รีวิวหนัง Halloween Ends

รีวิวหนัง Halloween Ends หนังภาคสุดท้ายของ Halloween Trilogy

รีวิวหนัง Halloween Ends : ภาคบทสรุปที่ไปไม่สุดสักทาง หนังพยายามสร้างเส้นเรื่องใหม่ จนเส้นเรื่องดั้งเดิมดูดรอปลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่จุดแข็งคือพาร์ทดราม่าที่ค่อนข้างทำได้ดี และครึ่งท้ายที่ปิดฉากได้อย่างลงตัว

รีวิวหนัง Halloween Ends หนังภาคสุดท้ายของ Halloween Trilogy โดย เดวิด กอร์ดอน กรีน (ซีรีส์ Dickinson) ที่ครั้งนี้ถือว่าเป็นบทสรุประหว่าง ไมเคิล ไมเยอร์​ และ ลอว์รี่ สไตรค์ (เจมี ลี เคอร์ติส) หลังจากที่ไล่ล่ากันมานานร่วม 50 ปี โดยในภาคนี้ หนังจะเล่าต่อจากเหตุการณ์ใน Halloween Kills หลังจากที่ชาวเมืองแฮดดอนฟิลด์ ได้ร่วมกันต่อสู้กับ ไมเคิล ไมเยอร์ จนล้มตายเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ ไมเคิล ก็ได้หายตัวไปอย่างปริศนา

รีวิวหนัง Halloween Ends หนังภาคสุดท้ายของ Halloween Trilogy

ด้าน ลอว์รี่ ได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับ อลิสสัน (แอนดี มาติแชค) หลานสาวของเธอ ในระหว่างนั้นเอง อลิสสัน ก็ได้ไปตกหลุมรักเข้ากับ คอรี่ (โรฮัน แคมป์เบล) ขายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยถูกจับข้อหาเป็นต้นเหตุให้เด็กชายคนหนึ่งต้องตาย หลังจากเหตุการณ์นั้นทำให้ คอรี่ ถูกรุมรังแก และถูกตัดสินจากผู้คนในเมือง จนทำให้ คอรี่ ค่อยๆ ถูกกดดันให้เข้าสู่ด้านมืดที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

รีวิวหนัง Halloween Ends หนังภาคสุดท้ายของ Halloween Trilogy

Halloween Ends เรียกได้ว่าเป็นหนังชุด Halloween ที่ฉีกจากภาคที่ผ่านๆ มาโดยสิ้นเชิง ตัวหนังไม่ได้มาในแนวไล่เชือด ที่เน้นความสยองขวัญ ระทึกขวัญ แบบหลับหูหลับตาเหมือนภาคก่อนๆ แต่หนังในภาคนี้เลือกที่จะหนักไปทางดราม่า อาชญากรรม เป็นส่วนใหญ่

ในภาคนี้หนังเลือกที่จะเล่าโดยโฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ของ อลิสสัน และ คอรี่ เป็นส่วนใหญ่ โดยจะพูดถึงความรักต้องห้าม และชีวิตของคนชายขอบ โดยเฉพาะพาร์ทของคอรี่ ที่หนังทำได้ค่อนข้างดี หนังได้สะท้อนภาพของคนที่ถูกสังคมตัดสิน และผลักไสไล่ส่ง แม้แต่ครอบครัวก็ไม่สามารถทำหน้าที่เซฟโซนได้ จนเปลี่ยนทำให้คนๆ หนึ่งกลายเป็นอาชญากรจริงๆ ความน่าติดตามของภาคนี้คือ จุดเปลี่ยนที่ทำให้คอรี่ ถึงจุดเปลี่ยนที่กลายเป็นผู้ร้าย

รีวิวหนังHalloween Endsหนังภาคสุดท้ายของ Halloween Trilogy

แต่ด้วยความที่หนังไปโฟกัสที่เส้นเรื่องของคอรี่จนเกินไป ปัญหาคือหนัง Halloween ภาคนี้ ขาดเสน่ห์ของความเป็นหนังสยองขวัญไปโดยสิ้นเชิง หนังเล่าเรื่องได้เนิบช้า น่าเบื่อในหลายจังหวะ รวมถึงการที่ไม่สามารถเชื่อมโยงเรื่องราวกับภาคที่แล้วได้ดีเท่าที่ควร ใครที่หวังจะได้เห็นไมเคิล เมเยอร์ ในภาคนี้อาจผิดหวัง เพราะเขามาในฐานะสมทบ ที่ไม่ได้มีบทเยอะเมื่อเทียบกับที่ผ่านๆ มา

รีวิวหนังHalloweenEnds หนังภาคสุดท้ายของ Halloween Trilogy

แต่ถึงแม้ว่าเกือบตลอดทั้งเรื่องของหนังจะทำได้ชวนง่วงเหงาหาวนอน ในช่วงองก์ 3 ของหนังกลับมาสามารถคืนฟอร์มได้ดีพอสมควร หนังสามารถเลือกฉากจบระหว่าง ลอว์รี่ และไมเคิล ได้อย่างชวนลุ้น จนละสายตาไม่ได้ เป็นการต่อสู้ที่ทั้งตื่นเต้น และชวนสยดสยอง จนนั่งไม่ติดเก้าอี้ แถมยังเลือกบทสรุปของตัวละคร ไมเคิล ที่ชัดเจน ไร้ข้อกังขาใดๆ ให้สร้างภาคต่อ


โดยรวม Halloween Ends คือภาคบทสรุปของหนังชุด Halloween ที่อาจไม่ได้สมบูรณ์แบบมาก เมื่อเทียบกับภาคแรก หนังยังเต็มไปด้วยจุดด้อยมากมาย แต่หนังก็สามารถทำได้ดีในพาร์ทดราม่า ที่มีเรื่องราวที่ชวนติดตาม และฉากจบที่แฟนหนังชุดนี้น่าจะชื่นชอบไม่น้อย
สามารถรับชม Halloween Ends ได้แล้ววันนี้ที่ HBO Go

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/s0vtbxLa-N8

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Ambulance

รีวิวหนัง Ambulance หนังแอ็คชันโคตรระห่ำจากไมเคิล เบย์

รีวิวหนัง Ambulance : หนังแอ็คชันโคตรระห่ำจากไมเคิล เบย์ ที่ตลอดทั้งเรื่องจัดเต็มด้วยฉากไล่ล่าสุดเข้มข้น เนื้อหาที่เล่นกับความฉิบหายวายป่วงแบบไต่ระดับความพีคทุกนาที ที่เกินเบอร์กว่าที่คาดไว้มาก

รีวิวหนัง Ambulance คือหนังแอ็คชันเรื่องล่าสุดของเจ้าพ่อหนังวินาศสันตะโรอย่าง ไมเคิล เบย์ (13 Hours) ที่ในครั้งนี้เขาได้กลับมาพร้อมกับสไตล์งานที่คุ้นเคยอย่างหนังแอ็คชัน อาชญากรรมอีกครั้ง พร้อมได้นักแสดงแถวหน้าอย่าง เจค จิลลาฮาล (Spider-Man: Far From Home) มาแสดงนำ ร่วมกับ ยาย่า อับดุล มาทีน ที่ 3 (Aquaman) และ ไอซา กอนซาเรซ (Baby Driver)

