รีวิวหนัง Eternals

อีกหนึ่งผลงานที่ฉีกกรอบเดิม ๆ ของ Marvel กับการยกระดับเนื้อหาให้จริงจัง มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น งานโปรดักชั่นยิ่งใหญ่ อลังการ สมกับความ Epic ของเรื่อง

Arishem the Judge

ผลงานหนังจากจักรวาล Marvel Cinematic Universe (MCU) ลำดับที่ 26 ที่ได้ผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์จากปีนี้อย่าง โคลอี้ เจา (Nomadland) มารับหน้าที่กำกับให้ โดยหนังเรื่องนี้ก็ได้ถูกกล่าวขวัญว่าเป็นหนัง Marvel ที่แตกต่าง และเป็นตัวของตัวเองที่สุดเท่าที่มีมา

ยาน-Eternals-1
ยาน-Eternals จากนอกโลก

โดยหนังจะพาคนดูย้อนไปยังโลกมนุษย์ในสมัยก่อนคริสตกาลหลายพันปี เมื่อโลกได้ถูกลุกลานจากเหล่าปีศาจร้ายนอกโลก ทำให้เหล่า อีเทอร์นอล กลุ่มฮีโร่ผู้เป็นอมตะ ได้ถูกส่งมายังโลกเพื่อปกป้องมนุษยชาติ โดยพวกเขาได้เข้ามาแฝงตัวอยู่กับมนุษย์ และค่อย ๆ ปลูกฝังอารยธรรม และเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อมาช่วยเหลือ มาจนถึงยุคปัจจุบัน แต่พวกเขาจะไม่เข้าไปแทรกแซงเหตุการณ์ความขัดแย้งใด ๆ ที่มนุษย์ก่อขึ้น

คิงโก-เซอซี-สไปร์ท
คิงโก-เซอซี-สไปร์ท

Eternals เรียกได้ว่าเป็นงานที่กล้าจะฉีกกรอบของ Marvel อย่างชัดเจน พร้อมทั้งรูปแบบการนำเสนอ ที่ไม่ได้เป็นหนังที่ดูสดใส เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เท่ากับหนังสไตล์ Disney ที่คุ้นเคย เพราะหนังมีเนื้อหาที่จริงจัง และมีความโหด ความรุนแรงมากกว่า พร้อมทั้งยังมีฉากการร่วมเพศ และตัวละครที่เป็น LGBTQ+ เป็นครั้งแรก ซึ่งความเป็นตัวของตัวเองเหล่านี้ก็ได้เป็นจุดแข็งที่โดดเด่นของหนังเรื่องนี้

ตัวหนังมีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 37 นาที เรียกได้ว่าเป็นหนังเดี่ยวของ Marvel ที่ยาวที่สุดเรื่องหนึ่ง ในฐานะการสร้างเรื่องราวของตัวละครที่มีมิติ มีเหตุการณ์องก์ 1 – 3 ที่ชวนติดตาม ด้วยความที่มีตัวละครที่ค่อนข้างเยอะในหนังเรื่องเดียว ทำให้ Eternals ได้เลือกที่จะเล่าเรื่องโดยแบ่งเหตุการณ์เป็นสองเส้นเรื่อง

คืออดีต และปัจจุบันสลับกันไป พร้อมค่อย ๆ สร้างปริศนาให้คนดูไปตามติด และค้นหาความจริงทีละน้อย ซึ่งในช่วงกลางเรื่องอาจมีช่วงที่ชวนเบื่อไปบ้าง แต่ถึงกระนั้นหนังก็ยังคงซ่อนทีเด็ดเอาไว้ในช่วงท้าย ที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เต็มไปด้วยความ Epic สไตล์ Marvel ที่เราคุ้นเคย

