อีกหนึ่งผลงานหนังแอคชั่น ไซไฟ ฟอร์มยักษ์ ผลงานการสร้างโดย Paramount Pictures และ Skydance ทุนสร้างถึง 200 ล้านเหรียญฯ ที่ภายหลังถูกซื้อสิทธิฉายโดย Amazon Prime หนังกำกับโดย คริส แมคเคย์ (The Lego Batman) เขียนบทโดย แซชดีน (24 Hours to Live)
หนังจะว่าด้วยเรื่องราวของโลกในปี 2022 เมื่อวันหนึ่งระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศ ได้มีลำแสงประหลาดปรากฎขึ้น พร้อมกลุ่มคนที่บอกว่าตนนั้นมาจากโลกอนาคตที่มนุษย์นั้นได้เกิดสงครามกับกองทัพเอเลี่ยน จนทำให้มนุษยชาติกำลังจะสูญสิ้น พวกเขาเลยเดินทางย้อนอดีตมาเพื่อขอร้องให้เหล่ามนุษย์จากปัจจุบัน เดินทางไปอนาคตเพื่อร่วมสงครามเพื่อปกป้องมนุษยชาติ
แดน ฟอร์เรสเตอร์ (คริส แพรตต์) อดีตหน่วยรบพิเศษผู้หลงไหลในวิทยาศาสตร์ ที่หันมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในครอบครัว จนเขาได้รับหมายเรียกให้ร่วมไปทำสงครามกับเอเลี่ยนในโลกอนาคต โดย แดนได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเพื่อทำภารกิจเสี่ยงตาย และหาหนทางที่จะกำจัดกองทัพเอเลี่ยนให้หมดสิ้นไปจากโลก
The Tomorrow War ถือว่าเป็นหนังแอคชั่นที่เน้นเพื่อดูเอามันส์อีกเรื่องก็ว่าได้ หนังชวนให้เรานึกถึง Army of the Dead ที่ฉายบน Netflix ไปเมื่อเดือนที่แล้ว โดยทั้งสองเรื่องมาตามสูตรสำเร็จใน Gerne ของตัวเอง ใน Army of the Dead หนังมาตามสูตรหนังซอมบี้ที่ไม่ได้มีอะไรใหม่มาก และใน The Tomorrow War หนังก็มาตามสูตรของหนังสงคราม ไซไฟ ระทึกขวัญ ที่ให้อารมณ์แบบ Edge of Tomorrow หรือ War of the World
ความโดดเด่นของหนังเรื่องนี้คืองานโปรดักชั่นที่ทำออกมาได้ยิ่งใหญ่ อลังการ ฉากแอคชั่นในเรื่องทำออกมาได้ดุดัน เข้มข้น ให้อารมณ์เหมือนกำลังเล่นเกม Shooting มันส์ ๆ พร้อมฉากระเบิดภูเขา เผากระท่อมที่จัดเต็มยิ่งกว่า Army of the Dead แต่ส่วนที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ ไม่แพ้กันคือการสร้างสรรค์ตัวเอเลี่ยนในเรื่องที่มีหน้าตาที่อัปลักษณ์ และมีความเท่ ความสยองผสมกันในตัว ซึ่งตัวเอเลี่ยนก็มีคาแรคเตอร์ของตัวเองที่โดดเด่น ชวนจดจำแบบไม่ซ้ำใคร
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าจดจำมาก ๆ ของ The Tomorrow War คือการแสดงของคริส แพรตต์ ในบทแอคชั้นแบบจริงจังอีกครั้งของเขา ในเรื่องนี้แพรตต์ สามารถเอาคนดูอยู่ได้ทั้งเรื่อง ด้วยมาดของตัวละครที่จริงจัง ขึงขัง เหมือนบทของเหล่าแอคชั่นสตาร์คนอื่น ๆ แม้ว่าบทจะไม่ได้มีพาร์ทดราม่าที่หนักแน่น จริงจังมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นอีกบทบาทที่น่าจดจำของนักแสดงหนุ่มผู้นี้ อีกบทบาทที่ไม่พูดคงไม่ได้คือ เจเค ซิมมอนส์ ที่ในเรื่องนี้แม้เขาจะไม่ได้บทเยอะมาก แต่ทุกครั้งที่ตัวละครของเขาปรากฎก็ล้วนแต่น่าจดจำ โดยเฉพาะในช่วงท้ายที่ ซิมมอนส์ ได้กลายเป็นตัวละครขโมยซีนคนอื่น ๆ ไปได้อย่างยอดเยี่ยม
ข้อเสียของ The Tomorrow War คือการที่หนังพยายามใส่ประเด็นใหญ่ ๆ ลงไปเยอะไปตัว ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางข้ามเวลา การสูญสิ้นของมนุษยชาติ แต่ด้วยความที่หนังต้องการขายพาร์ทปฎิบัติการณ์ ทำให้ประเด็นเหล่านั้นกลับทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร หนังเล่าแบบรวบรัด และทิ้งขว้างส่วนเหล่านี้ไปอย่างน่าเสียดาย รวมถึงบทของหนังที่ยังพยายามเพลย์เซฟ ด้วยการเล่าแบบสูตรสำเร็จ ที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ หรือน่าจดจำนัก
โดยรวม The Tomorrow War ถือว่าเป็นหนังแอคชั้นน้ำดีอีกเรื่องของปีนี้ แม้หนังจะยังมาตามสูตรสำเร็จอยู่บ้าง แต่นี่ก็เป็นหนังที่เต็มไปด้วยฉากแอคชั่นสุดมันส์ระหว่างคน และเอเลี่ยน พร้อมฉากระเบิดสุดอลัง ใครที่มองหาหนังแอคชั่นสนุก ๆ นี่เป็นของดีประจำปีนี้ที่ไม่ควรพลาด
สามารถรับชม The Tomorrow War ได้แล้ววันนี้ที่ Amazon Prime
Cr.ภาพ : Rotten Tomatoes , IMDB
ติดตามบทความ ซีรีส์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com