รีวิวหนัง Ambulance หนังแอ็คชันโคตรระห่ำจากไมเคิล เบย์

เรื่องราวของหนัง จะว่าด้วย วิล (ยาย่า อับดุล มาทีน ที่ 3) อดีตนายทหาร ที่กำลังเผชิญกับวิกฤ๖ทางการเงินครั้งใหญ่ ทำให้เขาต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายอย่าง แดนนี่ (เจค จิลลาฮาล) แต่ทว่าในตอนนั้นเอง แดนนี่ และพรรคพวกกำลังมีแผนการปล้นธนาคารครั้งใหญ่ ทำให้ วิล ต้องจับพลัดจับผลูกลายเป็นคนขับรถให้การปล้นครั้งนี้เพื่อแลกกับเงินมหาศาล ทว่าเหตุการณ์กลับเลวร้ายกว่าที่คาดไว้ เมื่อ วิล ได้เผลอยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจจนบาดเจ็บสาหัส ทำให้ทั้งวิล และแดนนี่ ต้องพากันปล้นรถพยาบาลที่มีตัวประกันคือ แคม (ไอซ่า กอนซาเลซ) เป็นพยาบาลประจำรถ จนนำมาสู่การไล่ล่าสุดระห่ำ ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน

รีวิวหนัง Ambulance หนังแอ็คชันโคตรระห่ำจากไมเคิล เบย์

Ambulance นับว่าเป็นอีกหนึ่งหนังบล็อคบัสเตอร์สูตรสำเร็จ และอัดแน่นไปด้วยความบันเทิงสำหรับคนรักหนังบู๊โดยแท้จริง หนังแทบไม่ได้มีบท หรือเนื้อหาที่มีความซับซ้อนเป็นพิเศษ นอกจากกลุ่มคนที่ปล้นธนาคาร จนนำมาสู่การไล่ล่าแบบตำรวจจับผู้ร้าย พร้อมการไต่ระดับความสนุก ความเล่นใหญ่ของเนื้อหาไปเรื่อย ๆ

ในเรื่องนี้ เบย์ เอาใจคนดูแบบจัดเต็ม ด้วยการเปิดฉากไล่ล่าตั้งแต่ 15 – 20 นาทีแรกของหนัง ที่เป็นการเซคอัพเนื้อเรื่อง และตัวละคร ก่อนที่จะเริ่มกระหน่ำความสนุกจากค่อย ๆ เพิ่มความวินาศสันตะโร จากภารกิจที่ผิดพลาด ความโชคร้ายต่าง ๆ ของตัวละคร ที่ใส่มาแบบจัดเต็มตลอดเวลากว่า 90 นาทีของหนังจนแทบไม่มีจังหวะให้คนดูได้พักหายใจ

รีวิวหนัง Ambulance หนังแอ็คชันโคตรระห่ำจากไมเคิล เบย์

แม้จะเป็นหนังที่ทำมาเพื่อดูเอามันส์ แต่ Ambulance ก็ยังสามารถเลือกที่จะใส่พาร์ทดราม่าเข้าไปในเรื่องได้อย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะการพูดถึงหน้าที่ของคนที่ต้องรักษาชีวิตคน ที่ถูกใช้มาเป็นเครื่องมือในการทำผิดกฎหมาย นอกจากนี้หนังก็ยังเพิ่มประเด็นของครอบครัว พี่น้อง ให้คนดูได้รู้สึกร่วมไปกับตัวละครได้

รีวิวหนังAmbulance หนังแอ็คชันโคตรระห่ำจากไมเคิล เบย์

ด้านการแสดงต้องขอชื่นชม 3 นักแสดงหลักของเรื่องอย่าง เจค จิลลาฮาล, ยาย่า อับดุล มาทีน ที่ 3 และไอซ่า กอนซาเลซ ที่ต่างสามารถส่งอารมณ์ที่ตึงเครียด กดดัน ไปตามสถานการณ์ ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะ เจค จิลลาฮาล ที่ยังงัดความสามารถด้านการแสดงมาใช้ในเรื่องนี้แบบไม่มียั้ง

แม้ว่า Ambulance จะไม่ได้เป็นงานที่แปลกใหม่เมื่อเทียบกับงานก่อน ๆ หน้าของ เบย์ อย่าง 6 Underground หรือแม้แต่กับหนังปล้นด้วยกันเองหลาย ๆ เรื่อง แต่ถึงกระนั้น หนังเรื่องนี้ก็เป็นอีกงานแอ็คชันคุณภาพของปี 2022 ที่หากใครเป็นคอหนังบู๊ล้างพลาญ จะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน
สามารถรับชม Ambulance ได้แล้ววันนี้ที่ HBO GO

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/ewkYAfnz-Dk

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Beast

รีวิวหนัง Beast หนังระทึกขวัญสูตรสำเร็จ ที่อัดแน่นด้วยความบันเทิง

รีวิวหนัง Beast : หนังระทึกขวัญสูตรสำเร็จ ที่อัดแน่นด้วยความบันเทิงเกือบตลอด 90 นาทีของหนัง ส่วนที่ดีงามที่สุดคือฉากลองเทค ที่สร้างอารมณ์ร่วมกับคนดูได้ดีเกินคาด ไอดิส เอลบา แบกหนังไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

รีวิวหนัง Beast ผลงานหนังระทึกขวัญจาก Universal Studios กำกับโดย บัลทาซาร์ คอร์มาคูร์ (2 Guns) ที่ได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง ไอดิส เอลบา (The Suicide Squad) มารับบท เนท คุณพ่อที่ได้พาลูกสาวทั้งสองคนมาเยี่ยมน้าของพวกเธอ ที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลอุทธยานสัตว์ป่าในแอฟริกา แต่ทว่าทริปการท่องเที่ยวนี้ ก็ได้กลายเป็นฝันร้าย เมื่อได้มีสิงโตตัวหนึ่งได้ออกอาละวาดเนื่องจากฝูงของมันถูกนักล่าสัตว์ผิดกฎหมายทำการฆ่าจนหมด ทำให้มันพร้อมล่ามนุษย์ทุกคนที่เข้ามาขวางทาง เนท จึงต้องปกป้องลูกสาวของเขาจากนักล่าตัวนี้

รีวิวหนัง Beast หนังระทึกขวัญสูตรสำเร็จ ที่อัดแน่นด้วยความบันเทิง

Beast คือหนังที่มาพร้อมสูตรสำเร็จของหนังระทึกขวัญธีมสัตว์นักล่าเช่นเดียวกับหนังอย่าง Black Water หรือ Anaconda เพียงแต่ในเรื่องนี้เปลี่ยนจากนักล่าครึ่งปกครึ่งน้ำ มาเป็นเล่าเหตุการณ์บนบกแทน ซึ่งความสนุกของหนังคือการสร้างสถานการณ์อันแสนโชคร้ายให้กับตัวละคร เพื่อนำมาสู่การไล่ล่า เอาชีวิตที่ชวนลุ้น ชวนติดตาม