Ikaris-Sersi
Ikaris-Sersi

งานโปรดักชั่นของ Eternals เรียกได้ว่าทำออกมาได้ยิ่งใหญ่สมกับตับสเกลหนังมาก ๆ ตัวหนังไม่ได้เน้นขายแค่ฉากแอคชั่น กลางเมือง ฉากวินาศสันตะโรเท่านั้น แต่หนังยังมีฉากการใช้พลังของตัวละครในรูปแบบต่าง ๆ ที่แปลกตา และชวนตื่นตาตื่นใจ ฉากสงคราม ฉากวันสิ้นโลก ที่ยิ่งใหญ่ อลังการ

รวมทั้งหนังยังมีการสร้างสรรค์ฉากย้อนยุค ในช่วงยุคหินของมนุษย์ หรือฉากที่อิงประวัติศาสตร์ยุคต่าง ๆ ซึ่งหนังได้ใช้โลเคชั่นจริง จากหลายประเทศในการถ่ายทำเกือบทั้งสิ้น ทำให้งานภาพในเรื่องให้อารมณ์เหมือนกำลังดูสารคดีโลกกว้างที่สวยงาม ตระการตา

Makkari-Druig
Makkari-Druig

ด้านทีมนักแสดงหนังเรียกได้ว่าแต่ละคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ริชาร์ด แมดเดน (ซีรีส์ Game of Thrones) สามารถรับบทเป็นตัวหลักของเรื่องที่มีมิติ มีความหล่อ ความเข้ม ที่สามารถดึงดูดคนดูได้ตลอดทั้งเรื่อง เช่นเดียวกับ เจมม่า ชาน (Captain Marvel) ที่เป็นนางเอกของเรื่อง

ที่นอกจากจะงามสง่าแล้ว เธอยังถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครได้อย่างดีเยี่ยม แต่ตัวละครที่น่าจะเป็นสีสันที่สุดของเรื่องคือบท ดรูอิก ที่แสดงโดย แบร์รี่ คีโอแกน (The Batman) กับบทฮีโร่ที่แตกต่างที่สุดของ Marvel ที่มีความสุขุม ความเท่ ที่ชวนจดจำ จนสามารถขโมยซีนหลาย ๆ คนไปได้

โดยรวม หนังจากจักรวาล MCU ลำดับที่ 26 ได้ผู้กำกับโคลอี้ เจา มากำกับให้ โดยหนังเรื่องนี้ก็ได้ถูกกล่าวขวัญว่าเป็นหนัง Marvel ที่แตกต่าง และเป็นตัวของตัวเองที่สุดเท่าที่มีมา หนังอาจไม่ได้เน้นแอคชั่น ดุเด็ดเผ็ดมันส์มาก และค่อนข้างเล่าเรื่องช้ากว่าเรื่องที่ผ่านมา แต่ถ้าพูดถึงระดับความ Epic ของเนื้อเรื่อง นี่เป็นอีกหนึ่งผลงานที่จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน

สามารถรับชม Eternals ได้แล้ววันนี้ในDisney+

Cr.ภาพ: IMDB, Rotten Tomatoes

ติดตามบทความ ซีรีส์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

รีวิวหนัง Spider-Man : No Way Home

SpiderMan No Way Home

บทสรุปไตรภาค Homecoming ที่อัดแน่นด้วยเซอร์ไพรส์ที่คุณจะต้องหลงรัก พาร์ทดราม่าทำออกมาได้หนักหน่วง และยอดเยี่ยมมาก

ผลงานหนังฮีโร่ส่งท้ายปีจาก MCU และ Sony Pictures ที่คนทั่วโลกรอคอยมากที่สุด กับ Spider-Man: No Way Home ที่ครั้งนี้เป็นการหยิบประเด็นของ มัลติเวิร์ส มาเล่นอย่างเป็นทางการ หลังจากก่อนหน้านี้มีการเกริ่นมาบ้างแล้วใน Loki พร้อมทั้งนี่ยังเป็นภาคสุดท้ายของไตรภาค Homecoming อีกด้วย

