได้ดีเท่าที่ควร รวมทั้งตัว อเมริกา ซาเวจ ที่ถูกเพิ่มบทบาทเข้ามาโดยที่แทบจะไร้ซึ่งมิติใด ๆ

ในขณะที่ด้านตัวละคร วันด้า ที่ในเรื่องนี้ได้กลายเป็นวายร้ายแบบเพียว ๆ และกลายเป็นคนโหดร้าย อำมหิตแบบที่ไร้เหตุและผลโดยสิ้นเชิง ทำให้ส่วนที่ดีงามจากพาร์ทดราม่าที่ปูมาจากซีรีส์ WandaVision ถูกใช้อย่างไม่คุ้มค่าในเรื่องนี้อย่างน่าเสียดาย โชคดีที่ตัวหนังได้การแสดงของ อลิซาเบธ โอลเซน ช่วยแบกเอาไว้ ทำให้บทบาทของตัวละครนี้ไม่ออกทะเลไปมากกว่านี้

โดยรวม Doctor Strange in Multiverse of Madness ถือว่าเป็นการประเดิมหนังเรื่องแรกของ MCU ที่คุ้มค่าดารรอคอย หนังสนุกในแบบของตัวเอง โดยเฉพาะงานกำกับของ แซม ไรมี่ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่ากลัวอย่างที่ไม่เคยมีหนัง Marvel เรื่องไหนทำได้ พร้อมทั้งยังปูทางสู่อีเวนต์ต่อ ๆ ไปใน Phase 4 ที่น่าติดตามว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต

สามารถรับชม Doctor Strange in Multiverse of Madness ได้แล้ว

Cr.ภาพ: IMDB, Rotten Tomatoes

ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/mvRxgOX7Kes

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

7 หนังฟอร์มยักษ์ที่เตรียมฉายโรง ครึ่งหลังปี 2022

7 หนังฟอร์มยักษ์ที่เตรียมฉายโรง ครึ่งหลังปี 2022

ในปี 2022 นี้ เรียกได้ว่าเป็นอีกปีที่อัดแน่นไปด้วยหนังฟอร์ยักษ์ ไม่ว่าจะเป็นหนังฮีโร่ หนังภาคต่อ ซึ่งในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาก็ได้มีหนังใหญ่ ๆ ที่มาสร้างสีสันไม่ว่าจะเป็น Doctor Strange: In Multiverse of Madness, Top Gun Maverick และที่กำลังจะฉายในโรงภาพยนตร์เร็ว ๆ นี้อย่าง Jurassic World Dominion โดยในบทความนี้เราจะพูดถึงลิสต์หนังฟอร์มยักษ์ในครึ่งปีหลังปี 2022 ที่ทุกเรื่องนั้นจะฉายในโรงภาพยนตร์ และเป็นโปรแกรมที่คอหนังไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

7. Elvis

หนังชีวประวัติของ ตำนานเพลงร็อคแอนด์โรล อย่าง เอลวิส เพลสลีย์ ที่ได้ผู้กำกับมากฝีมืออย่าง บาซ เลอห์มาน (The Great Gastby) มารับหน้าที่กำกับ และเขียนบท โดยหนังจะพาคนดูไปพบกับจุดเริ่มต้น และจุดสูงสุดของชีวิตในวงการเพลงของเอลวิส และความสัมพันธ์ระหว่างเขา และ โคโลเนล ทอม ปาร์กเกอร์ ผู้จัดการส่วนตัว

ตัวหนังได้ ออสติน บัตเลอร์ (Once Upon a time… in Hollywood) มารับบทเป็น เอลวิส และได้ ทอม แฮงค์ มารับบท โคโลเนล และยังสมทบด้วย เดวิด เวนแฮม (The Lord of the Rings: The Return of the King), เดิร์ค มอนเกอมอรี่ (ซีรีส์ Stranger Things) และ โอลิเวีย เดอจองค์ (ซีรีส์ The Staircase)

ตัวหนังได้ทำการฉายรอบแรกในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ที่ผ่านมา และได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมหลังหนังจบนานร่วม 12 นาที พร้อมได้คะแนนจากนักวิจารณ์ใน Rotten Tomatoes สูงถึง 82%

โดย Elvis จะมีกำหนดฉายในไทย 23 มิถุนายนนี้

6.Thor: Love and Thunder

หนึ่งในหนังฮีโร่ที่คนรอคอยมากที่สุดของปีนี้ โดยนี่เป็นภาคที่ 4 ของหนังเทพเจ้าสายฟ้า ธอร์ ที่ครั้งนี้เขา และแก๊งการ์เดียน ออฟ ดิ กาแลกซี่ ต้องเผชิญหน้ากับวายร้ายทรงพลังอย่าง กอร์ นอกจากนี้ก็ยังมีการกลับมาอีกครั้งของ เจน ฟอสเตอร์ ที่มาพร้อมพลังที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับ ธอร์ โดยพวกเขา และเธอจะต้องร่วมกันต่อสู้กับกอร์ และปกป้องจักรวาลนี้