รีวิวหนัง Beast หนังระทึกขวัญสูตรสำเร็จ ที่อัดแน่นด้วยความบันเทิง

ความโดดเด่นที่ทำให้ Beast ดูเหนือกว่าหนังแนวเดียวกันคืองานโปรดักชั่นที่ทำออกมาเป็นหนังทุนสูง มีการออกแบบสิงโต และฉากแอ็คชั่นที่ตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่หนังเลือกใช้ฉากลองเทค ในการเล่าเรื่องทำให้หนังสามารถสร้างความลุ้นระทึกให้กับคนดูมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเทคนิคการถ่ายภาพที่มีความเป็นสารคดีสัตว์โลก ที่โดยรวมดูแล้วชวนนึกถึงหนังอย่าง The Revenant ไม่น้อย

แต่ Beast ไม่ใช่หนังที่เพียงแต่เล่าแค่เรื่องการเอาชีวิตรอดจากสัตว์ป่าดุร้ายเท่านั้น หนังเรื่องนี้ยังสะท้อนภาพถึงการล่าสัตว์ผิดกฎหมาย และการลงโทษโดยธรรมชาติ ที่พร้อมไล่ล่ามนุษย์จากผลพวกที่ธรรมชาติได้รับความเสียหาย ซึ่งหนังก็ได้สะท้อนประเด็นเหล่านี้ได้อย่างยอดเยี่ยม

รีวิวหนังBeast หนังระทึกขวัญสูตรสำเร็จ ที่อัดแน่นด้วยความบันเทิง

แต่ด้วยความที่หนังค่อนข้างมาพร้อมสูตรสำเร็จ ทำให้ Beast ไมได้มีความโดดเด่นแตกต่างในด้านบท และการเล่าเรื่องเท่าไหร่นัก เนื่องจากหนังพยายามเดินตามสูตรหนังแนวนี้จนเกินไป จนคนดูสามารถเดาฉากจบได้ไม่ยาก

รีวิวหนังBeast หนังระทึกขวัญสูตรสำเร็จ ที่อัดแน่นด้วยความบันเทิง

ด้านการแสดงต้องขอชื่นชม ไอดิส เอลบา ที่กลายเป็นส่วนที่แบกหนังทั้งเรื่องไว้ก็ว่าได้ เขาสามารถถ่ายทอดฉากไล่ล่าของคนกับสิงโตได้อย่างถึงอารมณ์ เคล้าด้วยพาร์ทดราม่าครอบครัวเล็กๆ ที่เพิ่มมิติให้หนังมีสีสันมากขึ้น โดยเฉพาะฉากต่อสู้ในองก์ 3 ที่เล่นใหญ๋ไฟกระพริบ จนคนดูลุ้นแทบไม่ได้พักหายใจ
โดยรวม Beast คืออีกหนึ่งหนังระทึกขวัญ ที่สามารถดูได้แบบเพลินๆ หนังเต็มไปด้วยฉากเอาชีวิตรอดที่ทำได้อย่างสมจริง และเต็มไปด้วยฉากลองเทคที่ชวนติดตาม แม้หนังจะเล่าสูตรสำเร็จไปบ้าง แต่ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งหนังบล็อคบัสเตอร์ที่ดูเพลินๆ ไม่ได้มีประเด็นอะไรให้ตั้งคำถาม หรือคิดต่อ
สามารถรับชม Beast ได้แล้ววันนี้ที่ HBO Go

Cr..ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/oQMc7Sq36mI

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Air จุดเริ่มต้นของรองเท้า Air Jordan

รีวิวหนัง Air หนังดราม่าที่ว่าด้วยจุดเริ่มต้นของรองเท้า Air Jordan

รีวิวหนัง Air หนังดราม่า เนื้อหาเรียบง่ายที่ว่าด้วยจุดเริ่มต้นของรองเท้า Air Jordan แต่วิธีการนำเสนอกลับไปด้วยความสนุก เพลิดเพลิน และบทหนังที่ยอดเยี่ยมตลอดเวลา 2 ชั่วโมง แมตต์ เดม่อน คือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดของหนังเรื่องนี้

รีวิวหนัง Air ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ เบน เอฟเฟล็กซ์ (Argo) ที่ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่เอ็ฟเฟล็กหยิบเรื่องจริงมาถ่ายทอด ผ่านผลงานการเขียนบทของ อเล็ก คอนเวอร์รี่ ที่ประเดิมงานเขียนบทเรื่องแรก นำแสดงโดย แมตต์ เดม่อน (Jason Bourne), เจสัน เบตแมน (ซีรีส์​ Ozark), วีโอลา เดวิส (The Suicide Squad) พร้อมตัวเอ็ฟเฟล็ก ก็มาร่วมแสดงสมทมด้วย

รีวิวหนังAir หนังดราม่าที่ว่าด้วยจุดเริ่มต้นของรองเท้า Air Jordan

เรื่องราวของ Air จะพาคนดูย้อนไปยังยุค 80 ในช่วงที่ตลาดรองเท้ากีฬากำลังเป็นที่นิยม แต่ทว่าบริษัทไนกี้ในตอนนี้กำลังประสบปัญหาในการขาดทุนด้านรองเท้าบาส ทำให้ ซอนนี่ (แมตต์ เดม่อน) หัวหน้าแผนกรองเท้าบาสเก้ตบอล ต้องหากลยุทธ์มากอบกู้บริษัทอีกครั้ง ทำให้เขาเกิดไอเดียในการนำ ไมเคิล จอร์แดน ที่กำลังโด่งดังในตอนนี้มาเซ็นสัญญาเพื่อเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับไนกี้ จนนำมาสู่เหตุการณ์มากมายที่เป็นจุดเริ่มต้นของ Air Jordan รองเท้าบาสยอดนิยมของคนทั่วโลก

รีวิวหนัง Air หนังดราม่าที่ว่าด้วยจุดเริ่มต้นของรองเท้า Air Jordan

หนังมาพร้อมพลอตแนวธุรกิจ แรงบันดาลใจ สูตรสำเร็จที่เล่าแบบเรียบง่าย ไม่ได้มีลูกเล่น หรือความหวือหวามาก เมื่อเทียบกับงานแนวเดียวกันอย่าง Tetris ของ Apple TV+ แต่ความสนุกของ Air ก็คือความเรียบง่าย ที่ถูกเล่าออกมาได้อย่างถูกจังหวะจะโคน และสามารถผสมผสานระหว่างความเป็นดราม่า และคอเมดี้ได้อย่างลงตัว