โดยหนังจะว่าด้วยเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจาก Spider-Man : Far From Home โดยทันที เมื่อ สไปเดอร์แมน (ทอม ฮอลแลนด์) ได้ถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงว่าเขานั้นคือ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ และยังถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนฆ่ามิสเทอริโอ (เจค จิลลาฮาล) จากเหตุการณ์ดังกล่างได้ทำให้ชีวิตปีเตอร์ และคนรอบข้างต้องได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้ ปีเตอร์ ได้ไปขอความช่วยเหลือจาก ด็อกเตอร์ สเตรนจ์ (เบเนดิค คัมเบอแบตช์) ให้ทำการร่ายเวทมนต์ให้คนทั้งโลกลืมว่าเขาคือสไปเดอร์แมน แต่ทว่าผลกระทบจากการร่ายเวทมนต์นี้คือมันได้ทำให้วายร้ายจากจักรวาลอื่นหลุดเข้ามาในจักรวาลของปีเตอร์ และได้เข้ามาไล่ล่าสไปเดอร์แมน

Spider-Man: No Way Home เรียกได้ว่าเป็นหนังที่อัดแน่นด้วยเซอร์ไพรส์ทั้งในด้านความเอาใจแฟน ๆ รวมถึงตัวคุณภาพของการเล่าเรื่อง ตัวหนังได้สานต่อเรื่องราวจาก Spider-Man ก่อนหน้านี้ทั้งสองภาค ด้วยการหยิบเรื่องราวชีวิตวัยรุ่นของ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ที่เติบโตขึ้นมาอีกขั้น โดยครั้งนี้จะพูดถึงชีวิตเด็ก ม.ปลาย ที่ต้องเติบโต ก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ปีเตอร์ในภาคนี้เลยมีความเป็นผู้ใหญ่ ที่ต้องรับมือกับปัญหาที่ใหญ่ขึ้นกวาเดิม

หนังได้หยิบความเป็นฮีโร่แบบเด็กน้อยของ สไปเดอร์แมนมาใช้ โดยเราจะได้เห็นความเป็นมิตรของ ปีเตอร์ ที่ได้นำพาเขาให้ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด และมันก็ได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล ตัวหนังเลือกที่จะหยิบประเด็นนี้มานำเสนอแบบตรงไปตรงมา และไร้ซึ่งความปราณีในการที่จะใส่ดราม่าที่หนักหน่วง และรุนแรงมาก ๆ จนคนดูหลาย ๆ คนอาจเสียน้ำตาให้หนังได้ไม่ยาก

ในส่วนของฉากแอคชั่นในภาคนี้อาจไม่ได้มีเยอะมาก แต่ทว่าแต่ละฉากนั้นล้วนแต่เป็นแอคชั่นที่เต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์ ที่ชวนตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะในฉากไคลแมกซ์ของเรื่อง ที่เป็นหนึ่งในสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของหนังเรื่องนี้ที่ทุกคนจะต้องหลงรัก หากแต่ปัญหาเล็กน้อยคือ การนำเสนอฉากแอคชั่นที่ยังเต็มไปด้วยการตัดต่อมากเกินไป จนทำให้บางช่วงดูแทบไม่รู้เรื่อง

ในส่วนของการแสดง ทอม ฮอลแลนด์ ในภาคนี้เรียกได้ว่าเห็นพัฒนาการโดยชัดเจน ในภาคนี้ ทอม ได้นำเสนอการเติบโตของ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ โดยเฉพาะความคิดที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ฉากดราม่า ฉากที่ต้องถ่ายทอดอารมณ์เขาก็แสดงมันออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

แต่อีกหนึ่งนักแสดงที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ วิลเล็ม เดโฟ ที่กลับมารับบท กรีน ก็อบลิน อีกครั้ง ซึ่งเขาก็ยังถ่ายทอดความร้ายกาจของตัวละครนี้ออกมาได้แบบไม่แผ่ว ทุกครั้งที่เดโฟ ปรากฎ สามารถสะกดสายตาคนดู และสร้างบรรยากาศที่น่าสะพรึงได้