ตัวหนังได้ ไทกา ไวทีที (Jojo Rabbit) กลับมารับหน้าที่กำกับ และเขียนบทอีกครั้ง พร้อมได้ทีมนักแสดงจาก MCU มาร่วมงานแบบครบทีม ไม่ว่าจะเป็น คริส แฮมเวิร์ธ (Extraction), คริส แพรต (Tomorrow War), เดฟ บาทิสต้า (Dune), คาเรน กิลเลียน (The Bubble), พอม คลีเมนทีฟ (ซีรีส์ Westworld) พร้อมได้ นาตาลี พอร์ตแมน (Black Swan) กลับมารับบท เจน ฟอสเตอร์อีกครั้ง พร้อมได้ คริสเตียน เบลล์ (The Dark Knight) มาร่วมรับบท กอร์ วายร้ายของภาคนี้

โดย Thor: Love and Thunder มีกำหนดฉาย 7 กรกฎาคมนี้

5. Bullet Train

หนังแอคชั้นสุดเดือดอีกเรื่องของปี 2022 นี้ ที่ได้ แบรต พิตต์ มารับบทนำ ในบทของ 1 ใน 5 นักฆ่าที่ต้องมาขัดแย้งกันในขบวนรถไฟที่เดินทางจากโตเกียวไปมาริโอกะ จนนำมาสู่เรื่องราวสุดเดือดแบบ Non stop

หนังเป็นผลงานการกำกับของ เดวิด ลิตช์ (Deadpool 2) ที่ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อ Maria Beetle ของ โคทาโร่ อิซากะ ซึ่งนอกจากจะได้ แบรต พิตต์ มาร่วมแสดงนำแล้ว หนังยังได้ทีมนักแสดงดังแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น ซาดรา บุลล็อก (The Lost City), ไมเคิล แชนนอน (The Shapes of Water), แอร่อน เทย์เลอร์-จอห์นสัน (Tenet), โลแกน เลอร์แมน (ซีรีส์ Hunters) และ โจอี้ คิง (The Kissing Booth)

Bullet Train มีกำหนดฉายทั่วโลก 14 กรกฎาคมนี้ ส่วนไทยยังไม่ประกาศวันฉายอย่างเป็นทางการ

4. Black Adam

หนังฮีโร่สายดาร์กเรื่องล่าสุดจาก DC ที่ว่าด้วยฮีโร่ที่ได้รับพลังจากเทพเจ้าอียิปต์ และถูกกักขังนานกว่า 5,000 ปี จนกระทั่งวันที่เขาได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิศระอีกครั้ง และพร้อมใช้พลังของตนเองในการสร้างความยุติธรรมในแบบของเขาเอง

หนังเป็นงานกำกับของ เจาเม คอลเลต-เซอร์รา (Jungle Cruise) พร้อมได้ ดเวยน์ จอห์นสัน หรือเดอะ ร็อค (Jumanji: Welcome to the Jungle) มารับบท แบล็ค อดัมส์ ซึ่งถือว่าเป็นหนังฮีโร่อย่างเป็นทางการเรื่องแรกของเขา ร่วมสมทบด้วย เพียช บรอสแนน (The Foreigner), อัลดิส ฮอดจ์ (The Invisible Man) และ ซาราห์ ชาฮิ (ซีรีส์ City on a Hill)

Black Adam มีกำหนดฉายเดือนตุลาคม 2022 นี้

3. Black Panther: Wakanda Forever

ภาคที่สองของหนังฮีโร่ผิวสีจาก MCU ที่เรียกได้ว่ายังเต็มไปด้วยความลับ และแทบไม่เผยข้อมูลใด ๆ เพราะหลังจากการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ แชดวิก บรอสแมน เจ้าของบทแบล็ค แพนเธอร์ ที่ทำให้ทางทีมผู้สร้างต้องหาทางออกให้หนังเรื่องนี้ในการหานักแสดงใหม่มารับบทนี้ หรือการเปลี่ยนเนื้อหาให้ตัวละครอื่นเป็นตัวเอกแทน

อย่างไรก็ตามหนังก็ยังได้ทีมนักแสดง และผู้สร้างชุดเดิม กลับมาสานต่อตำนานวากานด้าอีกครั้ง นำทีมโดย ไรอัน คูกเรอร์ (Creed) ที่กลับมารับหน้าที่กำกับ ด้านนักแสดงนำทีมโดย เลทิเทีย ไรท์ (Death on the Nile), ลูพิต้า ยองโก (Us), ฟลอเรนซ์ คาซุมบ้า (ซีรีส์ The Walking Dead), แดเนียล คารูย่า (Get Out) และ มาร์ติน ฟรีแมน (ซีรีส์ Sherlock)