รีวิวหนังAir หนังดราม่าที่ว่าด้วยจุดเริ่มต้นของรองเท้า Air Jordan

ความไม่น่าเชื่อของหนังคือนี่เป็นงานบทหนังของ อเล็ก คอนเวอรี่ ที่เขียนบทหนังยาวครั้งแรก แต่บทหนังของเขาเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่แบกหนังไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม หนังสามารถถ่ายทอดบทสนทนาเรื่องน่าเบื่ออย่างธุรกิจ ให้ออกมาสนุกน่าติดตาม ด้วยการสอดแทรกมุกตลกเป็นระยะๆ พร้อมทั้งวิธีอธิบายบริบทต่างๆ ที่เข้าใจง่าย ต่อให้ไม่ใช่แฟนไนกี้ หรือแฟนบาส ก็สามารถสนุกกับหนังได้ไม่ยาก

รีวิวหนังAir หนังดราม่าที่ว่าด้วยจุดเริ่มต้นของรองเท้า Air Jordan

ด้านการแสดงต้องขอชื่นชม แมตต์ เดม่อน ที่เป์นคนที่แบกหนังเรื่องนี้ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม เขาสามารถถ่ายทอดคาแรคเตอร์ซอนนี่ ให้ออกมาเป็นที่รักของคนดูได้ตั้งแต่นาทีแรก ไม่ว่าจะเป็นความกวน ความตลก และความกล้าคิดนอกกรอบ ในขณะที่ เบน เอ็ฟเฟล็ก ก็รับบท ฟิล ไนต์ ออกมาได้เท่ มีสไตล์มากๆ
โดยรวม Air เป็นงานดราม่า สร้างจากเรื่องจริงอีกเรื่องที่เล่าออกมาได้สนุก และบันเทิงเกินคาด หนังสามารถเล่าจุดเริ่มต้นของ Air Jordan ได้อย่างละเอียด เต็มไปด้วยอีสเตอร์เอ้กที่คนรักรองเท้าจะต้องตื่นตาตื่นใจ ใครที่มองหาหนังดีๆ สร้างแรงบันดาลใจนี่คืออีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
สามารถรับชม Air ได้แล้ววันนี้ที่ Prime Video

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/S3i9V6S48lw

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง หุ่นพยนต์

รีวิวหนัง หุ่นพยนต์ หนังสยองขวัญชั้นดี ผลงานการกำกับของ ไมค์-ภณธฤต

รีวิวหนัง หุ่นพยนต์ หนังไทย ที่มาพร้อมวัตถุดิบชั้นดีที่น่าจะเป็นหนังสยองขวัญชั้นดีได้ แต่น่าเสียดายที่หนังยัดประเด็นมากเกินไป จนสอบตกทั้งการสร้างความน่ากลัว และพาร์ทสืบสวน จนกลายเป็นหนังสูตรสำเร็จที่ไปไม่สุดสักทาง

รีวิวหนัง หุ่นพยนต์ หนึ่งในหนังไทยประจำปี 2566 ที่เคยเป็นประเด็นระหว่างเข้าฉายจากประเด็นเรื่องศาสนาในเรื่องจนต้องเลื่อนฉาย ล่าสุดหลังจากออกจากโรงหนังก็ได้เข้าฉายบน Prime Video เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งหนังเป็นผลงานการกำกับของ ไมค์-ภณธฤต  โชติกฤษฎาโสภณ (พี่นาค 1-3) ที่ครั้งนี้ยังเล่นประเด็นพระ และสยองขวัญเหมือนเดิม เพียงแต่สลัดความตลกสู่โหมดสืบสวน ระทึกขวัญแทน

รีวิวหนัง หุ่นพยนต์ หนังสยองขวัญชั้นดี ผลงานการกำกับของ ไมค์-ภณธฤต

หุ่นพยนต์ จะว่าด้วยเกาะดอนสิงธรรม เกาะเล็กๆ ที่ผู้คนศรัทธาในเรื่องการปั้นหุ่นศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่า “หุ่นพยนต์” เหตุการณ์ในหนังเริ่มขึ้นเมื่อ ธาม (ภูวิน-ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน) ชายหนุ่มที่เดินทางมายังเกาะแห่งนี้เพื่อตามหาพี่ชายของเขาที่บวชเป๋นพระบนเกาะแห่งนี้ ที่ได้หายตัวไปอย่างปริศนา ในขณะที่ผู้คนบนเกาะเชื่อว่าพี่ของเขาได้ลงมือฆ่าคนบนเกาะและหนีไป ธาม ต้องพยายามสืบหาความจริง จนทำให้เขาพบกับเรื่องเหนือธรรมชาติของการเล่นของ และวิญญาณร้ายที่มาจากหุ่นพยนต์ ที่ต้องการเล่นงานเขาถึงชีวิต

รีวิวหนัง หุ่นพยนต์ หนังสยองขวัญชั้นดี ผลงานการกำกับของ ไมค์-ภณธฤต

ด้วยความที่หนังเป็นผลงานการกำกับของทีมสร้างจาก พี่นาค ทำให้ หุ่นพยนต์ มีกลิ่นอายที่เหมือนๆ กันอยู่เยอะ ทั้งทีมนักแสดงที่เป็นเณร และพระ ที่คงความเป็นเด็กเจน Z เอาไว้ รวมถึงการดีไซน์ผีในเรื่องที่แทบไม่ต่างอะไรจากพี่นาคเท่าไหร่นัก

ตัวหนังมีธีมค่อนข้างที่น่าสนใจ และน่าจะเป็นหนึ่งในงานสยองขวัญไทยน้ำดี ที่อาจเทียบเคียงกับ “ร่างทรง” ได้ ทั้งบรรยากาศความเป็นต่างจังหวัด หรือการเล่นกับความเชื่อเรื่องรูปปั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้หนังยังมาพร้อมประเด็นของศรัทธา ศาสนา ที่เป็นประเด็นละเอียดอ่อนอีกด้วย

รีวิวหนัง หุ่นพยนต์ หนังสยองขวัญชั้นดี ผลงานการกำกับของ ไมค์-ภณธฤต

แต่สิ่งที่น่าเสียดายของหนังเรื่องนี้คือการที่หนังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบที่กล่าวมาให้คุ้มค่าได้ เพราะหนังพยายามใส่ประเด็นหลายอย่างเยอะเกินไป ทั้งการสืบสวนของ​ธาม เรื่องความขัดแย้งภายในของพระบนเกาะ รวมถึงพาร์ทสยองขวัญที่เกิดขึ้นกับแต่ละตัวละคร ซึ่งด้วยการเล่าเรื่องที่พยายามกระชับ รวดเร็ว ทำให้หนังไม่สามารถไปสุดสักทาง

พาร์ทสยองขวัญ หนังไม่สามารถสร้างบรรยากาศที่ชวนหลอนให้กับคนดูได้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกับหุ่นพยนต์ หรือรูปปั้นต่างๆ ที่ทำออกมาได้จืดชืด ขาดความน่าเกรงขาม ส่วนผีในเรื่องก็ยังมาพร้อมเมคอัพแบบพี่นาค ที่ไม่ได้มีความน่าสยดสยอง รวมทั้งฉากตุ้งแช่ที่ธรรมดาจนไม่ได้สร้างอารมณ์ร่วมกับคนดูแต่อย่างใด