Spider-Man: No Way Home นับว่าเป็นหนังแห่งปรากฎการณ์จากMCU ที่นานทีจะมีให้ชม หนังเต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์ที่แฟน Marvel จะหลงรัก ในขณะที่เดียวกันมันก็ยังเป็นภาคที่สรุปเรื่องราวในไตรภาค Homecoming ที่น่าจดจำมาก ๆ อีกด้วย

สามารถรับชม Spider-Man : No Way Home ได้แล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ : IMDB

ติดตามบทความ ซีรีส์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ และด้อกเตอร์สเตรนจ์

Spider-man

ผจญภัยใน Multiverse ในตัวอย่างแรก Spider-Man: No Way Home

ในที่สุดก็ปล่อยตัวอย่างแรกออกมาให้ได้ชมกันแล้ว สำหรับหนังจาก MCU ที่ผู้คนรอคอยมากที่สุดอย่าง Spider-Man: No Way Home หนังภาคที่สามของสไปเดอร์แมนฉบับ ทอม ฮอลแลนด์ ที่ถูกวางไว้ให้เป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของหนัง MCU Phase 4 นี่

โดยหนังในภาคนี้จะเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจาก Spider-Man: Far From Home หลังที่ ปีเตอร์ พาร์กเกอร์ (ทอม ฮอลแลนด์) ได้จัดการกับวายร้ายลวงโลกอย่าง มิสเทอริโอ (เจค จิลลาฮาล ) แต่ท้ายที่สุดปรากฎว่าตัวปีเตอร์เองมได้ถูกใส่ร้าย และเปิดโปงความลับที่เขาเป็นไอ้แมงมุม สู่สาธารณชน ปีเตอร์ เลยได้ไปขอความช่วยเหลือจาก ด้อกเตอร์สเตรนจ์ (เบเนดิค คัมเบอร์แบตช์) เพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้ ด้วยการลบความทรงจำทุกคนให้ลืมว่า ปีเตอร์ เคยเป็นสไปเดอร์แมน ก่อนที่เหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อMultiverse และทำให้วายร้ายจากมิติอื่นโผล่มาออกอาละวาด

จากตัวอย่างที่ปล่อยออกมา เรียกได้ว่าหนังยังพยายามกั้กไฮไลท์ของเรื่องไว้เยอะมาก โดยฟุตเทจที่หนังเลือกนำมาใช้นั้น คาดว่าส่วนใหญ่น่าจะมาจากช่วงต้นเรื่องของหนัง และมีฉากแอคชั่นให้ได้เห็นพอประมาณ แต่สำหรับการปรากฎตัวของ สไปเดอร์แมนอีกสองคน (คทอ โทบี้ แมคไกว์ และแอนดรูว์ การ์ฟิลด์) ที่หลายคนหวังไว้หนังยังไม่เผยดีเทลล์เหล่านั้นแต่อย่างใด ถึงกระนั้นทีเด็ดที่หลาย ๆ คนตื่นเต้นที่สุดคือการได้เห็น ด้อกเตอร์อ้อกโทพุส (อัลเฟร็ด โมลิน่า) วายร้ายจาก Spider-Man 2 เมื่อปี 2004 ได้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง นอกจากนี้ในตัวอย่างก็ยังมีการเผยให้เราเห็นถึงพลัง และอาวุธของอีกสองวายร้ายคือ กรีน ก้อบลิน และ อีเลกโต ที่แม้ตัวจะไม่โผล่ แต่ก็เป็นเครื่องการันตีได้ว่าภาคนี้น่าจะจัดเต็มด้วยตัวละครที่แฟนคลับไอ้แมงมุมจะต้องตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน

สำหรับ Spider-Man: No Way Home จะยังได้ทีมผู้สร้างชุดเดิมกลับมาแบบครบทีม กำกับหนังโดย จอห์น วัตต์ (Cop Car) และเขียนบทโดย คริส แมคแคนนา และอีริค ซอมเมอร์(Ant-Man and the Wasp) นำแสดงโดย ทอม ฮอลแลนด์ (Cherry) , เซนดาย่า (Dune), เบเนดิค คัมเบอร์แบตช์ (Doctor Strange), มิริซ่า โทเม (The King of Staten Island) และ อัลเฟร็ด โมลิน่า (Promising Young Women)