Black Panther: Wakanda Forever มีกำหนดฉาย 8 พฤศจิกายนนี้

2. Avartar: The Way of Water

ภาคต่อหังฟอร์มยักษ์ทีผู้คนทั่วโลกรอคอย หลังจากที่เว้นช่วงจากภาคแรกมานานถึง 13 ปี กับเรื่องราวสงครามครั้งใหม่ของชาวนาวี ที่ต้องเผชิญกับวายร้ายกลุ่มเดิมที่ครั้งนี้มาพร้อมพลังที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

หนังได้ เจมส์ คาเมร่อน (Titanic) กลับมารับหน้าที่กำกับอีกครั้ง พร้อมได้ทีมนักแสดงชุดเดิมกลับมาร่วมงานแบบครบทีม นำโดย แซม เวิร์ธธิงตัน (Clash of the Titans), โซอี้ ซัลดานา (Guardians of the Galaxy), ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ (Aliens), สตีเฟน แลง (Don’t Breathe) พร้อมร่วมเสริมทัพด้วย เคท วินสเลท (Titanic) และ มิเชล โหยว (Crazy Rich Asian) ซึ่งในภาคนี้ คาเมร่อน ก็ได้ใช้เทคนิคการสร้างที่อลังการ และสมจริงกว่าภาคแรก พร้อมทั้งยังใช้ทุนสร้างสูงถึง 250 ล้านเหรียญฯ มากกว่าภาคแรกที่ใช้ไป 237 ล้านเหรียญฯ

Avartar: The Way of Water มีกำหนดฉาย 15 ธันวาคมนี้

1. Shazam! Fury of the Gods

ภาคที่สองของฮีโร่สุดเกรียน และผองเพื่อน ที่ตอยแรกวางวันฉายชนกับ Avartar แต่ด้วยความที่ค่ายกังวลว่าอาจจาดทุนเลยต้องเลื่อนมาอีก 1 สัปดาห์ โดยตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลเรื่องย่อของหนังที่แน่ชัด แต่คาดว่าเราจะได้เห็นทีมชาแซม และเพื่อน ๆ กลับมาลุยเหมือนภาคแรกแน่นอน

โดยหนังยังได้ทีมสร้าง และนักแสดงชุดเดิมกลับมาครบทีม โดยได้ เดวิด เอฟ. แซนเบิร์ก (Light Out) กลับมารับหน้าที่กำกับ ด้านนักแสดงนำทีมโดย ซาชารี่ เลวิ (Thor), แอชเชอร์ แองเกล (ซีรีส์ High School Musical: The Musical – The Series), แจ็ค ดีแลน เกรเซอร์ (It) พร้อมสมทบด้วย ราเชล เซกเลอร์ (West Side Story) และเฮเลน มินเรน (Fast9) มาร่วมสมทบ นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าเราอาจได้เห็น กัล กาโดท มาร่วมแสดงในบท วันเดอร์ วูแมน อีกด้วย

Shazam! Fury of the Gods จะมีกำหนดฉาย 22 ธันวาคมนี้

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes, IMDB

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

ตัวอย่างใหม่ล่าสุดของ Morbius

ตัวอย่างใหม่ล่าสุดของ-Morbius

ตัวอย่างใหม่ล่าสุดของ Morbiusจาเรด เลโต้ กลายเป็นแวมไพร์ ที่สับสนระหว่างการเป็นฮีโร่ และวายร้าย หลังจากที่ปล่อยตัวอย่างแรกออกมานานร่วม 1 ปีกว่า ๆ ก่อนจะโดนพิษโควิด เลื่อนฉายไปยาว ๆ ในที่สุด Morbius หนังแอนติฮีโร่ คนล่าสุดจาก Marvel และ Sony Pictures ก็ได้ปล่อยตัวอย่างล่าสุดออกมาให้ได้ชมกันแล้ว ก่อนที่ตัวหนังจะเข้าฉายในช่วงต้นปี 2022 นี้

จาเรด เลโต้

สำหรับ Morbius จะเป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องราวของ ดร.ไมเคิล มอร์เบียส (จาเรต เลโต้) คุณหมอที่ได้พบว่าตนได้ป่วยเป็นโรคประหลาดที่เกี่ยวกับเลือด มอเบียส พยายามรักษาตามกระบวนการวิทยาศาสตร์ แต่ไม่สามารถรักษาได้ ทำให้เขาต้องหันไปใช้วิธีเสี่ยงโชคอย่างการทำเซรุ่มจากค้างคาวแทน แต่ทว่าหลังจากฉีดเซรุ่ม มอร์เบียส ก็ได้กลายเป็นแวมไพร์กระหายเลือดแทน เขาเลยต้องใช้พลังพิเศษที่ได้รับมาในการพิสูจน์ว่าเขาจะกลายเป็นวายร้าย หรือเป็นฮีโร่ผู้ปกป้องผู้คนแทน

