ผลงานภาคสองของหนัง Anti-Hero จากจักรวาล Spider-Man ของ Sony Pictures ที่ครั้งนี้ได้ แอนดี้ เซอร์คิส (Mowgli: Legend of the Jungle) มารับหน้าที่กำกับ พร้อมได้ทีมนักแสดงชุดเดิมกลับมาร่วมงานอีกครั้ง นำโดย ทอม ฮาร์ดี้ (Mad Max: Fury Road), มิเชล วิลเลี่ยม (Blue Valentine) และวู้ดดี้ ฮาร์เรนสัน (Zombieland) ที่ครั้งนี้มารับบทวายร้ายในภาคนี้อย่างเต็มตัว
หนังจะว่าด้วยเหตุการณ์หลังจากภาคแรก เมื่อ เอ็ดดี้ บล็อค (ทอม ฮาร์ดี้) นักข่าวหนุ่มที่ต้องปรับตัวใช้ชีวิตร่วมกับวีน่อม ปรสิตจากต่างดาวที่ต้องการอาหารตลอดเวลา แต่ด้วยความแตกต่างระหว่างคน กับเอเลี่ยนมทำให้ทั้งสองเป็นทั้งคู่หู และคู่กัด จนกระทั่ง เอ็ดดี้ ได้โอกาสไปทำข่าวของ คลีตัส คาเซดี้ (วู้ดดี้ ฮาร์เรนสัน) ฆาตกรต่อเนื่องชื่อดัง จากการพูดคุยครั้งนั้น เอ็ดดี้ก็ได้ข้อมูลสถานที่ลงมือฆาตกรรมของ คลีตัส จนสามารถเป็นหลักฐานทำให้เขาได้รับโทษประหาร แต่ในระหว่างที่ เอ็ดดี้ ได้ไปพบกับ คลีตัส อีกครั้งเขาดันเผลอทำให้ตนโดนคลีตัสกัดที่มือจนเลือดออก ทำให้ คลีตัส ได้รับพลังจากเลือดของ เอ็ดดี้ และก่อเกิดเป็น คาร์เนจ วายร้ายที่น่ากลัวไม่แพ้วีน่อม ที่พร้อมฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า
ตัวหนังในภาคนี้ค่อนข้างมาพร้อมโทนหนังที่ต่างจากภาคแรกไปพอสมควร ด้วยการที่หนังได้นำเสนอภาพความสัมพันธ์ระหว่าง เอ็ดดี้ และวีน่อม ในด้านที่ดูเป็นบั้ดดี้เกรียน ๆ เต็มไปด้วยฉากทะเลาะกันที่ชวนขำเกือบตลอดทั้งเรื่อง แม้ว่าตัวหนังจะยังคงมีความโหด ตามสไตล์ Anti-Hero อยู่บ้าง แต่ความดาร์ก ความลึกลับ ระทึกขวัญในภาคนี้กลับลดทอนลงอย่างเห็นได้ชัด
ตัวหนังค่อนข้างดำเนินเรื่องกระชับ รวดเร็ว ด้วยเวลาเพียง 90 นาทีหนังใช้วิธีการปูความสัมพันธ์ และนำเสนอตัวละครเก่า ใหม่ ภายในเวลาอันสั้น แม้จะทำให้มิติตัวละครดูเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังดีที่ผู้ชมยังพอสามารถสนุก และลุ้นไปกับการกระทำของตัวละครได้ โดยเฉพาะตัว คลีตัส ที่มีความดาร์กแบบฆาตกรต่อเนื่อง ที่มาพร้อมความเลือดเย็นที่สมดีกรี
ในด้านฉากแอคชั่นในเรื่องนี้ค่อนข้างน้อยกว่าภาคแรกอยู่พอสมควร แต่กระนั้นต้องชื่นชมที่ทีมผู้สร้างยังสามารถถ่ายทอดความสามารถอันร้ายกาจของตัวคาร์เนจ ออกมาได้ดีเยี่ยม แต่ละฉากการปรากฎตัวของคาร์เนจ มีความบ้าพลัง ดุเดือด และทำให้หนังเรื่องนี้มีกลิ่นอายความระทึกขวัญ/สยองขวัญอยู่บ้าง และด้วยการสร้างตัวร้ายที่ทรงพลัง ก็ทำให้ฉากแอคชั่นไคลแมกซ์ของภาคนี้ดูสนุก สมการรอคอย เต็มไปด้วยฉากให้ชวนลุ้น ชวนเอาใจช่วย
โดยรวม Venom: Let There be Carnage เป็นภาคต่อที่อาจไม่ได้ดีงามกว่าภาคแรกนัก หนังมีปัญหาด้านบท และการเล่าเรื่องที่ชัดเจน แต่กระนั้นหนังก็ยังคงมีความบันเทิงที่เบาสมอง ดูง่าย ย่อยง่าย ที่น่าจะถูกใจคอหนังแอคชั่น หรือใครที่เป็นแฟนหนังมาร์เวลอยู่บ้าง
สามารถรับชม Venom: Let There be Carnage ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix
Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com
FB : รวมพลคนบันเทิง