อย่างไรก็ตามก็ต้องมารอลุ้นตัวอย่างตัวต่อไปว่าท้ายที่สุดแล้วเราจะได้เห็นสไปเดอร์แมนทั้งสามเวอร์ชั่นหรือไม่ หรืออาจจะมีการสับขาหลอกในตัวหนังเต็มเหมือนที่เคยทำมาแล้วใน 2 ภาคก่อนหน้าก็เป็นได้ แต่สิ่งที่แน่นอนในหนังเรื่องนี้คือใน Phase 4 ของ MCU นี้จะมีการเล่นประเด็นของ Multiverse ที่ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ในซีรีส์ Loki อย่างแน่นอน

โดยSpider-Man: No Way Home จะมีกำนดฉายในอเมริกา 17 ธันวาคมนี้ ส่วนบ้านเราต้องรอดูสถานการณ์โควิดว่าจะได้ดูพร้อมทั่วโลกในปลายปีนี้หรือไม่

Cr.ภาพ : Official Trailer Spider-Man : No Way Home

ติดตามบทความ ซีรีส์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง

“Ant-Man 3” เริ่มถ่ายทำภาพยนตร์ในลอนดอน

Ant-Man 3 เริ่มถ่ายทำภาพยนตร์ในลอนดอน

Ant-Man 3สำหรับใครที่เป็นแฟนภาพยนตร์ของค่าย Marvel ในปีที่ผ่านมาคงจะรู้สึกเหงาไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวเพราะด้วยการแพร่ระบาดของโรคโควิดทำให้ภาพยนตร์หลายๆ เรื่องนั้นต้องเลื่อนเวลาการออกฉายและภาพยนตร์หลาย ๆ ก็ไม่สามารถทำการถ่ายทำได้ ทำให้ในปีที่แล้วเราแทบจะไม่ได้ดูภาพยนตร์ของ Marvel Cinematic Universe เลย

สำหรับใครที่เป็นแฟนภาพยนตร์ของค่าย Marvel ในปีที่ผ่านมาคงจะรู้สึกเหงาไม่ใช่น้อยเลยทีเดียวพอด้วยการแพร่ระบาดของโรคโควิดทำให้ภาพยนตร์หลายๆ เรื่องนั้นต้องเลื่อนเวลาการออกฉายและภาพยนตร์หลาย ๆ ก็ไม่สามารถทำการถ่ายทำได้ ทำให้ในปีที่แล้วเราแทบจะไม่ได้ดูภาพยนตร์ของ Marvel Cinematic Universe เลย

หลังจากที่เรื่อง Avenger: End Game และ Spiderman: Far from Home เป็นภาพยนตร์ 2 เรื่องสุดท้ายที่เป็นการสิ้นสุดของ Marvel Cinematic Universe (MCU) เฟส 3 เราก็ยังไม่ได้ดูภาพยนตร์ของ MCU ในเฟส 4 แม้แต่เรื่องเดียวซึ่งเหตุผลหลักก็มาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิดนั่นเอง

แต่ว่าด้วยสถานการณ์ตอนนี้ในฝั่งยุโรปแล้วก็ได้มีการที่จะผ่อนปรนมาตรการป้องกันโรคโควิดและเราก็ได้รับข่าวดี แล้วเกี่ยวกับภาพยนตร์ของ Marvel ซึ่ง Paul Rudds ผู้ที่เป็นนักแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง Ant-Man ได้ออกมาบอกใน Instagram ว่า เขากำลังอยู่ที่ลอนดอนเพื่อทำการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Ant-Man 3

สำหรับ Ant-Man 3 นั้นจะมีชื่อของภาพยนตร์ว่า “Ant-man and the Wasp Quantumania” และจะเป็นภาพยนตร์ที่อยู่ใน MCU เฟส 4 ซึ่งสำหรับใครที่เป็นแฟนภาพยนตร์เรื่อง Ant-Man และเป็นแฟนของ MCU ก็รอติดตามชมได้เลย ซึ่ง“Ant-man and the Wasp Quantumania จะเข้าฉายในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2023