ตัวอย่างใหม่ล่าสุดของ Morbius

หนังเป็นผลงานการกำกับของ แดเนียล เอสปิโนซ่า (Life) เขียนบทโดย แมท ซาซาม่า และ เบิร์ก ขาร์ปเลส (Power Ranger) ที่ดัดแปลงมาจากคอมมิคที่เขียนโดย รอย โธมัส ของ Marvel Comic นำแสดงโดย จาเรค เลโต้ (House of Gucci), จาเรด แฮริส (ซีรีส์ Foundation), แมทท์ สมิธ (Last Night in Soho), ไทรีส กิ๊บสัน (Fast9), เอเดรีย อาร์จอน่า (6 Underground) และ ไมเคิล คีตัน (The Trial of the Chicago 7)

ตัวอย่างใหม่ล่าสุดของ Morbius

ความน่าสนใจของตัวอย่างล่าสุดนี้ คือการเป็นตัวอย่างที่เผยเนื้อหาของหนังโดยแท้จริง ซึ่งจะมีการเผยฟุตเทจใหม่ ๆ ที่ไม่มีในตัวอย่างแรกแบบจัดเต็ม โดยเฉพาะการเผยร่างแวมไพร์ของ มอร์เบียส แบบเต็ม ๆ ให้ได้เห็นกัน นอกจากนี้ก็ยังมีการใส่ฉากแอคชั่น ที่ทั้งเท่ และชวนระทึกเอาไว้ด้วย นอกจากนี้ตัวหนังก็ยังตอกย้ำว่านี่คือจักรวาลเดียวกับ Spider-Man เวอร์ชั่นทอม ฮอลแลนด์ จากการใส่บทของ เอเดรี่ยน ทูเมอร์ ที่รับบทโดย ไมเคิล คีตัน มาไว้ด้วย ซึ่งก็ต้องมารอลุ้นว่าในเรื่องนี้จะเชื่อมไปยังไอ้แมงมุมมากน้อยแค่ไหน เพราะเดิมทีในคอมมิคนั้น มอร์เบียส คือหนึ่งในคู่ปรับของสไปเดอร์แมน นั่นเอง

จาเรด เลโต้

สำหรับในปีนี้ Sony Pictures ยังมีหนังที่สร้างจากตัวการ์ตูนของ Marvel ที่เตรียมฉายในไทยอยู่ 2 เรื่องด้วยกัน คือ Venom: Let There Be Carnage ภาคต่อของหนังแอนติฮีโร่ ผู้เป็นคู่ปรับตลอดกาลของ สไปเดอร์แมน ที่คาดว่าน่าจะมีกำหนดฉาย 2 ธันวาคมนี้ และ Spider-Man: No Way Home หนังภาคที่ 3 ของ สไปเดอร์แมน เวอร์ชั่นทอม ฮอลแลนด์ ที่ตอนนี้หลายคนต่างรอลุ้นกับตัวอย่างใหม่ที่เราอาจได้เห็นการปรากฏตัวของไอ้แมงมุมสองเวอร์ชั่นก่อนหน้า และเซอร์ไพรส์อื่น ๆ อีกมากมาย ที่ค่ายเตรียมปล่อยเร็ว ๆ นี้ โดยหนังมีกำหนดฉายในปลายปีนี้

ส่วน Morbius จะมีกำหนดฉายในอเมริกา มกราคม 2022 ส่วนในไทยคาดว่าจะได้ชมเดือนกุมภาพันธ์ 2022

Cr.ภาพ: IGN

ติดตามบทความ บันเทิง ดารา-นักร้อง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

เผยสาเหตุที่สองพี่น้อง Russo เกือบออกจาก MCU

Russo เกือบออกจาก MCU

Joe และ Anthony Russo มีบทบาทสำคัญในการกำกับภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง

เป็นเวลามากกว่า 10 ปีที่ Marvel Studio สร้างสรรค์ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่สุดพิเศษให้เราได้รับชมซึ่งแต่ละเรื่องนั้นก็จะมีความสนุกแตกต่างกันออกไปมีทั้งภาพยนตร์เดี่ยวและภาพยนตร์รวมตัวของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ ซึ่ง 10 กว่าปีที่ผ่านมาก็มีภาพยนตร์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์มากกว่า 20 เรื่องแล้วโดนเป็นการเล่าถึงที่มาที่ไปของตัวละคร ปมปัญหาในอดีต และเรื่องราวต่าง ๆ ให้มีการเชื่อมโยงกันอย่างลงตัวมากจนเราต้องโอ้โหทำไมมาลงตัวกันขนาดนี้ ซึ่งภาพยนตร์ที่ดีนั้นต้องออกมาจากตัวของนักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ ซึ่งภายใน Marvel Studio ก็มีทั้งนักแสดงเก่งๆ มากมายและร่วมกับเก่งๆ อีกมากมายด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งผู้กำกับที่เป็นที่รู้จักใน Marvel Studio ก็คือ 2 พี่น้อง Russo (Joe และ Anthony Russo)

Joe และ Anthony Russo มีบทบาทสำคัญในการกำกับภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น Captain America: The Winter Soldier, Captain America: Civil War, Avengers: Infinity War และ Avengers: Endgame ซึ่งภาพยนตร์แต่ละเรื่องนานก็เป็นที่นิยมมากมายจาก แฟนคลับ Marvel เรียกว่าถ้าไม่มีสองคนนี้ก็อาจจะทำให้ภาพยนตร์ดังกล่าวนั้นไม่ได้สนุกเท่าที่เราได้เห็นในโรงภาพยนตร์ก็เป็นได้ ซึ่งในช่วงสองพี่น้องกำลังผลิตภาพยนตร์เรื่อง Captain America: Civil War ก็ได้เกิดข้อถกเถียงกันระหว่างพี่น้อง Russo กับ คณะกรรมการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Marvel

สิ่งที่เราได้เห็นภาพยนตร์เรื่อง Captain America: Civil War เป็นการถกเถียงกันของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่เกี่ยวกับสัญญาโซโคเวีย ซึ่งทำให้ทีมอเวนเจอร์แบ่งเป็น 2 ฝ่าย นำโดยกัปตันอเมริกาและไอรอนแมน หลังจากที่ดูเหมือนปัญหาระหว่างไอรอนแมนกับกัปตันอเมริกาจะคลี่คลาย โทนี่สตาร์คก็ได้รู้ความจริงว่าบัคกี้บาร์นส์เพื่อนของกัปตันอเมริกาเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของเขา ทำให้เขาระเบิดความโกรธและเข้าต่อสู้กับทั้งคู่จนในท้ายที่สุดกัปตันอเมริกาก็เป็นฝ่ายชนะ

แต่สิ่งที่ฝ่ายคณะกรรมการสร้างสรรค์ของ Marvel อยากให้ภาพยนตร์ออกมาในอีกรูปแบบหนึ่ง ก็คือหลังจากที่ได้มีการทะเลาะกันของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ก็อยากให้ทีมอเวนเจอร์กลับมารวมตัวกันแล้วเข้าต่อสู้กับ Baron Zemo (ตัวร้ายภายในภาพยนตร์) และวินเทอร์โซลเยอร์ที่อยู่ในฐานทัพลับ

ซึ่งทางประธานของ Marvel Studio อย่าง Kevin Feige ก็เห็นด้วยกับ2 พี่น้อง Russo ทำให้ในท้ายที่สุดแล้วภาพยนตร์เรื่อง Captain America: Civil War ก็มีฉากจบที่เป็นความคิดของ2 พี่น้อง Russo และหลังจากภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว พี่น้อง Russo ก็ยังอยู่ช่วยกำกับภาพยนตร์เรื่อง Avengers: Infinity War และ Avengers: End Game ลองจินตนาการดูว่าถ้าสองพี่น้องออกจาก Marvel Studio กลางคันเราคงจะไม่ได้เห็น Avengers: Infinity War และ Avengers: End Game ในแบบที่เราเห็นในโรงภาพยนตร์ก็เป็นได้

Cr.ภาพ : Koimoi / wall.alphacoders

ติดตามบทความ บันเทิง ดารา-นักร้อง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

กัปตันมาร์เวลพักก่อน “มิสมาร์เวลมาแว้ววว”

กัปตันมาร์เวลพักก่อน มิสมาร์เวลมาแว้ววว

ซีรีส์ใหม่ของซูเปอร์ฮีโร่วัยกระเตาะทาง Disney+

อย่างที่ทราบกันดีว่าตอนนี้ Disney กับ Marvel สตูดิโอกำลังเริ่มต้นแนวทางใหม่ๆ หลังจากที่จบมหากาพย์ The Avengers : End game ไป พร้อมๆกับการจบลงของบทบาท Ironman ที่โรเบิร์ต ดาวน์นี่ จูเนียร์แบกไว้ร่วมสิบปี กับการจากไปของ สตีฟ โรเจอร์ กัปตันอเมริกา โดยที่ทั้งคู่ไปพร้อมๆกับพล็อตแบบ ได้พลัง à ค้นหาตัวเอง àเป็นคนใหม่ à ผดุงความดี ที่ทางสตูดิโอไม่ได้รังเกียจที่จะใช้มันแต่เมื่อคนดูเริ่มเดาทางได้แล้วก็พร้อมที่จะลองสิ่งใหม่ๆ อย่างที่ได้เห็นกันใน Loki ซีรีส์แนว Antihero

