เรียกได้ว่า Netflix กลายเป็นเจ้าพ่อสร้างหนังสยองขวัญไปแล้วก็ว่าได้ เพราะหลังจากที่เมื่อช่วงกลางปี Netflix ได้ปล่อยหนังซอมบี้ฟอร์มยักษ์อย่าง Army of the Dead มาให้ได้ชมแล้ว ในช่วงที่ผ่านมาก็ยังมีหนังสยองขวัญไตรภาคชุด Fear Street มาเอาใจแฟนหนัง Slasher พร้อมทั้งยังมี Kingdom: Ashin of the North ที่มาเรียกน้ำย่อยก่อนดูซีซั่น 3 ล่าสุดยังมี Red Blood Sky หนังระทึกขวัญสัญชาติเยอรมัน-อเมริกา ที่มาพร้อมความตื่นเต้นที่สนุกไม่แพ้ Train to Busan ของเกาหลีเลยก็ว่าได้
โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของเครื่องบินโดยสารลำหนึ่งที่กำลังเดินทางไปยังอเมริกา แต่ทว่าในระหว่างที่เดินทางเครื่องบินลำนี้ก็ได้ถูกผู้ก่อการร้ายทำการไฮแจ็คพร้อมมีผู้โดยสารทั้งลำเป็นตัวประกัน แต่ทว่าภายในเครื่องบินลำนี้ก็ได้มีความสยองซ่อนอยู่ เมื่อหนึ่งในผู้โดยสารได้มีสองแม่ลูกที่คนแม่นั้นเป็นแวมไพร์ ที่ต้องพยายามใช้ยาเพื่อระงับอาการให้เป็นเหมือนคนปกติ แต่เมื่อเธอและลูกต้องมาเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็ได้ทำให้เธอต้องเผยตัวตนที่แท้จริงเพื่อปกป้องลูก จนนำมาสู่ความระทึกที่มีชีวิตคนในเครื่องบินเป็นเดิมพัน
Red Blood Sky เรียกได้ว่าเป็นหนังระทึกขวัญ/สยองขวัญ ที่ผสมผสานกับความเป็นหนังอาชญากรรมออกมาได้อย่างลงตัว หนังสามารถทำหน้าที่มอบความบันเทิง ความสนุกของหนังแต่ละแนวให้คนดูได้ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง แม้ว่าจะมีความเป็นสูตรสำเร็จบ้างก็ตาม
โดยหนังจะนำเสนอผ่านเหตุการณ์สามเส้นเรื่องคือ เหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้น เหตุการณ์ขณะเกิดการจี้เครื่องบิน และเหตุการณ์หลังจากการจี้เครื่องบินจบลงแล้ว ซึ่งหนังได้มีการตัดสลับเรื่องราวระหว่างสองเส้นเรื่องหลังให้เดินหน้าไปพร้อม ๆ กัน ทำให้หนังแทบไม่ต้องเสียเวลาในการปูเรื่องนานมาก ก็สามารถเข้าสู่เนื้อหาหลักได้ทันที แถมยังสร้างมิติ และที่มาที่ไปของตัวละครได้อย่างครบถ้วน
ความสนุกของหนังคือการเล่นกับสามปัจจัยที่สร้างความกดดันให้ตัวละครคือ การปล้นเครื่องบิน + แวมไพร์ + ความสูง ที่ทำให้ตัวละคร และคนดูไม่สามารถละสายตาจากเหตุการณ์ในหนังได้ ซึ่งตลอดทั้งเรื่องหนังก็จัดเต็มด้วยฉากแอคชั่นสุดมันส์ ฉากเอาชีวิตรอดสุดระทึก นอกจากนี้ Blood Red Sky ก็ยังเป็นอีกเรื่องที่เล่นกับด้านมืดของมนุษย์ในสถานการณ์เอาชีวิตรอด ซึ่งในเรื่องนี้เราจะยังได้เห็นคนในรูปแบบต่าง ๆ ครบถ้วน ทั้งคนที่เห็นแก่ตัว คนที่เสียสละ คนที่กลายเป็นเหยื่อ ที่ท้ายที่สุดแล้วหนังก็ตั้งคำถามกับเราว่า ระหว่าง แวมไพร์ โจร และคนที่ต้องการเอาชีวิตรอด ใครน่ากลัวกว่ากัน?
สำหรับข้อเสียของ Red Blood Sky ก็ยังเป็นเรื่องความซ้ำซาก จำเจของหนังแนวนี้ ที่คนดูพอสามารถจับทิศทางได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำของตัวละครในบางช่วงที่ชวนน่าหงุดหงิด ที่นำมาสู่พาร์ทดราม่าแบบเชย ๆ ในช่วงท้าย ที่เหมือนว่าหนังพยายามทำซึ้งมากเกินไป จนเสียอรรถรสไปพอสมควร
อย่างไรก็ตาม Red Blood Sky ก็นับว่าเป็นอีกผลงานหนังระทึกขวัญ ที่ประสบความสำเร็จของ Netflix หนังเต็มไปด้วยความบันเทิงของหนังอาชญากรรม + ระทึกขวัญ/สยองขวัญ ที่ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังนำเสนอด้านมืดของมนุษย์ได้อย่างมีชั้นเชิง ใครที่เป็นคอหนังระทึกขวัญ เนื้อหากดดัน บีบอารมณ์ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องนี้ถือว่าไม่ควรพลาด
สามารถรับชม Red Blood Sky ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix
Cr.ภาพ : IMDB , Rotten Tomatoes
ติดตามบทความ ซีรีส์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com