ดิสนีย์ได้ประกาศไปเมื่อหลายเดือนก่อนว่า Shang-Chi and the Legend of the Ten Ringsออกสู่สายตาชาวโลกผ่านโรงภาพยนตร์เท่านั้น ในวันที่ 3 กันยายน
แต่ดูท่าว่าจะไม่ใช่สิ่งที่สตูดิโอยักษ์ใหญ่อย่างดิสนีย์จะอยากทำอย่างที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่จากปัญหาโควิด
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นวันประชุมผู้ถือหุ้นประกาศผลดำเนินการของดิสนีย์ ซีอีโอ บ็อบ เชเปก บอกเป็นนัยว่า ที่ว่าจะปล่อย Shang-Chi ให้ฉายเฉพาะในโรงหนังดูท่าจะไม่ใช่ทิศทางที่สตูดิโออยากจะเดินหน้าต่อ
เชเปกอ้างว่าจากสถานการณ์โควิดที่ดูเหมือนว่าจะดีขึ้น ในตอนนี้กลับยิ่งนานวันยิ่งเลวร้ายลงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ไม่เลื่อนฉาย Shang-Chi
แต่ยังไงก็ตามการเลื่อนกำหนดฉายก็ไม่ใช่สิ่งที่ดิสนีย์อยากทำ เพราะมันพัวพันกับโครงเรื่องอะไรต่อมิอะไรที่ทางมาร์เวลผูกไว้เต็มไปหมด ดังนั้นดิสนีย์ก็จะต้องเดินหน้าโดยไม่เปลี่ยนแปลงวันเวลา แม้ว่าจะยังยืนยันว่าจะฉายผ่านทางโรงภาพยนตร์เท่านั้น แต่การปล่อยสตรีมมิ่งช่องทางอื่นก็จำเป็นภายใต้เงื่อนระยะเวลา
Black Widow ผลลัพธ์ที่ดิสนีย์พอใจ
ต้องบอกว่า Black Widow ที่ออกฉายทางDisney+ เมื่อไม่นานมานี้กลายเป็นหนังทำเงินอันดับหนึ่งของแพล็ตฟอร์ม สามารถทำเงินเฉพาะการซื้อตรงแบบวีดีโอออนดีมานด์ทาง Disney+ถึง 60ล้านเหรียญ ไม่เพียงเท่านั้น Black Widowยังเป็นหนึ่งในสองเรื่อง (Jungle Cruise) ที่ช่วยเพิ่มจำนวนสมาชิกได้อีกมหาศาลจนขณะนี้ Disney+ เข้าป้ายสมาชิก 174 รายไปเรียบร้อย มีส่วนทำให้รายได้รวมที่ 17,000 ล้านเหรียญ (เพิ่มจากเดิม 1,1500 ล้านเหรียญ) ซึ่งทำกำไรจำนวนมหาศาลให้กับดิสนีย์
หลังจาก Black Widow สถานการณ์ดูโควิดดูท่าจะดีขึ้น ทางสตูดิโอจึงคิดที่จะกลับไปใช้วิธีการเปิดตัวหนังครั้งแรกผ่านโรงภาพยนตร์เหมือนแต่ก่อน แต่เชเปกก็ได้กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามหนังของดิสนีย์เรื่องไหนจะออกฉายอย่างไรจะเป็นแบบเคสบายเคส หมายถึงพิจารณากันไปแบบเป็นเรื่องๆ และก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆตามแต่สถานการณ์
แผนงานดิสนีย์ปรับเปลี่ยนได้เสมอ
โดยการนี้เชเปกได้อ้างถึงหนังดิสนีย์เรื่องอื่นๆ รวมถึงหนังรีเมค “West Side Story” ของพ่อมดฮอลลีวู้ดสตีเวน สปีลเบอร์ก ว่าอยู่ในแผนดำเนินการแบบเดียวกับ Shang-Chi (คือมุ่งฉายโรงก่อนแล้วกัน แต่มีการสงวนว่าเป็นการพิจารณาเป็นเรื่องๆ)
แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุการณ์ครั้งแรกที่ดิสนีย์ปรับเปลี่ยนแผนกลางคัน เพราะสาเหตุที่ Disney+ ได้คว้าเอา Black Widow ออกทางสตรีมมิ่งในเวลาไล่เลี่ยกันกับการออกฉายโรง นั่นก็เป็นเพราะว่า แม้ว่าจะทำรายได้ในการเปิดตัวฉายในโรงภาพยนตร์สูงสุดของหนังมาร์เวลต่อจาก Black Panther และ Captain Marvel แต่ว่ายอดรายได้ในสัปดาห์ที่สองของ Black Widow หล่นลงไป 41% จากสัปดาห์แรก ทำให้สตูดิโอประเมินกันว่าไม่มีทางได้เงิน 100 ล้านเหรียญต่อสัปดาห์แน่นอน จึงเป็นสาเหตุให้ดันเข้าสู่ระบบสตรีมมิ่ง และกลายเป็นเรื่องเป็นราวให้ สกาเล็ต โจแฮนสัน ออกมาฟ้องร้องถึงส่วนแบ่งรายได้ของเธอที่หายไป เนื่องมาจากการที่ดิสนีย์ตัดสินใจฉายทางสตรีมมิ่ง และในสัญญาก็ไม่มีการแบ่งรายได้จากระบบDisney+ เหมื่อนการฉายในโรงภาพยนตร์
เพียงสองสามชั่วโมงก่อนเชเปกจะออกมายืนยันวันฉายไม่เปลี่ยนแปลง ทางค่ายโซนี่สตูดิโอได้ประกาศเลื่อนฉาย Venom: Let There Be Carnage ออกไปสามสัปดาห์ จาก 24 กันยายน ไปเป็น 15 ตุลาคม เพราะกังวลกับเคสโควิดกลายพันธุ์ที่มีอัตราผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นสูงและอัตราการแอดมิดของผู้ป่วยที่พุ่งสูงขึ้นทั่วประเทศอเมริกา
ติดตามบทความ ซีรีย์-หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com
FB : รวมพลคนบันเทิง