ครั้งนี้ก็มาถึงคิวของฮีโร่ที่ไม่มีชื่อปรากฏอยู่ในความทรงจำคนหมู่มาก แต่อยู่ในคำนิยมของเหล่าแฟนเดนตายDC คอมมิคทั้งหลาย

กามาล่า คาน สาวน้อยมุสลิม ฮีโร่หญิงในซีรีส์ Ms Marvel

Ms Marvel มิสมาร์เวลเป็นคาแรคเตอร์ใหม่ที่ทางมาร์เวลคอมมิคสร้างสรรค์ขึ้นราวๆปี 2013 โดยใช้ตัวละครหญิงวัยรุ่นชาวปากีสถานที่เกิดและเติบโตใน เจอร์ซี่ ซิตี้ นับถือศาสนาอิสลามตามพ่อและแม่ที่อพยพมา

กามาล่า คาน ได้รับพลังจากเหตุบังเอิญในการระเบิดของสสารลึกลับ ที่เปลี่ยนแปลงให้เธอกลายพันธุ์มีพลังเปลี่ยนสภาพร่างกายตัวเองในเชิงวัสดุศาสตร์ พูดง่ายๆคือร่างกายเธอสามารถยืดหดขยายได้ทำให้แข็งหรืออ่อนได้ตามที่ใจปรารถนา ทำให้เธอมีพลังยืดตัวเองและเปลี่ยนแปลงหมัดเท้าให้ขยายใหญ่และแข็งแกร่งแบบสุดๆได้ นอกจากนี้ยังแอบมีพลังรักษาตัวเองอย่างวูล์ฟเวอรีนได้ด้วย

ที่น่าสนใจคือ กามาล่า คาน เป็นเด็กที่โตมากับการเฝ้าติดตามซูปเปอร์ฮีโร่ในโลก หนี่งในนั้นคือ คารอน เดนเวอร์ กัปตันมาร์เวล (นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอเลือกใช้ชื่อ มิสมาร์เวล) ดังนั้นเธอก็จะกรีดกร๊าดไปกับซุปเปอร์ฮีโร่รุ่นเดอะเสมอ เพราะเธอคือแฟนคลับของพวกเขา

ในขณะที่ด้วยความเป็นเด็กวัยรุ่น เธอก็ยังอยู่ในการดูแลของพ่อและแม่อย่างเคร่งครัด และยังต้องเรียนหนังสือที่โรงเรียนเหมือนกับคนอื่นๆ ดังนั้นเธอก็มีประสบการณ์ไม่ต่างอะไรกับปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ แต่ว่าระดับความวุ่นวายของกามาล่า คานจะมากกว่าปีเตอร์อยู่บ้าง เพราะเด็กกว่ามาก และแน่นอนว่าเธอเป็นแฟนคลับของ สไปเดอร์แมน ด้วย

มาร์เวลได้นักแสดงวัยรุ่นอายุ 19 ปี ไอมาน เวลลานี ที่มีเชื้อชาติปากีสถานจริงๆที่อพยพมาอยู่แคนาดา และที่สำคัญเธอไม่เคยมีประสบการณ์แสดงเรื่องไหนมาก่อน

ดิสนีย์วางแผนจะปล่อยเรื่องนี้ลงใน Disney+ ปลายปี 2021 นี้ แต่ว่าเรื่องกำนดเวลาแบบเป๊ะๆยังไม่ระบุชัด อย่างไรก็ดีตัวละคร Ms Mavel จะปรากฏตัวใน The Marvels หนังภาคต่อของ กัปตัน มาร์เวล ด้วย

ติดตามบทความ ซีรีย์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

M’ Baku มีบทแน่ใน Black Panther : Wakanda Forever

M’ Baku มีบทแน่ใน Black Panther

ในตอนนี้ภาพยนตร์ Marvel ในเฟสที่ 4 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วทั้งในรูปแบบซีรีส์และภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง

เริ่มมีการฉายทั้งทาง Disney Plus และในภาพยนตร์แล้ว หลายเรื่องได้มีวันกำหนดฉายออกมาเป็นที่เรียบร้อย และยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่ได้มีกำหนดฉายอย่างแน่นอนและกำลังอยู่ในขั้นตอนการถ่ายทำหนึ่งในนั้นก็คือภาพยนตร์เรื่อง Black Panther