และสำหรับปีนี้นั้นภาพยนตร์ของ Marvel จะออกฉาย ในโรงภาพยนตร์ก็มีประมาณ 4 เรื่องด้วยกันเริ่มต้นจาก Black Widow, Shang-Chi and the legends of ten ring, Eternal และ Spiderman: No way home

และนอกจากภาพยนตร์ที่จะถ่ายทางโรงภาพยนตร์แล้วยังมีซีรีส์ที่ออกฉายทาง Disney Plus ด้วยซึ่งในปีนี้ก็จะมี WandaVision, Faclon and The Winter Soilder, Loki และ What if ในตอนนี้เรื่องราวของ MCU ได้มีการปะติดปะต่อระหว่างภาพยนตร์ที่ออกฉายโรงภาพยนตร์และที่ออกฉายทาง Disney Plus

ซึ่งทำให้เราได้รู้เรื่องราวของเหล่าฮีโร่แต่ละคนหลังจากที่ทุกคนได้ผ่านศึกกับธานอสว่ามีชีวิตและเรื่องราวเป็นอย่างไร

สำหรับเรื่องราวของซีรี่ส์และภาพยนตร์ของค่าย Marvel ในเฟส 4 นั้นจะมีเรื่องราวเป็นเช่นไรก็อย่าลืมติดตามชม รับรองว่าสนุกไม่แพ้ภาพยนตร์ทั้งหมดในเฟส 3 อย่างแน่นอนเลยทีเดียว

ติดตามบทความ ซีรีส์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

พบกับ ชาง-ซี ฮีโร่สัญชาติเอเชียคนแรกของ MCU ในตัวอย่างแรกของ Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

ในที่สุดก็ปล่อยออกมาแล้ว สำหรับตัวอย่างแรกจาก Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings หนังซุปเปอร์ฮีโร่สัญชาติเอเชียเรื่องแรกจาก Marvel และเป็นหนึ่งในตัวละครที่จะมีบทบาทใน MCU Phase 4 อีกด้วย งานนี้ใครที่ชื่นชอบหนังแอคชั่นสไตล์กังฟู น่าจะชื่นชอบไม่น้อย

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings จะว่าด้วยเรื่องราวของ ชาง-ชี (ซิมู หลิว) เด็กชายกำพร้าผู้มีพลังวิเศษ ที่ได้รับการเลี้ยงดูโดย แมนดาริน (เหลียงเฉาเหว่ย) เจ้าสำนักฝึกวิชาที่ได้รวบรวมเหล่าเด็กที่มีความสามารถในด้านการต่อสู้ มาเพื่อฝึกวิชา

และส่งตัวไปประลองการแข่งขันที่รวบรวมคนมีฝีมือจากทั่วโลกมาต่อสู้กัน และหากใครที่ชนะการประลองจะได้เป็นผู้ครอบครองแหวนทองท้งสิบวง ที่จะทำให้สามารถควบคุมธาตุต่าง ๆ ได้

แต่ทว่าเมื่อเติบโตขึ้น ชาง-ชี ได้หนีออกจากสำนักของแมนดาริน และได้ออกมาใช้ชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จนกระทั่งหลายปีต่อมา ชาง-ชีก็ได้ถูก แมนดารินตามตัวจนเจอ และถูกตามล่าเอาชีวิต โดยทางด้าน แมนดารินได้ข่มขู่ ชาง-ชี ว่าหากต้องการเป็นอิสระจากการตามล่า เขาจะต้องร่วมประลองครั้งใหม่ เพราะตัวแมนดารินนั้นแก่เกินไปที่จะลงสังเวียนแล้ว ซึ่ง ชาง-ชี จะต้องเข้าร่วมประลองโดยแลกกับอิสรภาพของตัวเอง