รีวิวหนังหุ่นพยนต์ หนังสยองขวัญชั้นดี ผลงานการกำกับของ ไมค์-ภณธฤต

ในขณะที่พาร์ทสืบสวน หนังทำออกมาได้ค่อนข้างน่าติดตาม สิ่งที่น่าชื่นชมคือ ความกล้าหาญของผู้สร้างที่หยิบประเด็นการโกงกินในผ้าเหลือมานำเสนอ แต่ก็น่าเสียดายที่หนังไปหนักพาร์ทสยองขวัญเกินไปจนทำให้พาร์ทสืบสวนดูขาดๆ เกินๆ โดยเฉพาะในช่วงเฉลยปมปริศนาทั้่งหมดที่ค่อนข้างดูพยายามแถจนเกินไป
โดยรวม หุ่นพยนต์ เป็นอีกหนึ่งงานสยองขวัญไทย ที่น่าเสียดายในหลายๆ ด้าน หนังมีวัตถุดิบที่น่าจะเป็นหนังที่น่ากลัวได้ แต่กลับเลือกที่จะเดินตามสูตรสำเร็จ และบทหนังที่ยังค่อนข้างสับสนในตัวเอง จนกลายเป็นงานที่ไม่สามารถสร้างทั้งความน่ากลัว หรือความสนุกใดๆ ให้กับผู้ชมอย่างน่าเสียดาย

สามารถรับชม หุ่นพยนต์ ได้แล้ววันนี้ที่ Prime Video

Cr.ภาพ: Prime Video
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/87gML3l9fvA

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง The Boogeyman

รีวิวหนัง The Boogeyman หนังสยองขวัญที่เล่นกับความมืด

รีวิวหนัง The Boogeyman หนังสยองขวัญที่เล่นกับความมืด ได้อย่างคุ้มค่า อาจไม่ถึงกับแปลกใหม่ แต่ก็เป็นหนังที่สามารถสร้างความลุ้นระทึก และพาคนดูร่วมกลัวที่มืดไปกับตัวละครตลอดทั้งเรื่อง 

รีวิวหนัง The Boogeyman ผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ ร็อบ ซาเวจ (Host) ที่ครั้งนี้เป็นการก้าวเข้ามาทำหนังสตูดิโอเรื่องแรก โดยเป็นงานที่ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของ สตีเวน คิง พร้อมได้นักแสดงนำได้แก่ โซฟี แทตเชอร์ (ซีรีส์ The Book of Boba Fett), วิเวียน ไลรา แบลร์ (ซีรีส์ Obi-Wan Kenobi) และ คริส เมสสินา (Air)

รีวิวหนัง The Boogeyman หนังสยองขวัญที่เล่นกับความมืด

เรื่องราวของ The Boogeyman จะว่าด้วยครอบครัวของ วิล ฮาร์เปอร์ (คริส เมสสินา) นักบำบัดที่พึ่งสูญเสียผู้เป็นภรรยา และแม่ของลูกไป ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างคนในครอบครัว จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีชายปริศนาเข้ามาในบ้านของพวกเขา และได้ทำการฆ่าตัวตายอย่างน่าสยดสยอง จากการกระทำของชายปริศนานี้ ได้ทิ้งคำสาปของปีศาจร้ายไว้ในบ้านหลังนี้ และทำให้ ซอว์เยอร์ (วิเวียน ไลรา แบลร์) ลูกสาวคนเล็กของบ้านเห็นปีศาจที่ซ่อนในความมืด เซดี้ (โซฟี แทตเชอร์) ผู้เป็นพี่สาวต้องหาทางปกป้องน้องสาวจากคำสาปอันน่ากลัวนี้

รีวิวหนัง The Boogeyman หนังสยองขวัญที่เล่นกับความมืด

ตัวหนังมาพร้อมการเล่าเรื่องตามสูตรสำเร็จของหนังสยองขวัญ ที่จะโฟกัสไปที่สถาบันครอบครัวที่กำลังเผชิญปัญหาจากการสูญเสีย มีการพูดถึงบาดแผลในใจ และความหวาดกลัวของเด็ก จุดขายสำคัญของหนังเรื่องนี้คือการพูดถึงความกลัวความมืดที่เราไม่รู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ 

พาร์ทสยองขวัญหนังทำได้ค่อนข้างดี มีฉากจัมป์สแคร์ให้ได้ตกใจประปราย แต่ที่พิเศษคือการเล่นกับความสยองในทุนสร้างที่จำกัด ซึ่งในเรื่องนี้ ร็อบ ซาเวจ สามารถเล่นกับจังหวะต่างๆ ให้คนดูรู้สึกกลัวร่วมไปกับตัวละคร โดยที่แทบไม่ต้องแสดงหน้าตาของ บูกี้แมน ให้เห็นแต่อย่างใด แถมหนังยังสามารถไต่ระดับความสนุก ความน่ากลัวไปจนถึงตอนจบเรื่องได้อย่างชวนลุ้น ชวนติดตาม

รีวิวหนังThe Boogeymanหนังสยองขวัญที่เล่นกับความมืด

พาร์ทดราม่าหนังก็สามารถทำได้ดีไม่แพ้กัน หนังสามารถถ่ายทอดความสัมพันธ์ของพี่น้องได้อย่างดีเยี่ยม ชวนให้คนดูอยากร่วมลุ้น ร่วมเอาใจช่วยตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง การแสดงของ โซฟี แทตเชอร์ และวิเวียน ไลรา แบลร์ สามารถทำให้เราเชื่อว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกันจริงๆ โดยเฉพาะการแสดงของ ไลรา แบลร์ ที่สามารถถ่ายทอดความกลัวความมืดของเด็กน้อยได้เป็นธรรมชาติสุดๆ

รีวิวหนังThe Boogeyman หนังสยองขวัญที่เล่นกับความมืด

ข้อเสียของ The Boogeyman คือการที่หนังค่อนข้างเป็นสูตรสำเร็จมากเกินไป จนแทบไม่มีความแปลกใหม่ใดๆ ในหนัง รวมถึงการเล่นกับความมืดมากเกินไป จนทำให้คนดูแทบมองไม่เห็นตัวปีศาจในเรื่อง ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นจุดขายที่ดีให้หนังได้ กลายเป็นว่าเป็นปีศาจที่ใช้งานได้ไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าที่ควร

โดยรวม The Boogeyman คือหนังสยองขวัญสูตรสำเร็จ ที่สามารถสร้างความกลัวความมืดให้กับคนดู และมีพาร์ทดราม่าที่ค่อนข้างดี แม้ว่าอาจเสียดายที่หนังไม่ได้แปลกใหม่มากนัก แต่ก็เป็นอีกเรื่องที่ตอบโจทย์คอหนังสยองขวัญไม่น้อย

สามารถรับชม The Boogeyman ได้แล้ววันนี้ที่ Disney+ Hotstar

Cr.ภาพ: Disney+
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/11WBKyKhkpo

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Winnie the Pooh: Blood and Honey

รีวิวหนัง Winnie the Pooh: Blood and Honey หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก

รีวิวหนัง Winnie the Pooh: Blood and Honey: งานสยองขวัญที่มีไอเดียดี แต่กลับสอบตกในทุกๆ ด้าน หนังเต็มไปด้วยความเป็นสูตรสำเร็จของหนังไล่เชือดเกรดบี ที่ขาดความแปลกใหม่ และเต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผลมากมาย

รีวิวหนัง Winnie the Pooh: Blood and Honey คืองานสยองขวัญฟอร์มเล็กผลงานการกำกับโดย รีส เฟรค วอเตอร์ฟีลด์ ที่ได้ดัดแปลงมาจากการ์ตูนสุดคลาสสิกอย่าง Winnie the Pooh โดยครั้งนี้คือการสลัดภาพจำของการ์ตูนในวัยเด็ก สู่หนังไล่เชือดเกรดบี ที่ทั้งโหด ดิบ เถื่อน

รีวิวหนัง Winnie the Pooh: Blood and Honey หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก

เรื่องราวของ Winnie the Pooh: Blood and Honey จะอ้างอิงจากการ์ตูนต้นฉบับ หลังจากที่ คริสโตเฟอร์ โรบิน ได้พบกับเหล่าผองเพื่อนในป่า 100 เอเคอร์ โรบิน ก็ได้เติบโต และไปเรียนต่อ ทำให้เหล่าสัคว์ในป่าต่างรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง และทำให้พวกเขาขาดอาหาร ทำให้หมีพูห์ เริ่มฆ่าเพื่อนของตนทีละคนเพื่อนำมาเป็นอาหาร พร้อมสะสมความแค้นเอาไว้ เพื่อไล่ล่ามนุษย์ทุกคนที่เข้ามา จนกระทั่งได้มีกลุ่มวัยรุ่นได้หลงเข้ามาในป่าแห่งนี้ จนนำมาสู่ค่ำคืนแห่งการนองเลือด

รีวิวหนัง Winnie the Pooh: Blood and Honey หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก

หนังมาพร้อมคุณสมบัติเบื้องต้นของความเป็นหนังไล่เชือดสูตรสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น ตัวละครฆาตกรสวมหน้ากาก เหล่าวัยรุ่นที่เข้ามาเป็นเหยื่อ โลเคชันกลางป่าเขาที่ห่างไกลผู้คน เป็นต้น ซึ่งหนังก็เล่าตามสูตรของหนังแนวนี้ทุกประการ เพียงแต่มีการอ้างอิงบริบทของตัวละคร และอีสเตอร์เอ้กบางอย่างจาก Winnie the Pooh เท่านั้น

ด้วยความที่เป็นหนังเกรดบี ปัญหาแรกที่เจอคืองานโปรดักชันของหนังที่ดูไม่สมจริง และไม่ได้อรรถรส เช่น ฉากฆ่าในหนังที่แทบที่จะสามารถมอบความสยดสยอง หรือสถานการณ์ที่ชวนลุ้น แต่หนังกลับทำออกมาได้ขาดความระทึก ความน่ากลัว การตัดต่อที่ไม่ลื่นไหล ทำให้คนดูขาดอารมณ์ร่วมไปกับหนังอย่างน่าเสียดาย

รีวิวหนัง Winnie the Pooh: Blood and Honey หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก

ด้านบทของหนังก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หนังเรื่องนี้ทำได้ไม่ถึง เนื่องจากบทของหนังพยายามลอกสูตรหนังสยองขวัญส่วนใหญ่จนเกินไป ทำให้บทเต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผล ตัวละครในเรื่องล้วนแต่ขาดมิติ ขาดความน่าจดจำ หรือเอาใจช่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวละครหมีพูห์ ที่เป็นฆาตกรในเรื่อง ก็กลับขาดที่มาที่ไป และขาดเสน่ห์ที่ควรมีของตัวละครนักเชือดไปโดยสิ้นเชิง

รีวิวหนังWinnie the Pooh: Blood and Honey หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก

นอกจากความแปลกใหม่ที่หาแทบไม่ได้ในหนัง และบทที่เต็มไปด้วยข้อด้อยแล้ว การเล่าเรื่องของ Winnie the Pooh: Blood and Honey ยังทำออกมาได้ไร้ชีวิตชีวา ตลอดทั้งเรื่องหนังเล่าแบบเส้นตรงราบ หนังขาดจุดพีค หรือหรือหักมุมที่ให้คนดูได้รู้สึกตื่นเต้น หรือเซอร์ไพรส์ใดๆ ให้คนดูรู้สึกอยากจดจำ และไม่มีข้อคิดให้ได้ไปต่อใดๆ ทั้งสิ้น

โดยรวม Winnie the Pooh: Blood and Honey คืองานสยองขวัญที่น่าผิดหวังที่สุดเรื่องหนึ่งของปี 2023 หนังไม่ได้มีความแปลกใหม่ใดๆ นอกไปจากการหยิบหมีพูห์ มาทำให้เป็นเวอร์ชันน่ากลัว สำหรับแฟนหนังไล่เชือด นี่อาจเป็นงานที่พอดูฆ่าเวลาได้เพลินๆ แต่ไม่ได้มีคุณค่าให้ดูซ้ำรอบสองต่อใดๆ ทั้งสิ้น

สามารถรับชม Winnie the Pooh: Blood and Honey ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Netflix
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/Ud-FBr74K8o

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง ธี่หยด

รีวิวหนัง ธี่หยด หนังสยองขวัญสไตล์ไทยๆ สร้างความหลอนได้อย่างดีเยี่ยม

รีวิวหนัง ธี่หยด : อีกหนึ่งหนังสยองขวัญสไตล์ไทยๆ ที่เล่าเรื่องได้น่ากลัวและตื่นเต้นแบบเต็มสูบ หนังใช้เสียงสร้างความหลอนได้อย่างดีเยี่ยม ฉากผีหลอกที่ทำได้ชวนขนลุก เพิ่มเติมคือฉากคนสู้ผีที่ทำได้เดือดเกินคาด

รีวิวหนัง ธี่หยด หนึ่งในหนังผีไทยแห่งปี 2023 ที่ได้รับความสนใจจากแฟนหนังและคนรักเรื่องสยองขวัญ ด้วยความที่เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากเรื่องผีในตำนานที่เคยโด่งดังบนเว็บไซต์ Pantip จนกลายเป็นนิยาย และมีเรื่องเล่าบน The Ghost Radio ซึ่งในเวอร์ชันหนังนี้ได้ คุ้ย-ทวีวัฒน์ วันทา เจ้าของผลงาน ทองสุก 13 มารับหน้าที่กำกับ พร้อมได้พระเอกสุดฮอตอย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ มาร่วมแสดงนำ

รีวิวหนัง ธี่หยด หนังสยองขวัญสไตล์ไทยๆ สร้างความหลอนได้อย่างดีเยี่ยม

เรื่องราวของ ธี่หยด จะย้อนไปยังช่วงปี พ.ศ.2515 ณ หมู่บ้านเล็กๆ ในจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อครอบครัวหนึ่งต้องเผชิญกับเรื่องสุดสยองเมื่อ แย้ม (รัตนวดี วงศ์ทอง) ลูกสาวคนกลางของบ้านได้เกิดอาการแปลกประหลาด เหมือนคนถูกผีเข้า พร้อมทั้งคนในบ้านก็ได้เห็นวิญาณของหญิงชุดดำ คอยหลอกหลอน พร้อมทั้งมีเสียง ‘ธี่หยด’ ที่จะดังในทุกๆ คืน ทำให้ ยักษ์ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) พี่ชายคนโตของครอบครัวที่ไม่ได้หวาดกลัวผีร้ายตนนี้ ต้องหาทางปราบมัน 

รีวิวหนัง ธี่หยด หนังสยองขวัญสไตล์ไทยๆ สร้างความหลอนได้อย่างดีเยี่ยม

ธี่หยด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหนังผีสไตล์ไทยจ๋า ที่มาพร้อมลูกเล่นสูตรสำเร็จหนังผีไทยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกับบรรยากาศต่างจังหวัด บ้านเรือนไทย และความเชื่อเรื่องผีสางแบบสมัยโบราณ แต่ถึงแม้จะไม่ได้มีความใหม่มากหนังเรื่องนี้ก็สามารถเล่าเรื่องตลอดสองชั่วโมงได้สนุกครบรส ทั้งดราม่า สยองขวัญ ไปจนถึงแอ็คชัน

จุดขายของหนังเรื่องนี้คือการใช้เสียงเพื่อสร้างความหลอนกับคนดู โดยเฉพาะเสียง ’ ธี่หยด’ ที่เป็นจุดไฮไลท์ที่ได้ยินเมื่อไหร่ให้เตรียมพบความน่าสะพรึง นอกจากเสียงดังกล่าวแล้ว เสียงอื่นๆ ในหนังก็ทำได้ดีมากๆ เป็นหนังที่สามารถใช้ประโยชน์จากเสียงของโรงภาพยนตร์มาใช้งานจนทำให้คนดูหวาดกลัว และรู้สึกร่วมไปกับหนังได้อย่างดีเยี่ยม

รีวิวหนังธี่หยด หนังสยองขวัญสไตล์ไทยๆ สร้างความหลอนได้อย่างดีเยี่ยม

นอกจากเสียงที่สร้างความหลอนแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เพิ่มความน่ากลัวให้หนังเรื่องนี้คือเมคอัพผีที่ทำออกมาได้ชวนสยดสยอง โดยเฉพาะรอยยิ้มของผีผู้หญิงชุดดำที่สามารถหลอนติดตาใครหลายๆ คนได้ นอกจากนี้หนังยังมีสไตล์การหลอกของผีที่ทั้งโหด มีฉากเห็นเลือดเห็นเนื้อ 

รีวิวหนังธี่หยด หนังสยองขวัญสไตล์ไทยๆ สร้างความหลอนได้อย่างดีเยี่ยม

ไม่เพียงเท่านั้น หนังยังมีฉากแอ็คชันระหว่างคนกับผีที่ทำออกมาได้ดุเดือดและเป็นรสชาติใหม่ที่ไม่ค่อยเห็นในหนังผีไทย ซึ่งตัวละครที่ท้าทายผีประจำเรื่องก็คือ ยักษ์ที่รับบทโดย ณเดชน์ ซึ่งในเรื่องนี้เขาก็ได้ถ่ายทอดการแสดงบทบู๊ได้อย่างเท่สะใจ จนหลายคนยกให้เป็นตัวละครโปรดในเรื่อง

โดยรวม ธี่หยด คืออีกหนึ่งในผีไทยน้ำดีที่มาพร้อมการเล่าเรื่องแบบคนชอบเรื่องผีจะต้องหลงรัก หนังมีบรรยากาศผีไทยแบบสมัยก่อนที่สร้างบรรยากาศหลอนได้เป็นอย่างดี พร้อมการเล่าเรื่องตลอดสองชั่วโมงที่สนุกแบบไม่มีจังหวะพัก สามารถยกย่องได้ว่านี่คือหนังผีที่เหมาะกับการดูโรงโดยแท้จริง

สามารถรับชม ธี่หยด ได้แล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ 

Cr.ภาพ: M Pictures
ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/4MFA-ZhsK0c

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง 

รีวิวหนัง Sick of Myself: หนังสยองขวัญ ตลกร้าย

รีวิวหนัง Sick of Myself: หนังสยองขวัญ ตลกร้าย

Sick of Myself คือผลงานหนังสยองขวัญอินดี้ สัญชาตินอร์เวย์ กำกับ และเขียนบทโดย คริสตอฟเฟอร์ บอร์กลี ที่ประเดิมหนังขนาดยาวเป็นเรื่องแรก โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ ซิกเนอ หญิงสาวที่กำลังคบหากับ โธมัส ศิลปินหนุ่มที่ชีวิตกำลังไปได้ดีในสายอาชีพนี้ แต่ทว่าชื่อเสียง และความสำเร็จของโธมัส ก็ทำให้ ซิกเนอ เกิดความอิจฉา และน้อยเนื้อต่ำใจที่ตนไม่ได้รับความสนใจจากผู้คน ทำให้เธอตัดสินใจสั่งยาขนาดแรงขนิดหนึ่งมากิน เพื่อให้เธอเกิดอาการผิวหนังพุพอง ซึ่งเธอเชื่อว่ามันจะทำให้ โธมัส กลับมาสนใจเธออีกครั้ง แต่ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่เธอคิด เมื่ออาการผิวหนัง และร่างกายของเธอกลับแย่ลงเรื่อยๆ จนนำมาสู่เหตุการณ์มากมายที่เธอไม่เคยคาดคิด

แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นหนังสยองขวัญ แต่ Sick of Myself กลับเป็นหนังมีความเป็นดราม่า ตลกร้าย มากกว่า หนังไม่ได้โฟกัสไปที่ความน่ากลัวด้านรูปร่างหน้าตาของซิกเนอ เป็นแก่นของเรื่องทั้งหมด แต่จะเป็นการพูดถึงชีวิตของผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว และอยากให้ผู้คนสนใจเธอตลอดเวลา ซึ่งการกระทำของเธอในเรื่องก็นำมาสู่เหตุการณ์มากมายในหนัง 

แม้จะเป็นงานอินดี้ ที่เล่าเรียบง่าย ไม่ได้มีทุนสูง แต่ Sick of Myself กลับสามารถดำเนินเรื่องได้อย่างสนุก ตลอด 90 นาทีของหนังสามารถเล่าออกมาได้ชวนติดตาม ไม่ว่าจะเป็นมุกตลกร้ายที่หนังเล่าออกมาได้อย่างชวนขำ และการถ่ายทอดความสัมพันธ์ของตัวละครที่เป็นธรรมชาติ รวมทั้งการนำเสนอที่ไม่ได้ลึกเกินไปจนถึงกับดูยาก ทำให้หนังเรื่องนี้เหมาะกับคนดูแทบทุกกลุ่ม ที่ชื่นชอบหนังดราม่า ตลกร้าย

ด้านความสยองขวัญ หนังมาพร้อมการออกแบบใบหน้าของตัวนางเอกที่มีความน่ากลัว มีความผิดรูป ที่มีเมคอัพสมจริง นอกจากนี้หนังยังค่อยๆ ถ่ายทอดอาการป่วยของตัวละครที่แย่ลงเรื่อยๆ แบบที่คนดูเห็นภาพชัดเจน ซึ่งในพาร์ทสยองขวัญนี้ หนังก็ได้แฝงแง่คิดที่สะท้อนให้เห็นถึงผลของการกระทำต่างๆ ได้อย่างแนบเนียน และชาญฉลาด

โดยรวม Sick of Myself คือหนังอินดี้ ฟอร์มเล็ก ที่ดูง่าย สนุกกว่าที่คิด หนังนำเสนอเรื่องราวชีวิตของผู้หญิงที่ต้องการเป็นคนเด่น จนนำมาสู่เหตุการณ์ที่ชวนสยอง และมอบบทเรียนราคาแพง ใครที่ชอบหนังฟอร์มเล็ก แต่คุณภาพอัดแน่นขอแนะนำ

สามารถรับชม Sick of Myself ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: IMDB

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com 

FB : รวมพลคนบันเทิง  

รีวิวซีรีส์ One Piece season 1: งานดัดแปลงจากมังงะที่ทำออกมาได้ถูกใจแฟนบอยสุดๆ

รีวิวซีรีส์ One Piece season 1: งานดัดแปลงจากมังงะที่ทำออกมาได้ถูกใจแฟนบอยสุดๆ

One Piece คือหนึ่งในผลงานซีรีส์ Netflix ที่ปีนี้ผู้คนรอคอยมากที่สุด เพราะนี่คืองานที่ดัดแปลงมาจากมังงะสุดฮิตแห่งยุค ซึ่งตัวซีรีส์เวอร์ชันคนแสดงนี้ ก็ได้ เออิจิโระ โอดะ ผู้เขียนการ์ตูนเรื่องนี้มารับหน้าที่ดูแลงานสร้าง และเป็นซีรีส์ Netflix ที่ทุ่มทุนสร้างที่สูงที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง

เนื้อหาของ One Piece จะว่าด้วยยุคสมัยที่เต็มไปด้วยโจรสลัด ซึ่งทุกคนล้วนมีจุดหมายคือสมบัติวันพีช ที่ราชาโจรสลัดได้ทิ้งเอาไว้ มังดี้ ดี ลูฟี่ (อินากิ โกดอย) เด็กหนุ่มที่มีความฝันที่จะเดินทางสู่แกรนด์ไลน์ เพื่อเป็นราชาแห่งโจรสลัดคนต่อไป ที่ได้ออกเดินทางเพื่อรวบรวมลูกเรือ ซึ่งระหว่างทางเขาก็ได้พบกับเหล่าผองเพื่อนที่เข้ามาร่วมเป็นสมาชิกโจรสลัดหมวกฟางร่วมกับเขา พร้อมทั้งเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรูมากมาย ทั้งกลุ่มโจรสลัดด้วยกันเอง ไปจนถึงกองทัพเรือ จนนำมาสู่การผจญภัยสุดยิ่งใหญ่

One Piece เรียกได้ว่าเป็นงานไลฟ์แอ็คชัน ที่ดัดแปลงเนื้อหาจากการ์ตูนต้นฉบับ ที่สนุกลงตัว โดยซีรีส์เลือกที่จะเล่าเรื่องโดยไม่เดินตามมังงะแบบเป๊ะๆ แต่จะเป็นการตีความเรื่องราวแบบใหม่ ที่ทำให้เนื้อหาในพาร์ทแรกของเรื่องเหลือเพียง 8 ตอนเท่านั้น แต่จะไม่ทำลายเนื้อหาหลักใดๆ ของเวอร์ชันการ์ตูน

ความโดดเด่นแรกของซีรีส์เรื่องนี้คืองานโปรดักชัน ที่สามารถถ่ายทอดไอเดียดั้งเดิมจากหนังสือการ์ตูน ให้ออกมาเป็นภาพที่สมจริง มีการเก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะอีสเตอร์เอ้กที่ซ่อนไว้เต็มไปหมดตลอดการดำเนินเรื่อง นอกจากนี้สิ่งที่ซีรีส์ทำใด้ดีมากๆ คือฉากการต่อสู้ ที่ทำออกมาได้สนุก เร้าใจ มีฉากท่าไม้ตายชองตัวละครที่คงความเป็นต้นฉบับดั้งเดิมได้อย่างยอดเยี่ยม ราวกับว่าคนดูได้ดูซีรีส์ฮีโร่ แฟนตาซี แบบที่หนังฮอลีวูดยุคนี้ชอบทำ

ด้านงานบทของ One Piece เรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่ดี ตัวซีรีส์มีการปรับเนื้อหาของการผจญภัย เพื่อให้ไม่ยืดยาวจนเกินไป แม้ว่าจะมีตัวละครในเรื่องจะไม่ได้มีครบทุกคนตามที่หวัง แต่ทำให้การเล่าเรื่องแต่ละพาร์ทมีความกระชับมากขึ้น ทำให้คนดูได้เห็นเนื้อหาที่ไม่เหมือนต้นฉบับ ยิ่งการพูดถึงเรื่องความฝัน การต้นหาตัวตน และมิตรภาพ ซึ่งหลายฉากก็ยังสามารถทำเอาคนดูน้ำตารื้อได้ไม่มากก็น้อย

ในด้านข้อเสียของซีรีส์ คือการเคารพต้นฉบับจนเกินไป ทำให้คอสตูมของแต่ตัวละครออกมาดูเหมือนฉบับการ์ตูน จนทำให้หลายตัวละคร ออกมาดูคอสเพลย์ จนบางตัวละครดูตลก และดูฝืนที่จะทำจนเกินไป นอกจากนี้เพื่อให้ซีรีส์มีความยาวเพียง 8 ตอน แต่ยังต้องตัดทอนเนื้อหาของบางตัวละคร จนทำให้เสน่ห์แบบที่มีในต้นฉบับหายไปพอสมควร 

แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นเป็นซีรีส์ไลฟ์แอ็คชันที่ดีที่สุด แต่ One Piece ก็ถือว่าเป็นงานดัดแปลงที่ทำได้คุ้มค่าการรอคอย ไม่ว่าจะเป็นการเคารพต้นฉบับที่สร้างความตื่นตา ตื่นใจให้ทั้งคนที่เป็นแฟนบอย และคนที่ไม่เคยดูเรื่องนี้สามารถเพลิดเพลิน และเอนจอยไปกับเนื้อเรื่องได้ และเชื่อว่านี่จะเป็นซีรีส์ขนาดยาวของ Netflix ที่จะมีให้ได้ชมกันไปอีกหลายซีซั่นไปอีกต่อจากนี้

สามารถรับชมซีรีส์ One Piece season 1 ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Netflix

ติดตามบทความ ซีรีย์ – หนัง ในทุกสัปดาห์ได้ที่ news-entertainments.com

FB : รวมพลคนบันเทิง