Reminiscence หนังไซไฟฟอร์มยักษ์

Reminiscenceหนังไซไฟฟอร์มยักษ์

Reminiscence หนังไซไฟฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดของ ฮิวจ์ แจ็คแมน เผยทีเซอร์แรกให้ได้ชมแล้ว

หลังจากที่โบกมือลาจากบท โลแกน จากจักรวาล X-Men แฟนหนังก็แทบไม่ได้เห็น ฮิวจ์ แจ็คแมนในบทแอคชั่น หรือหนังฟอร์มยักษ์เลย นอกจากนี้หนังแต่ละเรื่องของเขาหลังจาก Logan ก็ล้วนแต่เป็นหนังชีวประวัติทั้งสิ้น

ตั้งแต่ พี.ที.บาร์นัม ใน The Greatest Showman แกรี่ ฮาร์ท ใน The Front Runner และ ผอ.โรงเรียนสุดอื้อฉาว ใน Bad Education

แต่สำหรับใครที่คิดถึง แจ็คแมนในบทหนังฟอร์มยักษ์ ปีนี้เรากำลังจะได้ชมผลงานใหม่ของเขาในหนังไซไฟ ระทึกขวัญ เรื่อง Reminiscence ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้พึ่งมีการปล่อยทีเซอร์แรกจากหนังมาเรียกน้ำย่อยแล้ว

สำหรับ Reminiscence จะเป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องราวในโลกอนาคตเมื่อโลกได้เกิดภาวะโลกร้อนถึงขั้นรุนแรง ทำให้บางเมืองต้องจมอยู่ใต้น้ำ แจ็คแมน จะรับบทเป็น นิค แบนิสเตอร์ นักสืบ ที่ได้รับการว่าจ้างจาก เมย์ (รีเบคก้า เฟอร์กูสัน) หญิงสาวที่ได้ขอให้เขาตามหาความทรงจำที่หายไป แต่ทว่าเมื่อ นิค ได้ตามสืบไปเรื่อย ๆ เขาก็พบกับการเปิดโปงแผนลับบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัว และจะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล

Reminiscenceหนังไซไฟฟอร์มยักษ์

โดยทีเซอร์แรกของหนังจะมีความยาวเพียง 22 วินาที ที่แทบไม่เผยอะไรให้เห็นมากนอกจากเมืองที่จมอยู่ใต้น้ำ พร้อมเสียงบรรยาของ แจ็คแมน ที่พูดถึงการเดินทางผ่านความทรงจำ หากต้องการที่จะเดินทางไปยังสถานที่ในความทรงจำ สิ่งที่ต้องทำก็คือตามเสียงของเขาไป ซึ่งจากภาพรวมของทีเซอร์ และชื่อของผู้สร้างอย่าง ลิซ่า จอย ทำให้พอคาดเดาได้ว่าหนังเรื่องนี้อาจแฝงไปด้วยความเป็นปรัชญา และน่าจะไม่ใช่หนังไซไฟที่ดูง่ายอย่างแน่นอน

Reminiscenceหนังไซไฟฟอร์มยักษ์
ลิซ่า จอย และ โจนาธาน โนแลน

Reminiscence เป็นผลงานการกำกับ และเขียนบทของ ลิซ่า จอย หนึ่งในทีมผู้สร้างซีรีส์ไซไฟฟอร์มยักษ์ของ HBO อย่าง Westworld ซึ่งบทหนังเรื่องนี้ครั้งหนึ่งเคยติด Blacklist บทหนังชั้นเยี่ยมที่ยังไม่ถูกสร้าง

เป็นหนังเมื่อปี 2013 ก่อนที่ทาง Warner Bros. จะคว้าสิทธิ์สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเรื่องนี้ จอย ก็ยังทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ร่วมกับ โจนาธาน โนแลน สามีของเธอผู้เป็นน้องชายของสุดยอดผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน นั่นเอง นอกจากหนังจะได้ แจ็คแมนมารับบทนำแล้ว

หนังยังสมทบด้วยดาราคุณภาพอีกเพียบไม่ว่าจะเป็น รีเบคก้า เฟอร์กูสัน (Mission Impossible: Fall Out ,Doctor Sleep) แทนดี นิวตัน (ซีรีส์ Westworld) คริฟ เคอร์ติส (ซีรีส์ Fear The Walking Dead) แดเนียล หวู (Warcraft ,ซีรีส์ Into the Badlands) และ เบรต คัลเลน (Joker)

โดย Reminiscence ได้กำหนดวันฉายไว้ที่ 3 กันยายน 2021 ซึ่งจะจัดฉายพร้อมกันทั้งในโรงภาพยนตร์ และช่องสตรีม HBO MAX

ตัวอย่าง Reminiscence

CR. ภาพ : Youtube Warner Bros. ,Variety

#ซีรีส์ หนัง #news-entertainments.com

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

พบกับ ชาง-ซี ฮีโร่สัญชาติเอเชียคนแรกของ MCU ในตัวอย่างแรกของ Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

ในที่สุดก็ปล่อยออกมาแล้ว สำหรับตัวอย่างแรกจาก Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings หนังซุปเปอร์ฮีโร่สัญชาติเอเชียเรื่องแรกจาก Marvel และเป็นหนึ่งในตัวละครที่จะมีบทบาทใน MCU Phase 4 อีกด้วย งานนี้ใครที่ชื่นชอบหนังแอคชั่นสไตล์กังฟู น่าจะชื่นชอบไม่น้อย

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings จะว่าด้วยเรื่องราวของ ชาง-ชี (ซิมู หลิว) เด็กชายกำพร้าผู้มีพลังวิเศษ ที่ได้รับการเลี้ยงดูโดย แมนดาริน (เหลียงเฉาเหว่ย) เจ้าสำนักฝึกวิชาที่ได้รวบรวมเหล่าเด็กที่มีความสามารถในด้านการต่อสู้ มาเพื่อฝึกวิชา

และส่งตัวไปประลองการแข่งขันที่รวบรวมคนมีฝีมือจากทั่วโลกมาต่อสู้กัน และหากใครที่ชนะการประลองจะได้เป็นผู้ครอบครองแหวนทองท้งสิบวง ที่จะทำให้สามารถควบคุมธาตุต่าง ๆ ได้

แต่ทว่าเมื่อเติบโตขึ้น ชาง-ชี ได้หนีออกจากสำนักของแมนดาริน และได้ออกมาใช้ชีวิตแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ จนกระทั่งหลายปีต่อมา ชาง-ชีก็ได้ถูก แมนดารินตามตัวจนเจอ และถูกตามล่าเอาชีวิต โดยทางด้าน แมนดารินได้ข่มขู่ ชาง-ชี ว่าหากต้องการเป็นอิสระจากการตามล่า เขาจะต้องร่วมประลองครั้งใหม่ เพราะตัวแมนดารินนั้นแก่เกินไปที่จะลงสังเวียนแล้ว ซึ่ง ชาง-ชี จะต้องเข้าร่วมประลองโดยแลกกับอิสรภาพของตัวเอง