Black Panther ถือว่าเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ของ Marvel ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากหลายๆ คนชื่นชอบตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างกษัตริย์ T’Challa ที่นำแสดงโดยแชดวิก โบสแมน และทุกคนคาดหวังการมาถึงของ Black Panther ภาค 2 แต่ก่อนที่จะมีการเริ่มถ่ายทำนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้รับข่าวร้ายนั่นคือการสูญเสียของแชดวิก โบสแมน ที่ลาจากพวกเราไปจากโรคมะเร็ง ทำให้ทางทีมงานนั้นจะต้องเขียนบทของภาพยนตร์เรื่อง Black Panther ภาค 2 หรือ Black Panther: Wakanda Forever และจะไม่มีใครมาแทนที่แชดวิกโบสแมนได้ ซึ่งในตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีความชัดเจนเกี่ยวกับตัวละครเอกของเรื่อง แต่ว่าตัวละครตัวหลัก ๆ ที่อยู่ภายในภาพยนตร์เรื่อง Black Panther ได้รับการเปิดเผยมาจากเควิน ไฟกีประธานบริษัท Marvel Studio ว่าพวกเขาจะกลับมาอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าจะไม่มีการเปิดเผยรายชื่ออย่างเป็นทางการก็ตาม แต่ก็ได้รับการยืนยันจาก Lupita Nyong’o, Angela Bassett, และ Martin Freeman แต่ก็ยังมีนักแสดงอย่าง Letitia Wright และ Daniel Kaluuya ที่ยังไม่ได้รับการยืนยันจากปากของตัวว่าจะกลับมา

ซึ่งภายในภาพยนตร์เรื่อง Black Panther ก็ยังมีตัวละครหลักอีก 1 ตัวที่มีชื่อว่า “M’ Baku” พี่แสดงโดย Winston Duke โดยเขาจะมามีบทบาทอย่างแน่นอนแต่บทบาทของเขาจะเป็นเช่นไรนั้นก็คงต้องมาติดตามดูกันในภาพยนตร์ เขาอาจจะได้รับบทเป็นฝั่งร้าย, นักรบแห่งวากานด้าที่ต่อสู้กับเมืองแอตแลนติสหรืออาจจะขึ้นมาเป็นตัวเอกแทนที่ Shuri น้องสาวของ T’Challa เลย โดยภาพยนตร์จะเข้าฉายในช่วงเดือนกรกฎาคมปี 2022

และใน Marvel เฟสที่ 4 จะเป็นการเล่าเรื่องราวของภาพยนตร์นั้นจะเน้นเกี่ยวกับ Multiverse ซึ่งเราคงจะได้เห็นตัวละครใหม่ ๆ เข้ามาอยู่ในภาพยนตร์ของ Marvel อย่างแน่นอนและเราคงจะได้เห็นการเดินทางครั้งใหม่ของฮีโร่หลาย ๆ ตัวเลยไม่ว่าจะเป็น Doctor Strange, Spider-man, Ant Man และตัวอื่น ๆ

Cr ภาพ : Screenrant

ติดตามบทความ ซีรีส์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

โควิดระลอกใหม่จะทำ “Shang-Chi” ฮีโร่มาเวลล์รายล่าสุดเลื่อนฉายหรือไม่ หลัง Venom เลื่อนฉายไป

โควิดระลอกใหม่จะทำ Shang-Chi ฮีโร่มาเวลล์รายล่าสุดเลื่อนฉาย

ดิสนีย์ได้ประกาศไปเมื่อหลายเดือนก่อนว่า Shang-Chi and the Legend of the Ten Ringsออกสู่สายตาชาวโลกผ่านโรงภาพยนตร์เท่านั้น ในวันที่ 3 กันยายน

แต่ดูท่าว่าจะไม่ใช่สิ่งที่สตูดิโอยักษ์ใหญ่อย่างดิสนีย์จะอยากทำอย่างที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่จากปัญหาโควิด

เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นวันประชุมผู้ถือหุ้นประกาศผลดำเนินการของดิสนีย์ ซีอีโอ บ็อบ เชเปก บอกเป็นนัยว่า ที่ว่าจะปล่อย Shang-Chi ให้ฉายเฉพาะในโรงหนังดูท่าจะไม่ใช่ทิศทางที่สตูดิโออยากจะเดินหน้าต่อ

เชเปกอ้างว่าจากสถานการณ์โควิดที่ดูเหมือนว่าจะดีขึ้น ในตอนนี้กลับยิ่งนานวันยิ่งเลวร้ายลงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ไม่เลื่อนฉาย Shang-Chi