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

หนังเป็นผลงานการกำกับของ เดสติน แดเนียล เครตตัน (Just Mercy) เขียนบทโดย เดฟ คัลลาแฮม (Wonder Woman 1984, Mortal Kombat) พร้อมได้ทีมนักแสดงสัญชาติเอเชียมาร่วมแสดงนำไม่ว่าจะเป็น ซิมู หลิว (ซีรีส์ Taken), เหลียงเฉาเหว่ย (The Grandmaster), อควาฟิน่า (Jumanji: The Next Level) และมิเชล โหยว (Boss Level)

สำหรับตัวอย่างแรกของหนังยังไม่ได้เผยอะไรที่เกี่ยวกับเนื้อหามาก นอกจากการพยายามโชว์ตัวละครแต่ละตัวของหนังให้คนดูได้รู้สึกตื่นตาตื่นใจ ตามสไตล์ของ Marvel Studios แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นความแตกต่างของหนังเรื่องนี้จากหนังในจักรวาล Marvel เรื่องอื่น ๆ คือความมีกลิ่นอายของหนังเอเชียที่ค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่ให้อารมณ์เหมือนดูหนังจอมยุทธ

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

พร้อมงานโปรดักชั่นที่ดูอลังการ ไม่ต่างจากหนังแอคชั่น กลิ่นอายเอเชียที่ฉายก่อนหน้านี้อย่าง Mulan ส่วน ซิมู หลิว ในบท ชาง-ชี ในตัวอย่างนี้เราก็ได้เห็นเขาโชว์ฟอร์มบู๊เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องมาลุ้นว่าในตัวอย่างเต็ม หรือหนังเต็มเขาจะได้แสดงฝีไม้ลายมือสมการรอคอยหรือไม่

ส่วนตัวละครแมนดาริน วายร้ายของเรื่องที่รับบทโดยนักแสดงฮ่องกงชื่อดังอย่างเหลียงเฉาเหว่ย ในตัวอย่างเรายังไม่ได้เห็นเขาออกลายมากนัก แต่ด้วยมาดที่เคร่งขรึม ก็สามารถขโมยซีน และเป็นที่สนใจของเหล่าคอหนังไม่น้อย

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

โดยตัวละคร ชาง-ชี นั้น เป็นผลงานการสร้างสรรค์โดย สตีเวน อิงเกิลฮาร์ต และจิม สตาร์ลิน ที่ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อปี 1973 ซึ่งทางผู้สร้างก็ได้แรงบันดาลใจตัวละครตัวนี้มาจากแอคชั่นสตาร์ของเอเชียที่กำลังโด่งดังในช่วงนั้นอย่าง บรูซลี พร้อมได้ให้ฉายา ชาง-ชี ว่าเป็น “เจ้าแห่งกังฟู” เพราะเขานั้นเป็นฮีโร่จาก Marvel ที่มีความสามารถในด้านการต่อสู้ด้วยหมัดมวยมากกว่าการใช้อาวุธสุดล้ำเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่คนอื่น ๆ

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings จะมีกำหนดฉายในไทย 2 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

Cr. ภาพ : Marvel Studios และ Entertainment

#news-entertainments.com #ซีรีส์ หนัง

Marvel Studios กำลังเตรียมพัฒนาโปรเจคหนัง Captain America 4

Marvel Studios กำลังเตรียมพัฒนาโปรเจคหนัง Captain America 4

Marvel Studios เตรียมพัฒนาโปรเจคหนัง โดยได้ทีมผู้สร้างจาก The Falcon and The Winter Soldier มาร่วมเขียนบท ใน Captain America 4

ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับแฟน ๆMCU (Marvel Cinematic Universe) หรือคอหนังฮีโร่ก็ว่าได้ เมื่อไม่นานมานี้ทาง Marvel Studios ก็ได้ออกมาประกาศว่ากำลังพัฒนาโปรเจกต์หนัง Captain America 4 อยู่

โดยจะได้ผู้สร้างและมือเขียนบทจากซีรีส์ The Falcon and The Winter Soldier มารับหน้าที่ดูแลโปรเจคนี้ จากรายงานของสื่อนอกได้เผยว่า ตอนนี้ Marvel Studios กำลังพัฒนาโปรเจคหนังภาคที่ 4 ของ Captain America

Marvel Studios กำลังเตรียมพัฒนาโปรเจคหนัง Captain America 4

เบื้องต้นจะได้ มัลคอม สเปลแมน หัวหน้าทีมเขียนบท และผู้อำนวยการสร้างจากซีรีส์ The Falcon and The Winter Soldier มารับหน้าที่เขียนบทร่วมกับ ดาแลน มุสสัน มือเขียนบทจาก Ep. สุดท้ายของซีรีส์ชุดนี่ สำหรับผู้กำกับ ยังไม่ได้มีการวางตัวว่าใครจะได้มาทำหน้าที่นี้ รวมถึงทีมนักแสดงนำ ที่ยังไม่ได้กำหนดว่าในภาคนี้เราจะได้เห็นใครสวมชุดกัปตันอเมริกา

โดยก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่า คริส อีแวนส์ เจ้าของบท กัปตันอเมริกาคนเก่าที่หมดสัญญาไปหลังจบ Avengers: Endgame กำลังจะได้ต่อสัญญากลับมารับบทกัปตันอเมริกาอีกครั้ง แต่ท้ายที่สุดตัว เควิน ไฟกี หัวหอกของ Marvel Studios ก็ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวไป

Marvel Studios กำลังเตรียมพัฒนาโปรเจคหนัง Captain America 4

แต่นอกเหนือจาก คริส อีแวนส์ แล้ว อีกคนที่มีแนวโน้มสูงว่าจะมารับบท กัปตันอเมริกาก็คือ แอนโธนี่ แมคกี้ เจ้าของบท ฟอลคอน ที่ในซีรีส์ The Falcon and The Winter Soldier ได้มีการปูทางให้ตัวละครของเขาเป็นกัปตันอเมริกาเวอร์ชั่นผิวสี

ซึ่งในตอนสุดท้ายของซีรีส์ผู้ชมก็จะได้เห็นชุดใหม่ของ ฟอลคอน พร้อมมีการใช้โล่ของกัปตันอเมริกา ที่สำคัญหลังซีรีส์จบ ก็ได้มีการขึ้นชื่อเรื่องใหม่ว่า Captain America and The Winter Soldier ทำให้มีความเป็นไปได้สูงว่า แอนโธนี่ ฮอปกินส์ จะกลายมาเป็น กัปตันอเมริกา แทนที่คริส อีแวนส์ ในหนัง Captain America 4 และในหนังจักรวาล MCU ในอนาคต โดย Captain America ถือว่าเป็นหนังเดี่ยวใน MCU เรื่องที่สองที่จะมีถึง 4 ภาค ส่วนเรื่องแรกคือ Thor Love and Thunder หนังภาคที่ 4 ของเทพเจ้าสายฟ้า ที่ได้ คริส แฮมส์เวิร์ธ กลับมารับบท ธอร์ อีกครั้ง

พร้อมได้ ไทก้า ไวทีที ผู้กำกับจาก Thor: Ragnarok และ Jojo Rabbit มารับหน้าที่กำกับ พร้อมจัดเต็มด้วยนักแสดงดังที่ตบเท้าเข้ามาร่วมแสดงสมทบอีกเพียบ ซึ่งตอนนี้หนังก็กำลังอยู่ในช่วงระหว่างการถ่ายทำ โดยมีกำหนดฉายเดือนพฤษภาคม 2022

#Captain America 4 #Marvel Studios #หนังฮีโร่ #Captain America #MCU #บันเทิง ดารา นักร้อง #news-entertainments.com

Cr. ภาพ : เว็บไซต์ IMDB

ข้อมูลอ้างอิง : https://www.empireonline.com/movies/news/the-falcon-and-the-winter-soldier-malcolm-spellman-co-writing-a-fourth-captain-america-film/