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

หนังเป็นผลงานการกำกับของ เดสติน แดเนียล เครตตัน (Just Mercy) เขียนบทโดย เดฟ คัลลาแฮม (Wonder Woman 1984, Mortal Kombat) พร้อมได้ทีมนักแสดงสัญชาติเอเชียมาร่วมแสดงนำไม่ว่าจะเป็น ซิมู หลิว (ซีรีส์ Taken), เหลียงเฉาเหว่ย (The Grandmaster), อควาฟิน่า (Jumanji: The Next Level) และมิเชล โหยว (Boss Level)

สำหรับตัวอย่างแรกของหนังยังไม่ได้เผยอะไรที่เกี่ยวกับเนื้อหามาก นอกจากการพยายามโชว์ตัวละครแต่ละตัวของหนังให้คนดูได้รู้สึกตื่นตาตื่นใจ ตามสไตล์ของ Marvel Studios แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นความแตกต่างของหนังเรื่องนี้จากหนังในจักรวาล Marvel เรื่องอื่น ๆ คือความมีกลิ่นอายของหนังเอเชียที่ค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะฉากต่อสู้ที่ให้อารมณ์เหมือนดูหนังจอมยุทธ

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

พร้อมงานโปรดักชั่นที่ดูอลังการ ไม่ต่างจากหนังแอคชั่น กลิ่นอายเอเชียที่ฉายก่อนหน้านี้อย่าง Mulan ส่วน ซิมู หลิว ในบท ชาง-ชี ในตัวอย่างนี้เราก็ได้เห็นเขาโชว์ฟอร์มบู๊เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องมาลุ้นว่าในตัวอย่างเต็ม หรือหนังเต็มเขาจะได้แสดงฝีไม้ลายมือสมการรอคอยหรือไม่

ส่วนตัวละครแมนดาริน วายร้ายของเรื่องที่รับบทโดยนักแสดงฮ่องกงชื่อดังอย่างเหลียงเฉาเหว่ย ในตัวอย่างเรายังไม่ได้เห็นเขาออกลายมากนัก แต่ด้วยมาดที่เคร่งขรึม ก็สามารถขโมยซีน และเป็นที่สนใจของเหล่าคอหนังไม่น้อย

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings

โดยตัวละคร ชาง-ชี นั้น เป็นผลงานการสร้างสรรค์โดย สตีเวน อิงเกิลฮาร์ต และจิม สตาร์ลิน ที่ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อปี 1973 ซึ่งทางผู้สร้างก็ได้แรงบันดาลใจตัวละครตัวนี้มาจากแอคชั่นสตาร์ของเอเชียที่กำลังโด่งดังในช่วงนั้นอย่าง บรูซลี พร้อมได้ให้ฉายา ชาง-ชี ว่าเป็น “เจ้าแห่งกังฟู” เพราะเขานั้นเป็นฮีโร่จาก Marvel ที่มีความสามารถในด้านการต่อสู้ด้วยหมัดมวยมากกว่าการใช้อาวุธสุดล้ำเหมือนซุปเปอร์ฮีโร่คนอื่น ๆ

Shang-Chi and The Legend of the Ten Rings จะมีกำหนดฉายในไทย 2 กันยายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

Cr. ภาพ : Marvel Studios และ Entertainment

#news-entertainments.com #ซีรีส์ หนัง

“Oxygen” หนังระทึกขวัญ ไซไฟ ผลงานล่าสุดของ อเลกซานเดอ อาจา

Oxygen หนังระทึกขวัญ ไซไฟ

เมลานี โลรองต์ เป็นหญิงสาวที่ต้องตามหาความทรงจำภายใน 90 นาที ใน “Oxygen” หนังระทึกขวัญ ไซไฟ ผลงานล่าสุดของ อเลกซานเดอ อาจา

Oxygen หนังระทึกขวัญ ไซไฟ

เชื่อว่าใครที่เป็นคอหนังสยองขวัญ/ระทึกขวัญ น่าจะต้องเคยดูหนังเรื่อง Buried หนังที่นำแสดงโดย ไรอัน เรย์โนลด์ ที่รับบทเป็นชายที่ถูกฝังทั้งเป็นอยู่ในโลงไม้ และต้องเจรจากับผู้ก่อการร้ายที่เชื่อว่าคือคนที่จับตัวเขามาฝัง

ตลอดทั้งเรื่อง Oxygen หนังเล่าเหตุการณ์ภายในโลงไม้แคบ ๆ จนมันกลายเป็นหนังระทึกขวัญที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ ล่าสุดในปี 2021 นี้เรากำลังจะได้ชมหนังระทึกขวัญเรื่องใหม่ที่มาในธีมเดียวกับ Buried แต่ครั้งนี้มาในรูปแบบหนังไซไฟ สุดล้ำ กับหนังที่มีชื่อว่า “Oxygen”

Oxygen หนังระทึกขวัญ ไซไฟ

โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ อลิซาเบธ เฮนสัน (เมลานี โลรองต์) หญิงสาวที่ตื่นขึ้นมาและพบว่าตนอยู่ในโลงแห่งหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยเทคโนโยีสุดไฮเทค ตัว อลิซาเบธ นั้นได้สูญเสียความทรงจำของตัวเอง สิ่งเดียวที่สามารถพูดคุยโต้ตอบ และเป็นผู้ช่วยของเธอในที่แห่งนี้คือ “มิโล” AI อัจฉริยะ

ที่คอยช่วยเหลือเธอในการสืบสาวราวเรื่องจากทั้งหมดผ่านฐานข้อมูลต่าง ๆ อลิซาเบธ จะต้องหาความจริงทั้งหมดว่าใครคือคนที่นำเธอมาใส่ไว้ในโลง และที่มาของเหตุการณ์ทั้งหมดคืออะไรกันแน่ ซึ่งเธอจะต้องหาคำตอบทั้งหมดให้ทันภายใน 90 นาที ก่อนที่ออกซิเจนในโลงของเธอจะหมดลง

Oxygen หนังระทึกขวัญ ไซไฟ

Oxygen เป็นผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของ อเล็กซานเดอ อาจา มือกำกับหนังสยองขวัญที่เคยมีผลงานสุดโด่งดังในด้านความโหด ดิบ ระทึกมากมายไม่ว่าจะเป็น High Tension, Mirrors, Horns และล่าสุดกับหนังเรื่อง Crawl ซึ่ง Oxygen ก็ถือว่าเป็นการกลับมากำกับหนังภาษาฝรั่งเศสในรอบ 18 ปีของเขา นับตั้งแต่ High Tension ร่วมแสดงนำโดย เมลานี โรลองค์ (Inglourious Basterds และ 6 Underground) และ แมทธิว อมัลริค (The Grand Budapest Hotel และ Sound of Metal)

Oxygen หนังระทึกขวัญ ไซไฟ

ความน่าสนใจของ Oxygen ที่ต่างจาก Buried คือการผสมผสานความเป็นหนังไซไฟ สืบสวนสอบสวน และหนังระทึกขวัญอยู่ในเรื่องเดียว ต่างจาก Buried ที่เน้นไปทางระทึกขวัญเป็นหลัก หนังเต็มไปด้วยความล้ำสมัยสไตล์หนังไซไฟ พร้อมทั้งยังมีประเด็นของ AI สอดแทรกอยู่ด้วย

ส่วนการสืบสวน จากตัวอย่างที่หนังปล่อยออกมาความสนุกของหนังที่เราน่าจะได้เห็นในเรื่องนี้คือ การร่วมค่อย ๆ ตามหาความจริงไปกับตัวละคร ค่อย ๆ ร่วมปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด พร้อมทั้งร่วมลุ้นระทึกไปกับเวลาที่ค่อย ๆ กดดันมากขึ้นเรื่อย ๆ ใครที่ชอบหนังสืบสวน พลอตที่น่าจะสับขาหลอก ไม่ควรพลาด

โดย Oxygen ฉายแล้วบน Netflix

Oxygen หนังระทึกขวัญ ไซไฟ
ตัวอย่าง Oxygen

Cr. ภาพ : เว็บไซต์ IMDB

#news-entertainments.com #ซีรีส์ หนัง

The Conjuring: The Devil Made Me Do It คนเรียกผี 3

The Conjuring The Devil Made Me Do It

พบกับภารกิจไล่ผีครั้งใหม่ของ เอ็ด และลอวเรน ที่สยอง และน่าสะพรึงยิ่งกว่าเดิม ในตัวอย่างแรก คนเรียกผี 3 The Conjuring​: The Devil Made Me Do It

ในที่สุดก็ปล่อยออกมาให้ได้ชมแล้ว สำหรับตัวอย่างแรกของ The Conjuring​: The Devil Made Me Do It หนังภาคที่สาม ของหนังปราบผีที่โด่งดังที่สุดในยุคนี้อย่าง The Conjuring ซึ่งจากเดิมที่หนังจะมีกำหนดฉายตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้หนังต้องถูกเลื่อนฉายมาในปี 2021 นี้

ใครที่คิดถึงสองสามีภรรยานักปราบผี เอ็ด และลอว์เรน สามารถรับชมตัวอย่างแรกจากหนังได้แล้วตอนนี้ ก่อนเตรียมนับถอยหลังพบความสยองแบบเต็ม ๆ ช่วงเดือนมิถุนายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

โดยใน The Conjuring​: The Devil Made Me Do It จะเป็นการหยิบเรื่องราวของเคสที่โด่งดัง และสะเทือนขวัญที่สุดของ เอ็ด (แพทริค วิลสัน) และ ลอว์เรน (เวร่า ฟาร์มิก้า) เหตุการณ์ในภาคนี้จะพูดถึงคดีฆาตกรรมของ อาร์นี่ จอห์นสัน (รัวรี่ โอ คอนเนอร์) ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 1981

เมื่อ อาร์นี่ ได้ทำการฆ่าเจ้าของอพาร์ทเมนต์ ด้วยการกระหน่ำแทงอย่างโหดร้าย แต่ทว่าเมื่อถูกจับกุม และขึ้นพิจารณาคดีในศาล ตัวของอาร์นี่ ก็ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และอ้างว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นฝีมือของปีศาจที่สั่งการให้เขาลงมือฆาตกรรม เอ็ด และลอว์เรน เลยต้องทำการเข้าไปช่วยเหลือการสืบสวนคดีนี้ จนนำมาสู่หนึ่งในภารกิจปราบผีของทั้งสองที่อันตราย และน่าสะพรึงกลัวที่สุดของพวกเขา

The Conjuring​ The Devil Made Me Do It

ตัวหนังในภาคนี้กำกับโดย ไมเคิล ชาเวส (The Curse of La Llorona) เขียนบทโดย เดวิด เลสลี่ จอห์นสัน-แมคโกลด์ริค (The Conjuring 2 , Aquaman)

พร้อมได้ เจมส์ วาน ผู้สร้างแฟรนไชส์ Saw , Insidious และ The Conjuring มารับหน้าที่อำนวยการสร้าง ซึ่งนอกจากในภาคนี้หนังจะได้ แพทริค วิลสัน และเวร่า ฟาร์มิก้า กลับมารับบท เอ็ด และลอว์เรน อีกครั้ง

หนังยังสมทบด้วย รัวรี่ โอ คอนเนอร์ (Teen Spirit), จูเลี่ยน ฮิลเลียด (ซีรีส์ The Haunting of Hill House), แชนนอน คุ้ค (The Conjuring) และ สเตอร์ลิง เจอรินส์ (ซีรีส์ Divorce)

The Conjuring​ The Devil Made Me Do It

ความน่าสนใจของหนังในภาคนี้คือการฉีกกรอบเดิม ๆ ของหนัง The Conjuring ทั้งสองภาคก่อนหน้า โดยในภาคนี้หนังมีความเป็นหนังอาชญากรรม สืบสวนสอบสวน และมีการพยายามอิงเหตุการณ์จริงมากขึ้น ผิดจากภาคก่อน ๆ ที่เน้นไปทางหนังบ้านผีสิง และเน้นขายฉากตุ้งแช่ เป็นส่วนใหญ่ ส่วนด้านความสยอง ความน่ากลัว ในตัวอย่างหนังที่ปล่อยออกมายังไม่มีการเผยฉากผีหลอก หรือฉากน่ากลัวให้ได้เห็นมากนัก แต่บรรยากาศความระทึกยังคงจัดเต็มตามเดิม ซึ่งก็ต้องมารอลุ้นในหนังเต็มว่าจะน่ากลัวเทียบเท่าสองภาคแรกได้หรือไม่

โดย The Conjuring​: The Devil Made Me Do It ถูกวางแผนให้เป็นหนังภาคสุดท้ายของชุด The Conjuring แต่กระนั้นก็ยังมีหนังจากจักรวาลภาคแยกจากแฟรนไชส์นี้ ได้แก่ The Nun 2 ภาคต่อของผีแม่ชีสุดเฮี้ยน

และ The Crooked Man หนังที่ว่าด้วยปีศาจถือร่มที่เคยสร้างความสยองมาแล้วใน The Conjuring 2 ซึ่งโปรเจกต์ทั้งสองเรื่องยังได้ เจมส์ วานมารับหน้าที่อำนวยการสร้างเช่นเคย แต่ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดฉายอย่างเป็นทางการ

สำหรับ The Conjuring​: The Devil Made Me Do It จะมีกำหนดฉายในไทย 3 มิถุนายน ในโรงภาพยนตร์

The Conjuring​ The Devil Made Me Do It

Cr.ภาพ : Warner Bros. Thailand

Wrath of Man หนังแอคชั่น อาชญากรรมเรื่องล่าสุดของ กาย ริตชี่ย์

Wrath of Man

เจสัน สเตทแฮม รับบทเป็นคนขับรถขนเงินสุดเดือด ในตัวอย่างเต็ม Wrath of Man หนังแอคชั่น อาชญากรรมเรื่องล่าสุดของ กาย ริตชี่ย์

ใครที่กำลังคิดถึงหนังแอคชั่น อาชญากรรม สไตล์ กาย ริตชี่ย์ เตรียมรอดูผลงานจากแกกันไปยาว ๆ ได้เลยเพราะหลังจากที่ปีที่แล้วเราได้ชมผลงาน The Gentlemen หนังอาชญากรรมตลกร้ายของเจาพ่อค้ากัญชาไปแล้ว ในปีนี้เรากำลังจะได้ชมอีกหนึ่งผลงานสุดเดือดของเขาในหนังที่มีชื่อว่า Wrath of Man ที่เตรียมจะเข้าฉายในโรงบ้านเราเดือน พฤษภาคมนี้

โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ H (เจสัน สเตทแฮม) ชายลึกลับที่ทำงานเป็นคนขับรถขนเงินจำนวนมหาศาลไปทั่วเมืองลอส แองเจลิส แต่ทว่างานที่เหมือนจะง่ายดายนี้ มันก็เต็มไปด้วยอันตราย โดยเฉพาะจากเหล่าอาชญากรที่หวังจะมาปล้นเงิน ทำให้ด้าน H ที่เป็นคนดูแลการส่งเงินนี้ก็ไม่ธรรมดา เพราะเขามีสกิลที่จะสามารถลุยกับใครก็ตามที่มาขวางทางภารกิจขนเงินของเขา และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความมันส์ครั้งใหม่

Wrath of Man

ตัวหนังได้ กาย ริตชี่ย์ มารับหน้าที่กำกับ และเขียนบทร่วมกับ มาร์น เดวี่ย์ และอีแวน แอทคินสัน สองมือเขียนบทที่เคยร่วมงานกับ ริตชี่ย์มาแล้วใน The Gentlemen โดยหนังเรื่องนี้ก็เป็นงานที่รีเมคมาจากหนังฝรั่งเศสเรื่อง “Le Convoyeur” หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า “Cash Truck” ที่ฉายในปี 2004

Wrath of Man

หนังได้ เจสัน สเตทแฮม (Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw) มารับบทนำ และสมทบด้วย สก้อต อีสต์วู้ด (The Outpost) จอช ฮาร์เนท (ซีรีส์ Penny Dreadful)

เจฟฟรี่ย์ โดโนแวน (Sicario: Day of the Soldado) เอ็ดดี้ มาร์สัน (The Gentlemen) และนักร้องดังอย่าง โพสต์ มาโลน (Spenser Confidential) มาร่วมสร้างสีสันอีกด้วย

Wrath of Man

นอกจากนี้ Wrath of Man ก็ถือว่าเป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของ ริตชี่ย์ และนักแสดงคู่บุญอย่าง เจสัน สเตทแฮม ในรอบ 16 ปี นับจาก Revolver ในปี 2005 ซึ่งนอกจาก Wrath of Man แล้ว ผลงานต่อไปของ ริตชี่ย์ที่เป็นหนังแอคชั้น สายลับ เราก็จะได้เห็นทั้งคู่กลับมาร่วมงานด้วยกันอีกเช่นกัน

Wrath of Man
กาย ริตชี่ย์ news-emtertainments.com

สำหรับ กาย ริตชี่ย์ คือผู้กำกับชื่อดังอีกคนหนึ่งของฮอลลีวูดที่ผลงานของเขาหลาย ๆ เรื่องเป็นที่ยอมรับ และที่พูดถึงมาจนทุกวันนี้ ด้วยสไตล์งานที่มักจะพูดถึงเรื่องอาชญากรรม ด้านมืดของมนุษย์ ให้ออกมาดูเบาสมอง และชวนติดตาม

โดยงานแจ้งเกิดของเขาคือ Lock, Stock and Two Smoking Barrels ปี 1998 และโด่งดังใน Snatch ปี 2000 ก่อนที่เขาจะได้จับโปรเจคใหญ่ครั้งแรกกับ Sherlock Holmes ปี 2009 จนเมื่อปี 2019 ริตชี่ย์ ก็ได้รับโอกาสจาก Disney ให้ทำหนัง Aladdin ฉบับคนแสดง ซึ่งด้วยการฉีกแนวในครั้งนี้ทำให้หนังได้รับกระแสตอบรับที่ไม่ดีนัก ก่อนที่ท้ายที่สุด ริตชี่ย์ ก็กลับมาคืนฟอร์มอีกครั้งจากการกำกับ The Gentlemen ที่ฉายเมื่อปี 2019

โดย Wrath of man จะมีกำหนดฉายในไทย 6 พฤษภาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

Wrath of Man

#Wrath of man #เจสัน สเตทแฮม #กาย ริตชี่ย์ #หนังแอคชั่น อาชญากรรม #ซีรีย์ หนัง #news entertainments.com

Cr.ภาพ : เว็บไซต์ IMDB

รีวิวหนัง Don’t Listen เสียงสั่งหลอน

Don't Listenเสียงสั่งหลอน

รีวิวหนัง Don’t Listen เสียงสั่งหลอน ผีสเปนสุดโหดที่ไม่ได้มาเล่น ๆ

ครอบครัวแดเนียลย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ใหญ่โตน่าอยู่ พวกเขาต้องการที่จะต่อยอดคฤหาสน์หลังนี้และขายต่อด้วยราคาสูงกว่าที่พวกเขาซื้อมา แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายดายแบบนั้นเพราะบ้านที่พวกเขาอยู่ดันแฝงไปด้วยเรื่องราวชวนขนหัวลุกและพีคกว่าที่เราคาดคิดไว้

Don't Listenเสียงสั่งหลอน

คำเตือน : คนรักแมวและคนกลัวของมีคม โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมด้วยนะคะเพราะภาพในหนังค่อนข้างสะเทือนใจอยู่บางฉาก

Don’t Listen เสียงสั่งหลอน : “เอริค” ลูกชายของแดลเนียลและซาร่าเริ่มมีอาการแปลกประหลาด เขาได้ยินเสียงมาจากที่ไหนสักแห่งในตัวบ้านและในบางครั้งเสียงก็มาจากวิทยุสื่อสารของเขาซึ่งมันคอยบอกเรื่องราวให้กับเอริคอยู่เสมอและเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเล่าเรื่องนี้ให้พ่อและแม่ฟัง พวกเขาขอให้นักจิตวิทยามาตรวจอาการเอริคที่บ้าน เอริคบอกเธอไปว่า เสียงเป็นคนบอกเรื่องราวและขอให้เขาวาดรูปหลอน ๆ ให้ แน่นอนว่านักจิตวิทยาไม่มีทางเข้าใจอะไรแบบนี้แน่ ๆ แต่หลังจากที่นักจิตวิทยากลับไป เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นและฝันร้ายของคฤหาสน์หลังนี้ก็เริ่มถูกปลุกให้ตื่นขึ้น

Don't Listenเสียงสั่งหลอน

นักแสดงนำ

Rodolfo Sancho Aguirre : รับบทเป็นแดเนียลสามีของซาร่า มีลูกชายชื่อ เอริค เขาเป็นคนที่รักครอบครัวมากโดยเฉพาะลูกชาย เขายอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องครอบครัวของเขา

Don't Listenเสียงสั่งหลอน

Belén Fabra : รับบทเป็นซาร่าภรรยาของเอริค เธอเป็นแม่ที่ดีมากและก็น่าสงสารสุด ๆ

Don't Listenเสียงสั่งหลอน

Ramón Barea : รับบทเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งเหนือธรรมชาติ เขามาที่นี่เพื่อช่วยครอบครัวของแดเนียล

Don't Listenเสียงสั่งหลอน

Beatriz Arjona : รับบทเป็นลูกสาวผู้ช่วยของ Germán ในบทบาทที่สตรองและไม่อ่อนแอ มีอุปกรณ์ตรวจสอบจับสิ่งเหนือธรรมชาติ

Don't Listenเสียงสั่งหลอน

ทุกอย่างเริ่มแย่ลง

ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งเหนือธรรมชาติเท่านั้นที่ดูเหมือนจะช่วยพวกเขาให้หลุดพ้นจากขุมนรกอันน่าสยดสยองนี้ได้ พวกเขาต้องแข่งกับเวลา พากันตรวจสอบและไขปริศนาที่เป็นต้นตอของสิ่งเหนือธรรมชาติตัวร้ายที่อยู่ข้างในคฤหาสน์ก่อนที่มันจะสายเกินแก้ มันเป็นการภารกิจที่เสี่ยงและอันตรายมากเพราะสิ่งที่พวกเขากำลังจะพบเจอ มันไม่ใช่คน! ต้องขอบอกเลยว่าในฉากนี้จะเริ่มมีภาพสะเทือนใจแล้วนะคะ โปรดทำใจก่อนดูค่ะ

ผีสเปนหักมุมเก่งมาก

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ได้เห็นฉากเอริคตอนจมน้ำจากตัวอย่างหนัง เราเชื่อว่าทุกคนจะต้อง งง เหมือนกับเราแน่นอนเพราะมันผิดจากที่คิดไว้เพราะบทหนังดันหักมุมเป็นอย่างอื่นซึ่งตัวผู้เขียนเองก็คาดไม่ถึงด้วยซ้ำและนอกจากนี้ก็ยังมีความหักมุมให้เราได้รับชมมากกว่านี้ ซึ่งหลัง ๆ ปมเรื่องก็จะเฉลยจบในตอนนั้น ความกลัวที่สะสมมาตั้งแต่เนิ่น ๆ กลับถูกแทนที่ด้วยความสงสารมากกว่า

Don't Listenเสียงสั่งหลอน

หนังเรื่องนี้สามารถดูได้เรื่อย ๆ แถมยังมีความน่าติดตามอีกด้วย เพราะว่ามีการทิ้งปมให้เราสงสัยไว้ก่อนตั้งแต่เกือบกลางเรื่องเลย นอกจากนี้ก็ยังมีจุดพีคมากมายที่เราคาดไม่ถึงอยู่หลายจุดซึ่งเราก็คิดว่าหนังทำออกมาได้ดีอยู่ค่ะถึงแม้ว่าจะมีจุดที่ติดขัดอยู่บ้างก็ตาม ซึ่งในด้านของความหลอนเรื่องนี้มันก็มีที่มาที่ไปและบทบาทก็ไม่ได้ยัดเยียดความหลอนให้

แต่จะค่อย ๆ ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายซึ่งจะทวีคูณความหลอนยิ่งขึ้นและที่ประทับใจมาก ๆ คือทีมโปรดักชั่นทั้งหลายทำออกมาได้ดีมากเลย ไม่ว่าจะเป็นบทของหนัง ในส่วนของฉากก็มีความเล่นสีสันด้วยโทนสีมืดสลัวหลอน ๆ ได้อย่างสวยงาม ไหนจะเสียงซาวด์เอฟเฟคที่ฟังแล้วแทบจะสะดุ้งและสุดท้ายแล้วก็คือการแสดงที่มีความเป็นธรรมชาติ ไม่รู้สึกติดขัดอะไรเลยค่ะและสำหรับใครที่อยากดูเรื่องนี้นะคะ Don’t Listen เสียงสั่งหลอน ก็สามารถรับชมได้ที่ Netfilx เลย

#news-entertainments.com #ซีรีส์ หนัง

จอห์นนี่ เดปป์ เป็นช่างภาพผู้ตีแผ่ความจริงในหนังดราม่า ระทึกขวัญ ที่สร้างจากเรื่องจริง Minamata

Minamata

หลังจากที่สิ้นสุดบทบาท แจ็ค สแปร์โรว์ ใน Pirates of the Caribbean เราก็แทบไม่ได้เห็นบทบาทที่เป็นที่จดจำนักของ จอห์นนี่ เดปป์ เท่าไหร่นัก เพราะบทบาทที่ควรจะสร้างชื่อให้เขาอีกครั้งอย่างบท กรินเดอวัลล์ ใน Fantastic Beasts

เดปป์ ก็ต้องจำยอมถูกถอนตัวอย่างกะทันหัน หลังจากเล่นไปเพียงสองภาคเท่านั้น อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่คิดถึง จอห์นนี่ เดปป์ ในเร็ว ๆ นี้เรากำลังจะได้ชมผลงานการแสดงสุดท้าทายเรื่องใหม่ของเขา ในหนังดราม่า ระทึกขวัญอย่าง Minamata

Minamata หนังสร้างมาจากเหตุการณ์จริงเมื่อช่วงปี 1971 เมื่อ ดับเบิลยู ยูจีน สมิธ (จอห์นนี่ เดปป์) ช่างภาพผู้ถ่ายทอดชีวิตของผู้คน และเรียกร้องเสรีภาพ จากงานภาพของเขา ซึ่งได้เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น ณ เมืองมินามาตะ ที่ได้มีโรงงานอุตสาหกรรมทิ้งสารโลหะลงในแม่น้ำ จึงทำให้ชาวเมืองต่างได้รับสารพิษเข้าไป จนผู้คนล้มป่วย และเด็กที่เกิดมาก็มีสภาพพิการจนกลายเป็นโรคที่มีชื่อว่า “โรคมินามาตะ” และยูจีน ต้องทำหน้าที่ถ่ายภาพความยากลำบากของผู้คนในเมืองมินามานะ แต่ทว่าเขาก็ต้องเผชิญกับอิทธิพลมืดที่อยู่เบื้องหลังความเลวร้ายทั้งหมด

Minamata เป็นผลงานการกำกับของ แอนดรูว์ เลอวิทัส (Lullaby) ที่ได้หยิบเอาเรื่องราวช่วงท้าย ๆ ของชีวิตตากล้องของ ยูจีนมานำเสนอ ซึ่งนอกจากหนังจะได้ เดปป์ มาแสดงนำแล้ว ยังสมทบด้วย ฮิโรยูกิ ซานาดะ (Mortal Kombat) บิล ไนฮีย์ (About Time) จุน คูนิมูระ (The Wailing) มาซาโยชิ ฮาเนดะ (Edge of Tomorrow) และ ทาดะโนบุ อาซาโน่ (Thor Ragnarok)

minamata

สำหรับ ดับเบิลยู ยูจีน สมิธ คือช่างภาพชาวอเมริกัน ผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1918 – 1978 ซึ่งเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักถ่ายภาพผู้เรียกร้องสันติภาพ ยูจีน เป็นช่างภาพที่โด่งดังจากการถ่ายภาพให้นิตยสาร Life จนในปี 1945 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ยูจีน ได้รับบาดเจ็บจากการทำหน้าที่ช่างภาพ จนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่มือ และใบหน้า

ส่วนผลงานภาพถ่ายของ ยูจีน ในช่วงที่เขาเดินทางไปที่มินามาตะ ตามเหตุการณ์ในหนังนั้น ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นอีกผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขา แต่มันก็ต้องแรกมากับการที่เขาถูกเหล่าพนักงานโรงงานที่ทิ้งสารโลหะในแม่น้ำ รุมทำร้าย โดย ยูจีน ได้เสียชีวิตลงเมื่อปี 1978 จากโรคเส้นเลือดในสมองแตก

minamata

สำหรับใครที่ชื่นชอบหนังที่สร้างจากเรื่องจริง ที่สะท้อนสังคม Minamata เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง โดยหนังจะมีกำหนดฉาย 13 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

#Minamata #จอห์นนี่ เดปป์ #John Christopher Depp #ซีรีย์ หนัง #news-entertainments.com

Cr.ภาพ : เว็บไซต์ IMDB, Rotten Tomatoes

บ้อบ โอเดนเคิร์ก เป็นพ่อบ้านนักฆ่า ใน “Nobody” หนังแอคชั่นจากผู้เขียนบท John Wick

Nobody คนธรรมดานรกเรียกพี่

ใครที่เป็นคอหนังแอคชั่น ล้างแค้น เตรียมนับถอยหลังพบกับนักฆ่าคนใหม่ ในหนังเรื่อง Nobody “คนธรรมดานรกเรียกพี่” ที่ครั้งนี้มาในมาดที่แปลกตากว่าเดิม เพราะเขาคือนักฆ่าที่เบื้องหน้าคือหัวหน้าครอบครัว ที่ดูแสนจะธรรมดา และอบอุ่น เหมือนไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่แท้จริงแล้วเขามีด้านมืดบางอย่างที่ซ่อนอยู่ ซึ่งใครที่อยากเสพความมันส์แบบถึงใจรอชมกันได้เลยในช่วงสงกรานต์นี้

Nobody คนธรรมดานรกเรียกพี่

สำหรับ Nobody จะว่าด้วยเรื่องราวของ ฮัทช์ แมนเซลล์ (บ้อบ โอเดนเคิร์ก) คุณพ่อและสามีที่สุดแสนจะธรรมดา ที่วันหนึ่งได้มีโจรบุกเข้ามาในบ้านของเขา และขโมยของมีค่าไป แต่ด้าน ฮัทช์ ก็กลับไม่ได้ทำท่าทีต่อสู้หรือขัดขืนใด ๆ เพราะเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้เกิดความรุนแรง จากเหตุการณ์นี้ก็ได้ทำให้ทั้งลูก ๆ ของเขา รวมถึงภรรยาก็ได้ตีตัวออกห่างเพราะมองว่า ฮัทช์ขี้ขลาด

ด้วยเหตุนี้ ฮัทช์ เลยเริ่มระเบิดความเดือดดาลในใจ และได้ปลุกสันชาตญาณนักฆ่าของเขาที่ซ่อนอยู่ให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้น ฮัทช์ ก็เริ่มออกล่าใครก็ตามที่ทำลายเขา และครอบครัว เพื่อมารับผิดอย่างสาสม

Nobody คนธรรมดานรกเรียกพี่

Nobody เป็นผลงานการกำกับของ อิลยา ไนซูเลอร์ ผู้กำกับที่เคยระเบิดความมันส์มาแล้วใน Hardcore Henry พร้อมได้ เดเรค โคลสแตด มือเขียนบทจาก John Wick ทั้ง 3 ภาค มาร่วมเขียนบทให้ นอกจากนี้ยังได้ เดวิด ลิตช์ ผู้กำกับจาก Deadpool 2 และ Fast & Furious Presents: Hobbs & Shaw มารับหน้าที่อำนวยการสร้างอีกด้วย งานนี้รับประกันได้เลยว่าเดือด มันส์ อย่างแน่นอน

Nobody คนธรรมดานรกเรียกพี่

อีกสิ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้สำหรับ Nobody ก็คือการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ บ้อบ โอเดนเคิร์ก พระเอกของเรื่อง ซึ่งที่ผ่านมาหลาย ๆ คนน่าจะจดจำเขาได้จากบทดราม่า คอเมดี้ อย่าง ซอล กู้ดแมน จากซีรีส์ Breaking Bad และ Better Call Saul และบทบาทเบื้องหลังด้วยการเป็นผู้เขียนบทให้หนัง และซีรีส์หลาย ๆ เรื่อง ด้วยความที่เป็นการฉีกแนวมาเล่นบทบู๊เป็นครั้งแรก โอเดนเคิร์ก ในวัย 58 ปีก็ได้ลงทุนเล่นฉากแอคชั่นในเรื่องนี้เองทั้งหมด ซึ่งเขาก็ได้ทุ่มเทเวลาซ้อมคิวบู๊นานกว่า 2 ปี โดยใช้เวลา ฝึกฝนร่างกายวันละ 2 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ฉากต่อสู้ที่มันส์ เดือดสมการรอคอย

Nobody คนธรรมดานรกเรียกพี่

ซึ่งในตอนนี้ Nobody ก็ได้ทำการฉายแล้วที่อเมริกา พร้อมได้เสียงตอบรับอย่างยอดเยี่ยมด้วยคะแนนจากนักวิจารณ์ในเว็บไซต์ Rotten Tomatoes สูงถึง 81% และคะแนนจากฝั่งคนดูสูงถึง 95% ส่วนแฟนหนังแอคชั่นชาวไทยจะได้ชม Nobody ในวันที่ 13 มีนาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

ตัวอย่าง Nobody

#Nobody #คนธรรมดานรกเรียกพี่ #ซีรีย์ หนัง #news-entertainments.com

Cr. ภาพ : เว็บไซต์ Rotten Tomatoes

รีวิว Judas and the Black Messiah

Judas and the Black Messiah

Judas and the Black Messiah หนังดราม่า เนื้อหาเข้มข้น ที่มาพร้อมบทที่ทรงพลัง และการแสดงที่น่าขนลุก

เรียกได้ว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่มาได้ถูกจังหวะ ถูกช่วงเวลามาก ๆ สำหรับ Judas and the Black Messiah อีกหนึ่งหนังตัวเต็งออสการ์ของปีนี้ ที่เข้าชิงไปทั้งสิ้นถึง 6 สาขา โดยความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือการที่หนังเรื่องนี้มันได้พูดถึงการต่อสู้ระหว่างชนชั้นล่าง คนผิวสี และอำนาจรัฐที่มีความอยุติธรรมซ่อนอยู่

ซึ่งหากมองภายนอกมันอาจเป็นเหมือนหนังที่ว่าด้วยความขัดแย้งด้านสีผิวของอเมริกา ที่เป็นที่นิยมของนักทำหนังยุคหลัง ๆ แต่ภายในของหนังเรื่องนี้มันได้ซ่อนด้วยเรื่องราวของมิตรภาพ ความรัก และการเสียสละ ที่ดูแล้วชวนสะเทือนใจมาก ๆ เรื่องหนึ่ง

Judas and the Black Messiah

Judas and the Black Messiah จะว่าด้วยเรื่องราวเหตุการณ์จริงสุดอื้อฉาวของอเมริกาในช่วงยุค 60-70 ที่ได้มีกลุ่มคนที่ออกมาเรียกร้องสิทธิ และทำการปฏิวัติ ที่มีชื่อว่า อิลลินอยส์ แบล็ค แพนเตอร์ ปาร์ตี้ ที่มี เฟรด แฮมป์ตัน (แดเนียล คารูย่า) ที่เป็นที่เคารพ ยำเกรงของเหล่าสมาชิกในกลุ่ม

รวมถึงเหล่ากลุ่มเรียกร้องสิทธิกลุ่มอื่น ๆ เหตุการณ์ของหนังเริ่มขึ้นเมื่อ วิลเลี่ยม โอ นีล (ลาคีธ แสตนฟีลด์) หัวขโมยที่ชอบแอบอ้างว่าตนเป็นเจ้าหน้าที่ FBI เพื่อขโมยเงิน และรถของคนอื่น จนวันหนึ่่งเขาถูก รอย มิตเชลล์ (เจสซี่ พลีมอน) เจ้าหน้าที่ FBI ตัวจริงจับกุม

และด้วยโทษสถานหนัก ทำให้ รอยได้ยื่นข้อเสนอให้ โอ นีล ทำการลอบเข้าไปเป็นหนังในสมาชิกของกลุ่ม อิลลินอยส์ แบล็ค แพนเตอร์ ปาร์ตี้ เพื่อส่งข่าวของ แฮมป์ตัน และพรรพวก ซึ่งทางด้าน โอ นีล ก็หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้ว FBI มีแผนการที่อันตราย และชั่วร้ายกว่าที่เขาคิดไว้หลายเท่า

Judas and the Black Messiah

ถ้ามองโดยภาพรวมของ Gerne หนังเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงนำ Judas and the Black Messiah ไปเปรียบเทียบกับ The Trial of the Chicago 7 ที่เข้าฉายใน Netflix เมื่อปีที่แล้ว ด้วยความที่หนังทั้งสองเรื่องพูดถึงประเด็นการเมือง และความอยุติธรรมของรัฐ หรือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

แต่กระนั้นหนังทั้งสองเรื่องกลับมีโทนเรื่อง และวิธีการนำเสนอที่ไปคนละทิศทางโดยสิ่นเชิง ใน Judas and the Black Messiah หนังจะพาเราไปสำรวจตัวละครอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเจาะลึกถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ทั้งหมดว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ในขณะที่ The Trial of the Chicago 7 จะเน้นไปที่บริบทของเหตุการณ์เป็นหลัก แต่สิ่งที่ทั้งสองเรื่องสามารถสะท้อนให้เราเห็นอย่างชัดเจนมาก ๆ คือการย้ำเตือนว่าครั้งหนึ่งมันเคยเกิดความไม่ปกติของกระบวนการยุติธรรมในประเทศของพวกเขา ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่อง “เสรีภาพ”

Judas and the Black Messiah

หนังจะเล่าเรื่องแบบหนังดราม่า ระทึกขวัญ โดยตัวหนังจะพาเราไปสำรวจชีวิตของสองตัวละครคือ เฟรด แฮมป์ตัน และ วิลเลี่ยม โอ นีล ที่ทั้งสองต่างมีจุดมุ่งหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง ในด้านฝั่ง แฮมป์ตัน หนังได้นำเสนอให้ตัวละครของเขามีความคล้ายคลึงกับหนังมาเฟียหน่อย ๆ

คือการเป็นผู้มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับ และค่อนข้างมีอิทธิพลต่อคนโดยรอบ แต่ว่าเจตนาของ แฮมป์ตัน คือการเสียสละให้กับประชาชน และความรักที่เขามีให้ต่อ เดบอราห์ (โดมินิค ฟิชแบค) รวมถึงมิตรภาพที่มีต่อเพื่อน ๆ เรียกได้ว่าบทของ แฮมป์ตัน จะหนักไปทางดราม่า เพื่อชีวิต ที่สามารถสร้างความประทับใจให้หลาย ๆ คนได้ ในขณะที่ด้าน โอ นีล เป็นตัวแทนของความระทึกขวัญ เพราะพาร์ทของตัวละครนี้คือการตีหน้าเป็นนกสองหัว ซึ่งอยู่กั้นกลางระหว่างตัวดี และตัวร้ายของเรื่อง ทุกครั้งที่ โอ นีล ถูกมอบหมายงานจาก FBI จะให้ความรู้สึกที่กดดัน ตึงเครียด แม้ว่าเราจะพอรู้ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับตัวละคร แต่บรรยากาศของหนังก็สามารถทำให้เราอึดอัดได้อย่างไม่น่าเชื่อ

อีกหนึ่งทีเด็ดของหนังเรื่องนี้คือบท ที่หนังได้มีการหยิบคำปราศัยของ แฮมป์ตัน ตัวจริงมาดัดแปลง และมันได้กลายเป็นหนึ่งในจุดขายที่เราได้เห็นมันมาตั้งแต่ในตัวอย่าง คือฉากการปราศัยสุดเดือดของ แฮมป์ตัน เพื่อเรียกพลังจากมวลชน ให้ร่วมกันต่อสู้กับความอยุติธรรมในฐานะนักปฎิวัติ

ซึ่งในหลาย ๆ ฉากที่เป็นการปราศัย ล้วนแต่มีความแยบยลคมคาย มีการใช้สำนวน การเปรียบเปรยที่มีชั้นเชิง ประกอบกับการแสดงของ แดเนียล คารูย่า ที่ถ่ายทอดบทของ แฮมป์ตันออกมาได้เข้าถึงอารมณ์ จนน่าขนลุก

Judas and the Black Messiah

นอกจากนี้ การแสดงที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือบท โอ นีล ของ ลาคีธ แสตนด์ฟีลด์ ที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนจะจำเขาได้ในบทสมทบในหนังหลาย ๆ เรื่อง โดยเขาเคยแสดงร่วมกับ แดเนียล คารูย่า มาแล้วในเรื่อง Get Out นอกจากนี้เขายังเคยรับบทเป็น “L” ใน Death Note เวอร์ชั่น Netflix ที่ถูกกันด่าจากแฟนหนังชุดนี้

แต่สำหรับใน Judas and the Black Messiah ลาคีธ ได้กลับมารับบทนำอีกครั้ง พร้อมความท้าทายครั้งใหม่ เพราะบทบาทในครั้งนี้มีพาร์ทดราม่าที่หนักกว่าเรื่องอื่น ๆ พร้อมทั้งตัวละครของเขาก็ยังเป็นตัวแปรสำคัญของเรื่อง ซึ่ง ลาคีธ ก็ถ่ายทอดบท โอ นีล ออกมาได้มีมิติ ชวนจดจำ โดยเฉพาะพาร์ทที่ตัวละครต้องตัดสินใจระหว่างการทำภารกิจ และมนุษยธรรม ที่ลาคีธ ได้แสดงให้เราเข้าถึงอารมณ์ร่วมกับตัวละครได้อย่างทรงพลัง

Judas and the Black Messiah

โดยรวม Judas and the Black Messiah

ถือว่าเป็นหนังดราม่า ระทึกขวัญ ที่หยิบเหตุการณ์จริงทางการเมืองมาถ่ายทอดได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยบทหนังที่พาเราไปสำรวจชีวิตของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง และเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ที่ชัดจน พร้อมทั้งยังเปี่ยมด้วยการแสดงที่เข้าถึงบทบาทของทีมนักแสดงนำ ทำให้ไม่แปลกเลยที่หนังจะสามารถเข้าชิงรางวัลออสการ์ และอีกหลาย ๆ เวที หากใครที่กำลังมองหาหนังที่มีประเด็นการเมืองเข้ากับยุคกับสมัย หรือหนังที่พูดถึงประวัติศาสตร์ นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ควรพลาดของปีนี้

ตัวอย่าง Judas and the Black Messiah

Cr. ภาพ : เว็บไซต์ IMDB และ Warner Bros. Thailand

#Judas and the Black Messiah #จูดาส แอนด์ เดอะ แบล็ก เมสไซอาห์ #Warner Bros. Thailand #หนัง ซีรีย์ #news-entertainments.com

The Lord of the Rings Trilogy ฉบับรีมาสเตอร์กลับมาฉายในโรงอีกครั้ง

The Lord of the Rings Trilogy

Major Group เตรียมนำ The Lord of the Rings Trilogy ฉบับรีมาสเตอร์กลับมาฉายในโรงอีกครั้ง โดยวางกำหนดฉาย พฤษภาคมนี้

ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับคอหนังรุ่นใหม่ และรุ่นเก่าเลยก็ว่าได้ เมื่อได้มีการประกาศจากทาง Major Cineplex ว่าจะมีการนำภาพยนตร์ชุด The Lord of the Rings Trilogy กลับมาฉายในโรงภาพยนตร์อีกครั้งในฉบับรีมาสเตอร์ 4K และจะเป็นครั้งแรกที่หนังชุดนี้จะได้ฉายบนจอ IMAX โดยวางกำหนดฉายคร่าว ๆ คือช่วงเดือนพฤษภาคมนี้

The Lord of the Rings Trilogy
The Lord of the Rings Trilogy

อย่างที่ทราบกันดีว่าในปี 2021 นี้ หนังเรื่อง The Lord of the Rings ภาค The Fellowship of the Ring จะมีอายุครบ 20 ปี ทำให้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้มีการนำหนังชุดนี้ทั้งสามภาค กลับมารีมาสเตอร์เป็น 4K และเข้าฉายในโรง IMAX เป็นครั้งแรก ซึ่งไทยเองก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับเกียรติในการร่วมเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ของหนังชุดนี้อีกครั้ง

ซึ่งการนำหนังเก่ากลับมารีมาสเตอร์ และฉายบนมจอ IMAX นั้น กำลังกลายเป็นกระแสในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการบูรณะหนังในความทรงจำของหลาย ๆ คน ที่เมื่อตอนหนังเหล่านี้ฉายแต่ไม่ได้ชมในโรงภาพยนตร์ หรือคนที่อยากรำลึกความทรงจำอีกครั้งด้วยอรรถรสที่เต็มเปี่ยม โดยเมื่อปีที่แล้วทาง Warner Bros. Thailand ก็ได้นำหนังฟอร์มยักษ์ของคริสโตเฟอร์ โนแลน อย่าง The Dark Knigjt Trilogy, Inception และ Interstellar กลับมาฉายบนจอ IMAX อีกครั้ง เพื่อต้อนรับการเข้าฉายของ Tenet

โดยหนัง The Lord of the Rings เป็นภาพยนตร์มหากาพย์ที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมคลาสสิคของ เจ อาร์ อาร์ โทลคีน ที่ว่าด้วยเรื่องราวของการผจญภัยของฮอบบิท ที่ต้องร่วมมือกับเผ่าพันธุ์เอลฟ์ คนแคระ และมนุษย์ เพื่อเดินทางไปทำลายแหวนครองพิภพ เพื่อป้องกันไม่ให้ซอร์รอน ลอร์ดผู้ชั่วร้ายกลับมาทำลายล้างโลกอีกครั้ง

หนังทั้งสามภาคกำกับโดย ปีเตอร์ แจ็คสัน (King Kong) โดยหนังชุดนี้ก็ได้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ไตรภาคที่ดีที่สุดตลอดกาล เช่นเดียวกับ Star Wars โดยหนังทั้งสามภาคสามารถทำรายได้รวมกันสูงถึง 2,956 ล้านเหรียญฯ โดยเฉพาะในภาคที่สามของหนังชุดนี้อย่าง The Lord of the Rings: The Return of the King ที่ในภาคเดียวสามารถทำรายได้ไปถึง 1,140 ล้านเหรียญฯ พร้อมทั้งยังสามารถกวาดรางวัลจากเวทีออสการ์ในปี 2004 ไปได้ถึง 11 รางวัล

The Lord of the Rings Trilogy
The Lord of the Rings Trilogy

ส่วนใครที่ยังคิดถึงมหากาพย์การผจญภัยในดินแดน มิดเดิลเอิร์ธ ในเร็ว ๆ นี้ก็กำลังจะมีซีรีส์ที่เป็นภาคแยกของ The Lord of the Rings ที่จะว่าด้วยเรื่องราวหลายร้อยปีก่อนเกิดเหตุการณ์ในฉบับหนัง ซึ่งจะเป็นซีรีส์ที่มีทุนการสร้างสูงที่สุดในโลก ด้วยทุนสร้างในซีซั่นแรกสูงถึง 465 ล้านเหรียญฯ

The Lord of the Rings Trilogy จะมีกำหนดฉายในไทยช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ ใครที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางเพจ Warner Bros. Thailand และ Major Group

The Lord of the Rings Trilogy
The Lord of the Rings Trilogy

Cr. ภาพ : เว็บไซต์ IMDB