แต่ยังไงก็ตามการเลื่อนกำหนดฉายก็ไม่ใช่สิ่งที่ดิสนีย์อยากทำ เพราะมันพัวพันกับโครงเรื่องอะไรต่อมิอะไรที่ทางมาร์เวลผูกไว้เต็มไปหมด ดังนั้นดิสนีย์ก็จะต้องเดินหน้าโดยไม่เปลี่ยนแปลงวันเวลา แม้ว่าจะยังยืนยันว่าจะฉายผ่านทางโรงภาพยนตร์เท่านั้น แต่การปล่อยสตรีมมิ่งช่องทางอื่นก็จำเป็นภายใต้เงื่อนระยะเวลา

Black Widow ผลลัพธ์ที่ดิสนีย์พอใจ

ต้องบอกว่า  Black Widow ที่ออกฉายทางDisney+ เมื่อไม่นานมานี้กลายเป็นหนังทำเงินอันดับหนึ่งของแพล็ตฟอร์ม สามารถทำเงินเฉพาะการซื้อตรงแบบวีดีโอออนดีมานด์ทาง Disney+ถึง 60ล้านเหรียญ ไม่เพียงเท่านั้น Black Widowยังเป็นหนึ่งในสองเรื่อง (Jungle Cruise) ที่ช่วยเพิ่มจำนวนสมาชิกได้อีกมหาศาลจนขณะนี้ Disney+ เข้าป้ายสมาชิก 174 รายไปเรียบร้อย มีส่วนทำให้รายได้รวมที่ 17,000 ล้านเหรียญ (เพิ่มจากเดิม 1,1500 ล้านเหรียญ) ซึ่งทำกำไรจำนวนมหาศาลให้กับดิสนีย์

หลังจาก Black Widow สถานการณ์ดูโควิดดูท่าจะดีขึ้น ทางสตูดิโอจึงคิดที่จะกลับไปใช้วิธีการเปิดตัวหนังครั้งแรกผ่านโรงภาพยนตร์เหมือนแต่ก่อน แต่เชเปกก็ได้กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามหนังของดิสนีย์เรื่องไหนจะออกฉายอย่างไรจะเป็นแบบเคสบายเคส หมายถึงพิจารณากันไปแบบเป็นเรื่องๆ และก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆตามแต่สถานการณ์

แผนงานดิสนีย์ปรับเปลี่ยนได้เสมอ

โดยการนี้เชเปกได้อ้างถึงหนังดิสนีย์เรื่องอื่นๆ รวมถึงหนังรีเมค “West Side Story”  ของพ่อมดฮอลลีวู้ดสตีเวน สปีลเบอร์ก ว่าอยู่ในแผนดำเนินการแบบเดียวกับ Shang-Chi (คือมุ่งฉายโรงก่อนแล้วกัน แต่มีการสงวนว่าเป็นการพิจารณาเป็นเรื่องๆ)

แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งแรกที่ดิสนีย์ปรับเปลี่ยนแผนกลางคัน เพราะสาเหตุที่ Disney+ ได้คว้าเอา Black Widow ออกทางสตรีมมิ่งในเวลาไล่เลี่ยกันกับการออกฉายโรง นั่นก็เป็นเพราะว่า แม้ว่าจะทำรายได้ในการเปิดตัวฉายในโรงภาพยนตร์สูงสุดของหนังมาร์เวลต่อจาก Black Panther และ Captain Marvel แต่ว่ายอดรายได้ในสัปดาห์ที่สองของ Black Widow หล่นลงไป 41% จากสัปดาห์แรก ทำให้สตูดิโอประเมินกันว่าไม่มีทางได้เงิน 100 ล้านเหรียญต่อสัปดาห์แน่นอน จึงเป็นสาเหตุให้ดันเข้าสู่ระบบสตรีมมิ่ง และกลายเป็นเรื่องเป็นราวให้ สกาเล็ต โจแฮนสัน ออกมาฟ้องร้องถึงส่วนแบ่งรายได้ของเธอที่หายไป เนื่องมาจากการที่ดิสนีย์ตัดสินใจฉายทางสตรีมมิ่ง และในสัญญาก็ไม่มีการแบ่งรายได้จากระบบDisney+ เหมื่อนการฉายในโรงภาพยนตร์

เพียงสองสามชั่วโมงก่อนเชเปกจะออกมายืนยันวันฉายไม่เปลี่ยนแปลง ทางค่ายโซนี่สตูดิโอได้ประกาศเลื่อนฉาย Venom: Let There Be Carnage ออกไปสามสัปดาห์ จาก 24 กันยายน ไปเป็น 15 ตุลาคม เพราะกังวลกับเคสโควิดกลายพันธุ์ที่มีอัตราผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นสูงและอัตราการแอดมิดของผู้ป่วยที่พุ่งสูงขึ้นทั่วประเทศอเมริกา

ติดตามบทความ ซีรีย์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง