รีวิวหนัง Leave the World Behind

รีวิวหนัง Leave the World Behind หนังไซไฟ ระทึกขวัญ

รีวิวหนัง Leave the World Behind หนังวันสิ้นโลกที่มาพร้อมการเล่าเรื่องไม่ซ้ำใคร หนังสร้างบรรยากาศที่ชวนอึดอัดได้ตลอดทั้งเรื่อง ทุกตัวละครมีความลึกลับ ดำมืด จนไม่สามารถไว้ใจตัวละครตัวไหนได้เลย 

รีวิวหนัง Leave the World Behind อีกหนึ่งหนังไซไฟ ระทึกขวัญ ส่งท้ายปีจาก Netflix ที่รวมทีมดารา และทีมสร้างมากฝีมือมาไว้ด้วยกัน โดยหนังเป็นผลงานกำกับของ แซม เอสเมล (ซีรีส์ Secret Invasion) พร้อมได้ดารารุ่นใหญ่อย่าง อีธาน ฮอว์ค (Black Phone), จูเลีย โรเบิร์ต (Ticket to Paradise), มาเฮอร์ชาลา อาลี (Green Book) และ เควิน เบคอน (Cop Car) มาร่วมแสดงนำ 

รีวิวหนัง Leave the World Behind หนังไซไฟ ระทึกขวัญ

Leave the World Behind จะเล่าเรื่องราวของครอบครัวแซนด์ฟอร์ด ที่ประกอบไปด้วย เคลย์ (อีธาน ฮอว์ค) ผู้เป็นสามี อแมนดา (จูเลีย โรเบิร์ต) ภรรยา และลูกอีกสองคนที่ได้เดินทางมาพักร้อนในบ้านหรูหลังหนึ่ง แต่ทว่าในคืนแรกที่พวกเขาได้พัก ก็ได้มีชายหญิงแปลกหน้า ที่อ้างว่าตนนั้นคือเจ้าของบ้านหลังนี้และต้องการมาขออาศัยร่วมกับพวกเขาชั่วคราว เนื่องจากในเมืองเกิดไฟดับ 

รีวิวหนัง Leave the World Behind หนังไซไฟ ระทึกขวัญ

ท่ามกลางสภานการณ์อันน่าอึดอัดของทั้งสองครอบครัวที่ต้องมาเจอกัน โลกภายนอกก็ได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดมากมาย ทั้งผู้คนที่ล้มตายอย่างปริศนา ถนนและสัญญาณอินเทอร์เน็ตใช้งานไม่ได้ ทำให้ทั้งสองครอบครัวต้องร่วมมือกันเพื่อผ่านเหตุการณ์นี้ไป

แม้ว่าพลอตของ Leave the World Behind จะค่อนข้างมาตามสูตรของหนังวันสิ้นโลกส่วนใหญ่ แต่ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือการเล่นกับบรรยากาศที่ต่างออกไป หนังไม่ได้เน้นไปที่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกบ้าง แต่หนังโฟกัสที่สองครอบครัวแปลกหน้าที่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันในสถานการณ์เอาชีวิตรอดนี้ 

รีวิวหนังLeave the WorldBehind หนังไซไฟ ระทึกขวัญ

ความสนุกของหนังคือการเล่นกับความลึกลับ คาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งหนังก็ค่อนข้างมีลูกเล่นเกี่ยวกับภัยพิบัติ วันสิ้นโลกที่น่าสนใจ ด้วยความลึกลับน่าค้นหานี้เองที่ทำให้ตลอดทั้งเรื่องหนังเต็มไปด้วยทฤษฎีสมคบคิดมากมายให้คนดูได้คาดเดาร่วมไปกับตัวละคร 

นอกจากการสร้างสรรค์วันสิ้นโลกได้แปลกใหม่แล้ว หนังยังมีบทที่เล่าเรื่องได้มีชั้นเชิง ด้วยการสร้างคาแรคเตอร์ของแต่ละตัวละครให้มีจุดเด่นที่น่าสนใจ และใช้คาแรคเตอร์นั้นในการสร้างสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ ตลอดทั้งเรื่องคนดูจะรู้สึกถึงความอึดอัดตึงเครียดของทั้งสองครอบครัวที่พร้อมหักหลังกันทุกเมื่อ

รีวิวหนัง Leavethe World Behind หนังไซไฟ ระทึกขวัญ

ด้านทีมนักแสดงนำแต่ละคนต่างก็ถ่ายทอดบทบาทได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ จูเลีย โรเบิร์ต ที่สลัดบทบาทจากหนังรักสู่หนังระทึกขวัญ เธอก็สามารถเข้าถึงบทบาทของแม่ที่ต้องปกป้องลูกและครอบครัวได้อย่างดีเยี่ยม ด้าน มาเฮอร์ชาลา อาลีเองก็ถ่ายทอดบทบาทได้ลึกลับน่าค้นหาสุดๆ

โดยรวม Leave the World Behind คืออีกหนึ่งหนังวันสิ้นโลกรสชาติใหม่ ที่เล่าเรื่องได้สนุกแม้ทั้งเรื่องแทบจะไม่มีฉากวินาศสันตะโรเลยก็ตาม แต่หนังสามารถถ่ายทอดเรื่องราวผ่ายบทสนทนา และสถานการณ์ต่างๆ ให้คนดูได้ร่วมลุ้น ร่วมเอาใจช่วยตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม

สามารถรับชม Leave the World Behind ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Netflix
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/NE123ydu-Ig

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Wonka

รีวิวหนัง Wonka หนังมิวสิคคัล แฟนตาซี ฟีลกู้ดส่งท้ายปี

รีวิวหนัง Wonka หนังมิวสิคคัล แฟนตาซี ฟีลกู้ดส่งท้ายปี ที่เต็มไปด้วยความสุข หนังเล่าเรื่องได้ละมุนมาก เต็มไปด้วยมุกตลกจิกกัดนายทุน และความเหลื่อมล้ำได้เจ็บแสบ ทีโมมี ชาร์ลาเมซ​เป็นวองก้าที่เปี่ยมเสน่ห์สุดๆ

รีวิวหนัง Wonka หลังจากที่เมื่อกลางปีที่ผ่านมา Warner Bros. ได้ปล่อย Barbie จนกลายเป็นกระแสหนังฟีลกู้ดยอดนิยมของปีนี้ไปแล้ว ในปลายปียังมีอีกหนึ่งหนังฟีลกู้ดจากสตูดิโอเดียวกันนี้ กับ Wonka หนังภาค Prequel ที่ดัดแปลงมาจากนิยายชุด Charlie and the Chocolate Factory ของ โรอัล ดาร์ล ซึ่งได้ พอล คิง (Paddington1-2) มารับหน้าที่กำกับ 

รีวิวหนัง Wonka หนังมิวสิคคัล แฟนตาซี ฟีลกู้ดส่งท้ายปี

เรื่องราวของ Wonka จะพาทุกคนย้อนไปยังจุดเริ่มต้นของโรงงานช็อกโกแล็ค โดยหนังจะย้อนไปยังจุดเริ่มต้นการตามความฝันของ วิลลี่ วองก้า (ทีโมที ชาร์ลาเมซ) ในวัยหนุ่มที่ออกเดินทางเพื่อเปิดร้านช็อกโกแล็ตเป็นของตนเอง แต่ทว่าเมื่อมาถึงเมืองเขากลับพบอุปสรรคมากมาย เมื่อเชานั้นได้ถูกเจ้าของโรงแรมหลอกลวงให้เข้าพักและเอาเปรียบเขา ส่วนในเมืองนั้นวองก้าก็ถูกสามเจ้าของร้านช็อกโกแล็ตเจ้าใหญ่ในเมืองใช้อำนาจของตำรวจห้ามไม่ให้เขาขายช็อกโกแล็ตภายในเมือง วองก้าเลยต้องหาทางดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้เขาได้ทำตามความฝัน โดยมีเหล่าพองเพื่อนคอยให้ความช่วยเหลือ

รีวิวหนัง Wonka หนังมิวสิคคัล แฟนตาซี ฟีลกู้ดส่งท้ายปี

Wonka ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหนังมิวสิคคัล ฟีลกู้ดสูตรสำเร็จ ที่มาพร้อมคุณสมบัติของการเป็นหนังดูช่วงสิ้นปีกับครอบครัว หนังเต็มไปด้วยบทเพลงที่ไพเราะ บรรยากาศของหนังที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข ตัวละครแทบทุกตัวมีความตลกในแบบของตัวเอง ทั้งตัวดีและตัวร้าย และการเล่าเรื่องที่ดูง่าย ย่อยง่าย เหมาะแก่ทั้งคนที่เป็นแฟนคลับ วิลลี่ วองก้า รวมถึงคนที่ไม่เคยอ่านหรือดูหนังชุดนี้มาก่อน

ตัวหนังจะพาคนดูไปโฟกัสที่การเดินตามความฝันของตัวละคร วิลลี่ วองก้า และต้องฝ่าฟันอุปสรรค โดยประเด็นของหนังจะพูดถึงการต่อสู้ของคนตัวเล็กตัวน้อยที่ต้องต่อสู้กับนายทุนผูกขาดที่พยายามกีดกันไม่ให้อีกฝ่ายได้เติบโต แต่ด้วยวิธีการเล่าเรื่องของพอล คิง ที่เลือกเล่าประเด็นหนักๆ นี้ให้ออกมาดูเบาสมอง เข้าใจง่าย เหมาะกับคนดูทุกเพศทุกวัย

รีวิวหนังWonka หนังมิวสิคคัล แฟนตาซี ฟีลกู้ดส่งท้ายปี

งานโปรดักชันของหนังสามารถทำได้อย่างโดดเด่น โดยหนังสามารถถ่ายทอดความแฟนตาซีที่เล่นกับช็อกโกแล็ตได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ราวกับพาคนดูหลุดเข้าไปอยู่ในโลกเวทมนต์แบบ Harry Potter หนังเต็มไปด้วยลูกเล่นที่มีชั้นเชิง มีงาน CGI ที่ทำออกมาได้สวยงามสุดๆ

รีวิวหนังWonkaหนังมิวสิคคัล แฟนตาซี ฟีลกู้ดส่งท้ายปี

ด้านการแสดงต้องขอชื่นชม ทีโมที ชาร์ลาเมซ ที่สามารถถ่ายทอดบท วิลลี่ วองก้า ออกมาได้มีเสน่ห์ น่ารักน่าจดจำสุดๆ ในเรื่องนี้เขาสลัดภาพคุณชายออก และรับบทเป็นชายหนุ่มผู้ใสซื่อที่เห็นแล้วอยากเอาใจช่วย ด้านตัวละครสมทบในเรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าขโมยซีนไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น ฮิวจ์ แกรนด์ ที่มาในบทคนจิ๋ว และโรแวน แอตคินสัน ในบทบาทหลวง ที่ปรากฎตัวเมื่อไหร่ ก็มาพร้อมเสียงฮาเมื่อนั้น

โดยรวม Wonka คืออีกหนึ่งหนังฟีลกู้ดส่งท้ายปีที่เปี่ยมไปด้วยบรรยากาศแห่งรอยยิ้มและความสุข การเล่าเรื่องที่สนุก เบาสมอง และมีเพลงประกอบที่เพราะติดหู ใครที่มองหาหนังสำหรับคลายเครียดช่วงปลายปีนี้ นี่คืออีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด

สามารถรับชม Wonka ได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: IMDB
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/_UXmQ4ga5EU

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Napoloen

รีวิวหนัง Napoloen หนังชีวประวัติโปรดักชันฟอร์มยักษ์

รีวิวหนัง Napoloen หนังชีวประวัติโปรดักชันฟอร์มยักษ์ ทั้งการจำลองสังคมยุคปฎิวัติฝรั่งเศส รวมถึงฉากสงครามที่ทำได้อลังการ พาร์ทโรแมนติกทำได้ดีเกินคาด หนังถ่ายทอดความรักของ นโปเลียนและโจเซฟินได้ถึงพริกถึงขิงสุดๆ

รีวิวหนัง Napoloen หลังจากที่ก่อนหน้านี้มี Oppenheimer ของคริสโตเฟอร์ โนแลน และ Killers of the Flower Moon ของ มาร์ติน สกอร์เซซิ ที่เป็นงานชีวประวัติและสร้างจากเรื่องจริงฟอร์มยักษ์จากผู้กำกับเบอร์ใหญ่ให้คอหนังได้ชมในโรงภาพยนตร์กันแล้ว ล่าสุดก็ถึงคราวของ Napoloen ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ ริดลีย์ สก้อตต์ เข้าฉายในโรงภาพยนตร์บ้าง ซึ่งนี่ก็เป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของเขาและ วาคิน ฟินิกซ์​(Joker) นับตั้งแต่ Gradiator เมื่อปี 2000

รีวิวหนัง Napoloen หนังชีวประวัติโปรดักชันฟอร์มยักษ์

เรื่องราวของ Napoloen จะพาผู้ชมย้อนไปยังช่วงปฎิวัติฝรั่งเศส เมื่อนายทหารนโปเลียน (วาคิน ฟินิกซ์) ได้เป็นผู้นำในการเอาชนะศัตรูในหลายๆ ศึก ประกอบกับความทะเยอทะยานทำให้เขาได้ค่อยๆ ไต่เต้าจนกลายเป็นจักรพรรดิ นอกจากนี้ในระหว่างนั้นเขาก็ได้พบรักกับ โจเซฟิน (วาเนสซา เคอร์บี้) หญิงสาวที่เขาหลงรักตั้งแต่แรกเจอ แต่เมื่ออยู่เป็นสามีภรรยา พวกเขากลับพบอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะการที่ โจเซฟิน ไม่สามารถให้ทายาทกับเขาได้ 

รีวิวหนัง Napoloen หนังชีวประวัติโปรดักชันฟอร์มยักษ์

Napoloen ถือว่าเป็นหนังชีวประวัติ/ประวัติศาสตร์​ที่เล่าเรื่องตามสูตรสำเร็จ หนังเล่าเหตุการณ์ตามไทม์ไลน์ประวัติศาสตร์​เป็นเส้นตรง เริ่มตั้งแต่ยุคปฎิวัติฝรั่งเศส ช่วงเรืองรองของนโปเลียน ไปจนถึงช่วงวาระสุดท้ายของเขา ทั้งนี้เพื่อให้ดูหนังอยากได้อรรถรสมากขึ้นผู้ชมควรศึกษาประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสหรือชีวิตนโปเลียนมาบ้าง

ความโดดเด่นของหนังคืองานโปรดักชันที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดี หนังสามารถจำลองภาพประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสได้อย่างละเอียด ตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผม ไปจนถึงโลเคชัน โดยเฉพาะฉากสงครามที่ในครั้งนี้ ริดลีย์ สก้อตต์ ก็ยังถ่ายทอดฉากสู้รบได้ดุเดือด อลังการ โดยเฉพาะการถ่ายทอดความโหดร้าย เลือดเย็นของนโปเลียนในบางฉากที่ชวนสยองติดตา

รีวิวหนัง \Napoloenหนังชีวประวัติโปรดักชันฟอร์มยักษ์

อีกหนึ่งจุดที่หนังทำได้ค่อนข้างดีคือการนำเสนอพาร์ทโรแมนติก ดราม่า ระหว่างนโปเลียนและโจเซฟิน ที่มีทั้งช่วงที่ทั้งสองตกหลุมรักกัน ไปจนถึงพาร์ทที่ความสัมพันธ์เต็มไปด้วยปัญหา หนังสามารถตีประเด็นความรักได้อย่างถึงพริกถึงขิง ทั้งนี้ต้องขอชื่นชมการแสดงของทั้ง วาคิน ฟินิกซ์ และวาเนสซา เคอร์บี้ ที่แสดงได้เข้าถึงบทบาทสุดๆ จนการแสดงของทั้งคู่เป็นเดอะแบกของหนังก็ว่าได้

รีวิวหนังNapoloe nหนังชีวประวัติโปรดักชันฟอร์มยักษ์

ข้อเสียของหนัง Napoloen คือการที่หนังค่อนข้างเล่าเรื่องตามสูตรมากเกินไป เนื้อหาของหนังค่อนข้างยึดเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์จนทำให้หนังขาดลูกเล่นที่น่าสนใจ หรือชวนหวือหวาเมื่อเทียบกับ Oppenheimer หรือ Killers of the Flower Moon ที่เต็มไปด้วยการเล่าเรื่องที่ฉีกกรอบจากประวัติศาสตร์ ทำให้ Napoloen กลายเป็นงานที่ไม่ได้โดดเด่นมากนักเมื่อเทียบกับงานก่อนๆ ของ ริดลีย์ สก้อตต์

โดยรวม Napoloen คือหนังชีวประวัติที่ทำได้สนุกครบรสอีกเรื่อง หนังมีทั้งฉากสู้รบที่อลังการ พาร์ทโรแมนติกที่ชวนติดตาม และการสะท้อนภาพนโปเลียนทั้งตอนที่เข้มเข็งและเปราะบาง แม้จะไม่ได้แปลกใหม่หวือหวา แต่ก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องที่คอหนังประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาด

สามารถรับชม Napoloen ได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/S7oPzS-efK0

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Thanksgiving

รีวิวหนัง Thanksgiving หนังไล่เชือดผสมสืบสวนสไตล์ Scream

รีวิวหนัง Thanksgiving หนังไล่เชือดผสมสืบสวนสไตล์ Scream ที่เล่าเรื่องได้อย่างชวนติดตาม หนังอัดแน่นด้วยความโหด สยดสยอง และตลกร้ายแบบอีไล ร็อธ ช่วงท้ายเต็มไปด้วยความระทึก หักมุมแบบที่คาดเดาไม่ได้

รีวิวหนัง Thanksgiving ผลงานการกลับมาทำหนังสยองขวัญอีกครั้งของผู้กำกับสายโหดอย่าง อีไล ร็อธ​ (Hostel) ที่ครั้งนี้เขามาในพลอตที่เล่นกับธีมของวันขอบคุณพระเจ้า โดยเนื้อหาของหนังจะว่าด้วยเมืองเล็กๆ ในวันคืนขอบคุณพระเจ้าคืนหนึ่งที่ตรงกับวัน Black Friday ซุปเปอร์มาร์เก้ตประจำเมืองเลยได้จัดโปรโมชันลดราคาพิเศษในคืนนั้น แต่เทศกาลความสุขก็กลายเป็นความสยองเมื่อคืนนั้นได้เกิดจลาจลที่ทำให้ผู้คนเข่นฆ่ากันเพื่อขิงของถูก

รีวิวหนัง Thanksgiving หนังไล่เชือดผสมสืบสวนสไตล์ Scream

หลังจากคืนดังกล่าวผ่านไป 1 ปี เหล่าวัยรุ่นที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นที่กำลังเตรียมตัวกับเทศกาลขอบคุณพระเจ้าอีกครั้ง แม้จะมีบาดแผลในอดีตคอยติดตาม แต่ทว่าเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อได้มีฆาตกรต่อเนื่องสวมหน้ากากไล่ฆ่าคนที่อยู่ในเหตุจลาจลปีที่แล้ว ทำให้เหล่าวัยรุ่นที่รอดชีวิตและตำรวจต้องตามหาตัวคนร้ายก่อนที่คนร้ายจะเล่นงานมาถึงตน 

รีวิวหนัง Thanksgiving หนังไล่เชือดผสมสืบสวนสไตล์ Scream

แม้จะเรียกได้ว่าเป็นหนังไล่เชือด แต่บริบทของ Thanksgiving ค่อนข้างมีความฉีกแนว และเป็นตัวของตัวเอง ทั้งนี้เพราะลายเซ็นการกำกับของ อีไล ร็อธ ที่มีความชัดเจน ตั้งแต่ความกวน ความตลกร้ายในฉากเปิด ที่มีทั้งความโหด ความตลก และเป็นการเปิดเรื่องที่ไม่เหมือนหนังสยองขวัญเรื่องไหนๆ 

รีวิวหนังThanksgiving หนังไล่เชือดผสมสืบสวนสไตล์ Scream

ตัวหนังจะเล่าแบบหนังไล่ฆ่า ผสมสืบสวนสอบสวน ที่ให้บริบทชวนนึกถึง Scream ที่ตัวละครหลักทั้งหมดจะต้องร่วมกันเอาชีวิตรอดและตามหาคนร้าย โดยหารู้ไม่ว่าฆาตกรแฝงอยู่ในกลุ่ม ความสนุกของหนังจึงไม่ใช่แค่การลุ้นไปกับวิธีการฆ่า แต่ยังรวมไปถึงการหาตัวคนร้ายและการสับขาหลอกของหนังที่ทำได้อย่างเหนือชั้น

รีวิวหนังThanksgivingหนังไล่เชือดผสมสืบสวนสไตล์ Scream

ในด้านความสยดสยอง ความระทึกหนังทำออกมาได้ค่อนข้างดี แม้จะไม่ได้เป็นหนังที่เน้นจังหวะโบ๊ะบ๊ะตลอดทั้งเรื่อง แต่เมื่อถึงฉากที่ตัวละครต้องเผชิญหน้าฆาตกร ก็สามารถบีบอารมณ์ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะฉากการฆ่าในหนังที่มีความโหดร้ายขั้นสุด ทั้งการตัดคอ หรือมีฉากไส้ทะลัก ที่ชวนขนลุก โดยเฉพาะในองก์3 ของหนังที่ทำได้อย่างลุ้นระทึกดีเยี่ยม

โดยรวม Thanksgiving คืออีกหนึ่งหนังสยองขวัญน้ำดีแห่งปี 2023 หนังมีองค์ประกอบที่หนังไล่เชือดที่ดีควรมี เดินเรื่องได้สนุก เต็มไปด้วยลูกบ้าและความกวนที่ชวนขำแบบไม่ซ้ำใคร ที่สำคัญนี่คืออีกหนึ่งงานที่พร้อมประกาศตัวเองสู่ความเป็นแฟรนไชส์หนังสยองขวัญชุดใหม่ในอนาคตอย่างแน่นอน

สามารถรับชม Thanksgiving วันนี้ในโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/KbU50SdL8zA

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง M3gan

รีวิวหนัง M3gan หนังระทึกขวัญ ที่ใช้ AI มานำเสนอ

รีวิวหนัง M3gan หนังระทึกขวัญที่แม้ว่าพลอตจะชวนให้นึกถึง Chucky แต่การหยิบประเด็น AI มาถ่ายทอดสามารถเข้ากับยุคสมัยปัจจุบันได้อย่างดีเยี่ยม คาแรคเตอร์ของเมแกน มีความหลอน เฮี้ยนในแบบที่ไม่เหมือนใคร

รีวิวหนัง M3gan คือหนังระทึกขวัญ/สยองขวัญ ไอเดียบรรเจิดจากผลงานการเขียนบทโดย เจมส์ วาน (The Conjuring) และ อะคีลา คูเปอร์ (Malignant) ที่หยิบประเด็นของ AI และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มานำเสนอ พร้อมได้ เจอราร์ด จอห์นสโตน (Housebound) ที่ผันตัวมากำกับหนังใหญ่เป็นครั้งแรก

รีวิวหนัง M3gan หนังระทึกขวัญ ที่ใช้ AI มานำเสนอ

เรื่องราวของ M3gan จะว่าด้วย เคดี้ (วีโอเลต แมคโกรว์) เด็กสาวที่ต้องสูญเสียพ่อและแม่ไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้เธอต้องย้ายมาอาศัยอยู่กับ เจมม่า (อลิสสัน วิลเลียม) น้าสาวของเธอ ที่ทำงานเป็นนักพัฒนาของเล่นอัจฉริยะที่ใช้ระบบ AI ในการทำงาน ซึ่งหนึ่งในโปรเจกต์ล่าสุดของเธอคือการสร้างหุ่นยนต์เด็กผู้หญิงที่ชื่อว่า ‘เมแกน’ ขึ้นมา โดยเธอได้ทดลองให้ เมแกน ได้เป็นเพื่อนกับ เคดี้ เพื่อทำความเข้าใจมนุษย์ แต่ทว่าเมื่อยิ่งสนิท เมแกนยิ่งเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ จนนำมาสู่โศกนาฎกรรมและความสยองที่ไม่มีใครคาดคิด

รีวิวหนัง M3gan หนังระทึกขวัญ ที่ใช้ AI มานำเสนอ

แม้ว่าพลอตเรื่องและหน้าหนังของ M3gan จะชวนให้นึกถึง Chucky จากหนัง Child’s Play อยู่พอสมควร แต่เนื้อหาข้างในของ M3gan เรียกได้ว่าไปคนละทางอยู่พอสมควร โดยในเรื่องนี้หนังพยายามปรับตัวให้เป็นหนังสยองขวัญยุคใหม่ที่เล่นกับประเด็นของ AI เป็นจุดขาย หนังจะพาเราไปสำรวจการสร้างสิ่งประดิษฐ์อัจฉริยะที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน รวมถึงการเรียนรู้ของ AI ที่มีความฉลาดล้ำเกินกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจ 

หนังไม่ได้เน้นขายความระทึก หรือความสยดสยองเป็นจุดขายมากนัก แต่หนังจะเน้นขายไปที่พา์ทดราม่าเป็นส่วนใหญ่ โดยเนื้อหาจะโฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ระหว่าง เคดี้ เจมม่า และเมแกน ที่ค่อยๆ มีพัฒนาการที่ชวนติดตามตลอดทั้งเรื่อง หนังสามารถสะท้อนความละมุนของเด็กหญิงได้อย่างงดงาม ก่อนจะค่อยๆ แผลงความน่ากลัวทีละน้อย จนทำให้ช่วงท้ายของหนังเต็มไปด้วยโมเมนต์ที่ชวนลุ้นแบบนั่งไม่ติดเก้าอี้ 

รีวิวหนังM3gan หนังระทึกขวัญ ที่ใช้ AI มานำเสนอ

ด้านความโหดของหนังถือว่าไม่ได้โหดร้าย หรือสยดสยองมาก อาจมีฉากวิธีการตายที่น่ากลัวบ้าง แต่หนังก็เลี่ยงฉากการเห็นศพ หรือภาพที่ทารุณออกไป สิ่งที่สร้างความสยองให้หนังคือความเก่งกาจของเมแกน ทั้งความฉลาด และความสามารถ อึด ถึก ทน ที่เกินกว่ามนุษย์จะหยั่งถึง จนทำให้เมแกน เปรียบเสมือนปีศาจร้ายที่ทรงพลัง พร้อมทั้งชวนให้คนดูอยากติดตามว่าเหล่าตัวเอกของเรื่องจะปราบเมแกนได้อย่างไร

รีวิวหนังM3ganหนังระทึกขวัญ ที่ใช้ AI มานำเสนอ

จุดด้อยของ M3gan คือการที่หนังยังเลือกเล่าเรื่องตามสูตรหนังระทึกขวัญสไตล์ Blumhouse และหนังเจมส์ วาน ที่คอหนังคุ้นเคย การเดินเรื่องสามารถเดาทิศทางได้ไม่ยาก ทั้งจังหวะการหลอก หรือการเดาทิศทางเนื้อหาของเรื่อง ที่ไม่ได้สร้างเซอร์ไพรส์ หรือความน่าจดจำมากนัก

โดยรวม M3gan คือหนังระทึกขวัญ ที่พยายามเล่นประเด็น AI ให้ออกมาสยดสยอง ซึ่งหนังถือว่าสอบผ่านในความเป็นหนังบันเทิง ที่เน้นดูสนุก สร้างความลุ้นระทึกได้พอสมควร แม้จะไม่ได้แปลกใหม่มาก แต่คอหนังระทึกขวัญ/สยองขวัญน่าจะชื่นชอบไม่มากก็น้อย

สามารถรับชม M3gan ได้แล้ววันนี้ที่ HBO Go

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/hym39__JBYQ

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Doi Boy

รีวิวหนัง Doi Boy หนังอินดี้ที่สะท้อนภาพการดิ้นรนต่อสู้ของชาวไทใหญ่

รีวิวหนัง Doi Boy อีกหนึ่งหนังไทยรสชาติแปลกใหม่ เป็นหนังอินดี้ที่ดูง่าย สามารถสะท้อนภาพการดิ้นรนต่อสู้ของชาวไทใหญ่ พร้อมทั้งวิพากษ์สังคมได้อย่างเฉียบคม การแสดงของ อัด อวัช ทำได้โดดเด่นและน่าจดจำสุดๆ

รีวิวหนัง Doi Boy คือหนังไทยผลงานจากค่าย เนรมิตรหนังฟิล์ม ที่กำกับโดย นนทวัฒน์ นำเบญจพล ผู้กำกับสารคดีที่ผันตัวมากำกับหนัง Fiction เป็นครั้งแรก ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้ถูกนำไปจัดฉายในเทศกาลหนัง นานาชาติปูซาน (BUSAN International Film Festival) มาแล้ว ส่วนในไทยได้ทางสตรีมดังอย่าง Netflix ซื้อเข้ามาฉาย

รีวิวหนัง Doi Boy หนังอินดี้ที่สะท้อนภาพการดิ้นรนต่อสู้ของชาวไทใหญ่

เรื่องราวของ Doi Boy จะว่าด้วย ศร (อัด อวัช) เด็กหนุ่มชาวไทใหญ่ที่อพยพมาทำงานในไทยอย่างผิดกฎหมาย และต้องทำงานค้าประเวณีในบาร์เกย์ จนกระทั่งเมื่อช่วงที่เกิดโรคโควิด-19 ระบาด ทำให้บาร์เกย์ต้องปิดตัว ศร ที่ได้รับผลกระทบเพราะไม่มีงานทำต้องหาช่องทางทำงานใหม่ โดยเขาได้รับคำแนะนำจาก จิ (เป้ อารักษ์) นายตำรวจที่คอยตามล่าคนนักกิจกรรมทางการเมือง ที่มอบหมายให้ ศร ทำภารกิจส่งตัว วุฒิ (เอม ภูมิภัทร) นักกิจกรรมที่โดยทางการหมายหัว ไปยังดินแดนไทใหญ่

รีวิวหนัง Doi Boy หนังอินดี้ที่สะท้อนภาพการดิ้นรนต่อสู้ของชาวไทใหญ่

หากพูดถึงรูปแบบการเล่าเรื่องของ Doi Boy เรียกได้ว่าเป็นหนังแนวสะท้อนสังคมแบบเดียวกับ Red Life ที่พูดถึงชีวิตของคนชายขอบที่ต้องใช้ชีวิตแบบปากกัดตีนถีบ โดยในเรื่อง Doi Boy นั้นจะเป็นการหยิบชีวิตของชาวไทใหญ่ ที่อพยพมาทำงานในไทยอย่างผิดกฎหมาย และไม่ได้รับสิทธิ์สวัสดิการต่างๆ อย่างที่ควรเป็น จนนำมาสู่เหตุการณ์ชวนระทึกต่างๆ มากมายภายในเรื่อง

แม้จะเป็นหนังอินดี้ แต่ Doi Boy กลับสามารถเล่าเรื่องได้สนุก ชวนติดตาม และมีเนื้อหาที่เข้าใจง่าย โดยภาพรวมของหนังจะเน้นไปโทนดราม่าอาชญากรรม ที่พูดถึงตำรวจเลวและคนที่ต้องใช้ชีวิตอย่างผิดกฎหมาย หนังสามารถผูกโยงเรื่องราว พร้อมค่อยๆ ไต่ระดับความเข้มข้นได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะองก์ 2 ที่ถือว่าเป็นช่วงที่พีคที่สุดในหนัง

รีวิวหนังDoi Boy หนังอินดี้ที่สะท้อนภาพการดิ้นรนต่อสู้ของชาวไทใหญ่

อีกสิ่งที่น่าชื่นชมของ Doi Boy คือการที่หนังกล้าที่จะหยิบประเด็นละเอียดอ่อนมาเล่าในหนังได้อย่างตรงไปตรงมา และทรงพลัง ไม่ว่าจะเป็นการสะท้อนภาพคนต่างเมืองที่ต้องทำงานผิดกฎหมาย การขูดรีดจากทางตำรวจ รวมถึงการใช้อำนาจรัฐปิดปากคนที่เห็นต่างหรือเรียกร้อง หลายฉากหนังสะท้อนภาพได้อย่างดีเยี่ยม จนไม่แปลกใจที่หนังเรื่องนี้จะหลุดจากการฉายโรงและมาฉายบนสตรีมแทน

รีวิวหนังDoi Boy หนังอินดี้ที่สะท้อนภาพการดิ้นรนต่อสู้ของชาวไทใหญ่

ด้านการแสดงต้องขอชื่นชม 3 นักแสดงหลักของเรื่อง โดยเฉพาะ อัด อวัช ที่ประเดิมงานแสดงนำครั้งแรกได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถเข้าถึงบทบาทของศรในตลอดทั้งเรื่องของหนัง ในส่วน เป้ อารักษ์ที่รับบทสุดดาร์ก ที่ถ่ายทอดอารมณ์นิ่งๆ ผ่านสายตา เรียกได้ว่าสลัดภาพงานแสดงที่ผ่านๆ มาของเขาก็ว่าได้ นอกจากนี้ยังมี เอม ภูมิภัทร ที่เป็นตัวละครสมทบที่เข้ามาเพิ่มพลังให้ประเด็นของหนังมีพลังมากยิ่งขึ้น

โดยรวม Doi Boy คืออีกหนึ่งหนังไทยรสชาติแปลก ที่นานทีจะมีให้เห็น เป็นอีกเรื่องที่สะท้อนภาพของคนชายขอบได้อย่างสมจริง พร้อมทั้งมีการเล่าเรื่องแบบดราม่า อาชญากรรมที่สนุก ชวนติดตาม ไม่เข้าใจยาก เป็นอีกหนึ่งหนังไทยปีนี้ที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้ดูกัน

สามารถรับชม Doi Boy ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Netflix
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/cJKt1Ni-3kk

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง She Said

รีวิวหนัง She Said หนังดราม่าพลังหญิง ถ่ายทอดในรูปแบบหนังนักข่าว

รีวิวหนัง She Said หนังดราม่าพลังหญิง ที่หยิบเหตุการณ์จุดเริ่มต้นของ #Metoo มาถ่ายทอดในรูปแบบหนังนักข่าวได้อย่างชวนติดตาม เป็น 2 ชั่วโมงที่ยิ่งดูยิ่งลุ้น พร้อมทั้งสะท้อนความดำมืดของฮอลีวูดได้อย่างน่าขนลุก

รีวิวหนัง She Said หลังจากที่ช่วงที่ผ่านมามีหนังและซีรีส์ที่อิงกระแส #Metoo มาถ่ายทอดจนได้รับกระแสตอบรับที่ดีไม่ว่าจะเป็น หนัง Bombshell และซีรีส์ The Morning Show เมื่อปี 2019 ในปี 2022 ที่ผ่านมาได้มีอีกหนึ่งหนังดราม่าพลังหญิง ที่ถือว่าเป็นการหยิบจุดเริ่มต้นของกระแส #Metoo มาถ่ายทอดในเรื่อง She Said

รีวิวหนัง She Said หนังดราม่าพลังหญิง ถ่ายทอดในรูปแบบหนังนักข่าว

She Said เป็นผลงานการกำกับโดย มาเรีย ชเรเดอร์ (ซีรีส์ Unorthodox) ที่จะว่าด้วยเรื่องราวในช่วงปี 2016 เมื่อสองนักข่าวสาวจาก เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ อย่าง โจดี้ (โซอี้ คาซาน) และ เมแกน (แครี่ มัลลิแกน) ที่ได้รับข้อมูลถึงเรื่องดำมืดในวงการฮอลีวูด ถึงการล่วงละเมิดทางเพศของ ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน ผู้บริหารค่ายหนัง Miramax ในตอนนั้น แต่เมื่อทั้งสองได้ลงมือสืบหาข่าวพวกเธอก็ได้พบว่า ไวน์สตีน ได้ใช้อำนาจเงินในการปิดปากหญิงที่ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ทั้ง โจดี้ และเมแกน เลยต้องทำทุกอย่างเพื่อหาความจริง และหลักฐานเพื่อเปิดโปงข่าวฉาวที่จะเปลี่ยนแปลงวงการฮอลีวูด ไปตลอดกาล

รีวิวหนัง She Said หนังดราม่าพลังหญิง ถ่ายทอดในรูปแบบหนังนักข่าว

เรียกได้ว่า She Said มาพร้อมสไตล์การเล่าเรื่องแบบเดียวกับ Bombshell และ The Morning Show ตรงที่เป็นหนังนักข่าว ที่สะท้อนภาพการทำงานวงการสื่อของตัวละครหญิงสาว ที่ต้องกระเสือกกระสน และหาทางต่อสู้ดิ้นรนเพื่อการงานวิชาชีพของตัวเอง 

ตัวหนังเดินเรื่องได้อย่างสนุก น่าติดตาม ตั้งแต่นาทีแรก จนนาทีสุดท้ายของหนังแทบไม่มีจังหวะที่เนิบช้า น่าเบื่อ หนังใส่เหตุการณ์ที่ท้าทายตัวละครตลอดเวลา ทั้งการสืบหาความจริงที่เดินเรื่องได้อย่างเข้มข้น และยังมีอุปสรรคอย่างอำนาจมืดที่คอยกดดันเหล่าเหยื่อ รวมถึงพยานในเหตุการณ์ ที่เพิ่มความรู้สึกไม่น่าไว้วางใจตลอดทั้งเรื่อง 

รีวิวหนังShe Said หนังดราม่าพลังหญิง ถ่ายทอดในรูปแบบหนังนักข่าว

ด้านบทหนังทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม หนังสามารถสะท้อนคาแรคเตอร์ของ 2 นักข่าว รวมถึงตัวละครที่เป็นเหยื่อ ได้อย่างมีมิติ น่าค้นหา โดยเฉพาะตัวละครเหยื่อที่หนังสะท้อนภาพพวกเธอที่หวาดกลัวต่อตัว ไวน์สตีน ได้อย่างสมจริง หลายฉากหนังมีบทบรรยายถึงเหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศ ที่ตรงไปตรงมา จนชวนสะเทือนอารมณ์ 

รีวิวหนังShe Said หนังดราม่าพลังหญิง ถ่ายทอดในรูปแบบหนังนักข่าว

ด้านการแสดงต้องขอชื่นชมเคมีระหว่าง แครี่ มัลลิแกน และโซอี้ คาซาน ที่ต่างถ่ายทอดบทบาทนักข่าวสาวที่มีเสน่ห์ และน่าจดจำสุดๆ ทั้งสองสามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้คนดูอยากตามติดเอาใจช่วยพวกเธอไปจนจบเรื่อง

โดยรวม She Said คืออีกหนึ่งนักนักข่าวน้ำดีประจำปี 2022 ที่ผ่านมา หนังเล่าเรื่องได้สนุก ชวนติดตาม พร้อมทั้งยังสะท้อนด้านมืดของวงการฮอลีวูดได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นหนังที่ดูจบแล้วเห็นถึงปัญหา และความน่ากลัวการล่วงละเมิดทางเพศ และยังสะท้อนเสียงของผู้หญิงในการต่อสู้เรื่องนี้ได้อย่างทรงพลัง

สามารถรับชม She Said ได้แล้ววันนี้ที่ HBO Go

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/i5pxUQecM3Y

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิว 4Kings 2

รีวิว 4Kings 2 ผลงานผู้กำกับ พุฒิพงษ์ นาคทอง จากภาคแรก

รีวิว 4Kings 2 : ภาคต่อที่ยกระดับคุณจากภาคแรกทุกด้าน ดาร์กขึ้น แอ็คชันทำได้เดือดกว่าเดิม พาร์ทดราม่ากลมกล่อมลงตัว ช่วงท้ายของเรื่องทำได้หนักหน่วงขั้นสุด บิ๊ก ดีเจอร์ราร์ดเป็นเด็กบ้านที่สมจริงจน่าขนลุก

รีวิว 4Kings 2 ผลงานภาคต่อของหนังไทยที่ประสบความสำเร็จเมื่อปี 2564 ที่ทำรายได้ทั่วประเทศไปถึง 170 ล้านบาท ซึ่งในครั้งนี้ยังได้ผู้กำกับ พุฒิพงษ์ นาคทอง จากภาคแรกกลับมารับหน้าที่เดิมอีกครั้ง พร้อมได้ทีมนักแสดงนำไม่ว่าจะเป็น แหลม สมพล, จี๋ สุทธิรักษ์, เบนจามิน โจเซฟ วาร์นี และยังได้ บิ๊ก ดีเจอร์ราร์ด และทู สิราษฎษร์ จากภาคแรกกลับมารับบทเดิมอีกครั้ง

รีวิว 4Kings 2 ผลงานผู้กำกับ พุฒิพงษ์ นาคทอง จากภาคแรก

เรื่องราวของ 4Kings 2 จะว่าด้วยสงครามระหว่าง กนกอาชีวะ ที่นำโดย บ่าง (แหลม สมพล) และช่างกลบูรณพนธ์ ที่นำโดย รก (จี๋ สุทธิรักษ์) ที่มักตีกันในช่วงเวลารอบดึก นอกจากนี้พวกเขายังต้องรับมือกับ ยาท เด็กบ้าน (บิ๊ก ดีเจอร์ราร์ด) เด็กสลัมขายยา อดีตเพื่อนในวัยเด็กของบ่าง ที่มีความแค้นกับเด็กช่าง 

เนื้อหาในภาคนี้ ค่อนข้างมีความยกระดับจากภาคแรกในแทบทุกๆ ด้าน ตั้งแต่บทหนัง งานโปรดักชัน ไปจนถึงการแสดง โดยในภาคนี้หนังจะเปลี่ยนโทนจากที่ตีกันในช่วงกลางวัน มาเน้นเป็นการตีกันในช่วงกลางคืน พร้อมทั้งพาคนดูไปสำรวจชีวิตอีกด้านของเด็กช่างและเด็กบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะการพาคนดูไปสำรวจชีวิตของคนในสลัมหรือชายขอบของสังคมแบบที่หนัง Red Life นำเสนอไปก่อนหน้านี้

รีวิว 4Kings 2 ผลงานผู้กำกับ พุฒิพงษ์ นาคทอง จากภาคแรก

ด้านพาร์ทแอ็คชันในภาคนี้ค่อนข้างมีเยอะขึ้นกว่าเดิม มีซีเควนซ์ที่ชวนลุ้น ชวนติดตาม และเล่นใหญ่ขึ้น ทั้งการใช้มีด ปืน ระเบิด แต่ถึงแม้เทียบสัดส่วนแล้ว หน้งจะไม่ได้ถือว่าเป็นหนังบู๊ แต่ในภาคนี้ก็ทำได้ค่อนข้างครบรสขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากเปิดเรื่องที่ทำได้โหด ดิบ และสร้างอารมณ์ชวนระทึกได้ดีมากๆ 

รีวิว 4Kings2 ผลงานผู้กำกับ พุฒิพงษ์ นาคทอง จากภาคแรก

พาร์ทดราม่าในภาคนี้หนังสามารถทำได้กลมกล่อมลงตัวมากขึ้น หนังไม่ได้เน้นขายมิตรภาพหรือความรักแบบวัยรุ่นแบบภาคแรก แต่กลับพาคนดูไปเจาะลึกถึงความคิด ความรู้สึกของตัวละครมากขึ้น มีการบาลานซ์บทให้ลงตัวกว่าเดิม ทำให้ทั้งสามตัวละครหลักมีความน่าจดจำเท่าๆ กัน ในขณะที่พาร์ทครอบครัวก็เล่าได้อย่างทรงพลัง หนักหน่วงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

รีวิว 4Kings2 ผลงานผู้กำกับ พุฒิพงษ์ นาคทอง จากภาคแรก

ส่วนที่น่าชื่นชมขั้นสุดของหนังคือการแสดงของ บิ๊ก ดีเจอร์ราร์ด ที่สามารถถ่ายทอดบท ยาทเด็กบ้านออกมาได้ถึงอารมณ์มาก เป็นบทที่เมื่อปรากฎตัวแล้วสามารถตรึงสายตาคนดูได้อยู่หมัด เป็นบทที่มีความโรคจิตแบบโจ๊กเกอร์ แต่ในขณะเดียวกันก็มีพาร์ทที่น่าสงสารจนชวนเสียน้ำตา นอกจากนี้แหลม สมพล ที่ประเดิมงานแสดงนำครั้งแรก ก็ถ่ายทอดบทบ่างกนก ได้ดุดัน หนักแน่น และเท่สุดๆ จนเชื่อได้ว่าทั้งสองจะมีงานแสดงที่น่าจับตาในอนาคตอย่างแน่นอน

โดยรวม 4Kings 2 คืออีกหนึ่งหนังไทยคุณภาพจากปี 2023 ที่ยกระดับคุณภาพจากภาคแรกได้ดีงามทุกด้าน เป็นหนังที่มีดีมากกว่าแค่ประเด็นวัยรุ่นตีกัน แต่กลับเป็นหนังที่สะท้อนภาพปัญหาสังคมที่ทำออกมาได้ถึงพริกถึงขิง

สามารถรับชม 4kings 2 ได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: เนรมิตหนังฟิล์ม
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/Kv2rtntu_oQ

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Talk to Me

รีวิวหนัง Talk to Me หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก

รีวิวหนัง Talk to Me : หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก แต่เปี่ยมไปด้วยลูกเล่นที่มีชั้นเชิง พาร์ทน่ากลัวทำได้น่าขนลุก ชวนหลอนสุดๆ ผสมผสานกับพาร์ทดราม่าที่เล่าควบคู่กันได้เป็นอย่างดี พร้อมองก์ 3 ที่เล่าได้ทรงพลังเกินคาด

รีวิวหนัง Talk to Me คือหนึ่งในงานสยองขวัญฟอร์มเล็กสัญชาติออสเตรเลีย ผลงานการกำกับโดย ไมเคิล ฟิลลิปโป และ แดนนี่ ฟิลลิปโป ที่ประเดิมงานกำกับหนังยาวเป็นเรื่องแรก โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ มีอา (โซฟี ไวล์ด) หญิงสาวที่พึ่งสูญเสียแม่ของเธอไปจากการกินยาเกินขนาด ทำให้เธอมักไปใช้ชีวิตอยู่กับ เจด (อเลกซานดรา เจนเซน) เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ 

รีวิวหนัง Talk to Me หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก

แต่เรื่องหลอนๆ ก็เริ่มขึ้น เมื่อ มีอา และเจด ได้ไปร่วมงานปาร์ตี้ที่ได้มีการละเล่นท้าผีด้วยการให้แต่ละคนนำมือไปจับกับมือรูปปั้น ที่เชื่อว่าเป็นพิธีกรรมที่เห็นวิญญาณ ซึ่งมีอาก็ได้ร่วมเล่นเกมนี้จนทำให้เธอพบกับเรื่องเหนือธรรมชาติมากมายที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอ และคนรอบข้างไปตลอดกาล

รีวิวหนัง Talk to Me หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก

Talk to Me เรียกได้ว่าเป็นหนังสยองขวัญ แนวคำสาป เน้นขายพลอต ที่มาธีมเดียวกับ Blumhouse Productions ตัวหนังสามารถเล่นกับเงื่อนไขการเจอผีในเรื่องได้อย่างสนุก เต็มไปด้วยลูกเล่นที่ทั้งชวนสยดสยอง และมีอะไรให้เซอร์ไพรส์คอหนังผีตลอดเวลา พร้อมทั้งมีเส้นเรื่องที่ปูทางเรื่องราวไปสู่เหตุการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

รีวิวหนัง Talk toMe หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก

ด้านพาร์ทสยองขวัญ หนังอาจไม่ได้มาพร้อมฉากตุ้งแช่มากนัก แต่ความน่ากลัวของหนังกลับทำได้เหนือชั้นกว่านั้น หนังมีการนำเสนอฉากผีหลอกที่เรียบง่าย แต่สร้างอิมแพคได้อย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยจังหวะการปรากฎตัวของผีที่เหมาะสม และเมคอัพผีที่สยองติดตา ทำให้สามารถสร้างความหวาดกลัวกับคนดูได้โดยไม่ต้องพึ่งจังหวะตกใจ นอกจากนี้หนังยังมาพร้อมฉากสยดสยอง ที่ขายเลือด ขายความโหดพอให้ได้หวาดเสียวอยู่บ้าง

รีวิวหนัง Talkto Me หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก

นอกจากพาร์ทสยองแล้ว สิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเรื่องราว และเพิ่มหัวจิตหัวใจให้หนังเรื่องนี้คือพาร์ทดราม่า ที่หนังสามารถถ่ายทอดความสัมพันธ์ต่างๆ ของตัวละคร รวมถึงเหตุและผลของการกระทำได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะตัวละคร มีอา ที่เป็นคาแรคเตอร์ที่นอกจากจะน่าสงสารแล้ว เธอยังเป็นตัวละครที่น่าหงุดหงิดในเวลาเดียวกัน แต่ถึงกระนั้นบทมีอา ก็เป็นสิ่งที่แบกหนังเรื่องนี้ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

Talk to Me คือหนังไม่ได้ขายผี หรือความสยดสยอง เลือดสาดเหมือนหนังสยองขวัญเรื่องอื่นมากนัก แต่ในด้านการมอบประสบการณ์หลอนๆ ความน่ากลัว หนังเรื่องนี้สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นหนังผีที่มอบรสชาติใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนใคร ที่คอหนังสยองขวัญควรไปลองสัมผัสด้วยตนเอง

Talk to Me ฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์

Cr.ภาพ: IMDB
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/aLAKJu9aJys

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Bodies Bodies Bodies

รีวิวหนัง Bodies Bodies Bodies หนังสยองขวัญ เนื้อหาสุดปั่นจาก A24

รีวิวหนัง Bodies Bodies Bodies :  หนังสยองขวัญ เนื้อหาสุดปั่นจาก A24 ที่มาพร้อมเนื้อหาที่ดูง่าย ย่อยง่าย เนื้อหาชวนลุ้นระทึก ชวนติดตามการเอาชีวิตรอดของเหล่าตัวละคร และร่วมสนุกกับการหาตัวคนร้ายที่ทำออกมาได้ปั่นเกินคาด

รีวิวหนัง Bodies Bodies Bodies ผลงานหนังสยองขวัญแนว Slasher จากค่าย A24 ที่กำกับโดย ฮาลินา เรจิน (Instinct) ที่ได้รวมทีมดาราวัยรุ่นมาไว้ในเรื่องนี้อย่างคับจอ นำทีมโดย พีท เดวิดสัน (The Suicide Squad), อแมนด์ลา สแตนเบิร์ก (I Hate U Give), มาเรีย บาคาโลวา (Borat Subsequent Moviefilm) และ ลี เพซ (ซีรีส์ Foundation)

รีวิวหนัง Bodies Bodies Bodies หนังสยองขวัญ เนื้อหาสุดปั่นจาก A24

เรื่องราวของ Bodies Bodies Bodies จะว่าด้วยงานปาร์ตี้ที่เป็นการกลับมาเจอกันของกลุ่มเพื่อที่ไม่ได้เจอกันมาเนิ่นนาน ซึ่งพวกเขาและเธอทั้งหมดก็ได้พากันเล่นเกมตามล่าหาตัวฆาตกร แต่ทว่าจากการละเล่นสนุก ๆ กลับปรากฏว่าคืนนั้นมีการฆาตกรรมกันจริง ๆ จนนำมาสู่ค่ำคืนวายป่วง แห่งการเอาชีวิตรอด และหาตัวตนที่แท้จริงของคนร้ายว่าคือใคร?

รีวิวหนัง Bodies Bodies Bodies หนังสยองขวัญ เนื้อหาสุดปั่นจาก A24

จากพลอตของหนัง เรียกได้ว่ามีความเป็น Glass Onions ในเวอร์ชั่นของหนังสยองขวัญ/ระทึกขวัญ ด้วยความที่หนังถูกสร้างภายใต้สตูดิโอสุดติสท์อย่าง A24 ทำให้ Bodies Bodies Bodies เป็นมากกว่าหนังไล่เชื่อดทั่ว ๆ ไป แต่เป็นหนังที่เต็มไปด้วยเรื่องราว บทสนทนา และตัวละครสุดปั่น พร้อมทั้งมีรูปแบบการเล่าเรื่องที่โดดเด่น เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร

สิ่งที่ทำให้ Bodies Bodies Bodies โดดเด่น และชวนติดตาม คือการที่หนังใช้ประโยชน์จากพลอตหนัง และตัวละครทุกตัวในเรื่องได้อย่างคุ้มค่า หนังสร้างความขัดแย้งของเนื้อเรื่องจากเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่นำมาสู่เหตุการณ์ใหญ่ ๆ ทุกตัวละครต่างมีความน่าสงสัย และมีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่น ชวนให้คนดูอยากติดตามว่าใครคือคนร้าย และใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป

รีวิวหนังBodies Bodies Bodies หนังสยองขวัญ เนื้อหาสุดปั่นจาก A24

แม้ในด้านความโหดของหนังเรื่องนี้จะไม้ได้จัดหนัก จัดเต็มมาก แต่ด้วยตลอดระยะเวลา 90 นาทีของหนังที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ชวนเซอร์ไพรส์ ชวนระทึก ทำให้ Bodies Bodies Bodies เป็นหนังสยองขวัญ/ระทึกขวัญ ที่เล่าได้กลมกล่อมลงตัวมาก ๆ เรื่องหนึ่ง

รีวิวหนังBodiesBodiesBodies หนังสยองขวัญ เนื้อหาสุดปั่นจาก A24

ด้านการแสดง ทีมนักแสดงนำในเรื่องต่างถ่ายทอดบทบาทได้เป็นอย่างดี ทุกตัวละครในเรื่องมีความปั่น ความตลก หนึ่งในบทบาทขโมยซีนคือบทของ พีท เดวิดสัน ที่แม้ว่าบทบาทของเขาในเรื่องนี้จะไม่ได้มีบทเยอะมาก แต่ทุกครั้งที่เขาปรากฎตัวก็สามารถขโมยซีนคนดูได้อย่างอยู่หมัด โดยเฉพาะฉากสุดท้ายของหนังที่ทำเอาคนดูลืมไม่ลงอย่างแน่นอน

โดยรวม Bodies Bodies Bodies เป็นหนังสยองขวัญ/ระทึกขวัญ คุณภาพจาก A24 ที่นอกจากจะเป็นงานที่สนุก ชวนลุ้น ชวนติดตามทุกนาทีแล้ว หนังยังเต็มไปด้วยบท และการแสดงที่มีชั้นเชิง แถมยังดูง่าย ย่อยง่าย ที่คอหนังแนวนี้น่าจะชื่นชอบไม่น้อย
สามารถรับชม Bodies Bodies Bodies ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: IMDB
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/cTzGKsZjBOY

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง